The Cave นางนอน
ปาฏิหาริย์ 13 ชีวิตต้องรอด
เหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเกิดขึ้นในช่วงกลางปีที่แล้ว หนึ่งปีกว่าผ่านไป วันนี้มีหนังที่พร้อมจะบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่ใช่สารคดีซึ่งถูกผลิตออกมาให้รับชมกันจากหลายสำนักทั้งที่เป็นของในประเทศไทยเราเองและของต่างประเทศ แต่ในรูปแบบของหนังนั้นนี่คือเรื่องแรก และยังได้ ทอม วอลเลอร์ ผู้กำกับหนังที่เคยมีผลงานหนังซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของบริบทในสังคมไทยมาแล้วพอสมควร ดังนั้นการมาทำหนังเรื่องนี้จึงไม่น่าใช่เรื่องยากสำหรับเขานัก เว้นเสียแต่ว่าจะมีปัจจัยอื่นที่ยากจะต่อกรด้วย
นี่ไม่ใช่หนังสารคดีก็จริงแต่ถ้าได้ดูแล้วจะรู้ได้เลยว่านี่ไม่ได้แตกต่างกับหนังสารคดีมากนักเพราะหนังเน้นบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบอย่างค่อนข้างตรงไปตรงมา เน้นความสมจริง และพยายามอธิบายให้คนดูได้เข้าใจอย่างง่ายที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้นำเสนอออกมาเสียจนแข็งทื่อจนไร้อารมณ์ร่วมระหว่างคนดูกับหนังเช่นเดียวกัน กล่าวคือ หนังยังคงหยิบเอาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างเหตุการณ์นี้มาบอกเล่าให้คนดูได้มีอารมณ์ร่วมไปกับหนังตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกลุ้นระทึกในระหว่างการช่วยเหลือที่เสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก ความรู้สึกสิ้นหวังจากการที่มีโอกาสช่วยเหลือให้ทุกคนรอดนั้นเป็นไปได้ยากมาก ความรู้สึกมีความหวังเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจากทั่วโลกพยายามช่วยเหลือ และความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่ได้รู้ว่าโลกใบนี้น่าอยู่แค่ไหนที่เพื่อนมนุษย์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไม่มีข้อแม้
หนังทำหน้าที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างค่อนข้างครบถ้วนดี ทั้งข้อมูลทางกายภาพของถ้ำ วิธีการช่วยเหลือ และความพยายามช่วยเหลือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีแม้กระทั่งส่วนเล็กๆอย่างคนทำอาหารหรือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากการได้รับน้ำเข้านาของตัวเอง นอกจากนี้หนังก็ยังสอดแทรกปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในกระบวนการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วยโดยการเสียดสีการทำงานของหน่วยงานบ้านเราที่ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์จริงในขณะนั้น ยิ่งกว่านั้นยังเล่นแรงถึงขั้นทำให้ผู้นำประเทศบางคนกลายเป็นตัวตลกเลยด้วย เราว่าเป็นสีสันที่ช่วยทำให้หนังมีอารมณ์ขันแทรกอยู่บ้างเพียงแต่ว่ามุกนี้อาจจะใช้ได้ผลดีกับคนไทยเสียมากกว่า
แต่ที่ขัดใจเป็นอย่างมากก็คือ ในช่วงท้ายของหนังกลับเล่าเรื่องเยิ่นเย้อโดยใช่เหตุด้วยการให้ความสำคัญกับนักดำน้ำ จิม วาร์นีย์ มากจนเกินไป
ด้วยเรื่องราวที่น่าประทับใจและชวนซาบซึ้งได้ง่ายเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่หนังจะทำให้คนดูอย่างน้อยที่สุดก็น้ำซึมได้ แม้จะรู้เรื่องราวของเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
ขบเคี้ยวหนัง
[CR] The Cave นางนอน ปาฏิหาริย์ 13 ชีวิตต้องรอด
The Cave นางนอน
ปาฏิหาริย์ 13 ชีวิตต้องรอด
เหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเกิดขึ้นในช่วงกลางปีที่แล้ว หนึ่งปีกว่าผ่านไป วันนี้มีหนังที่พร้อมจะบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่ใช่สารคดีซึ่งถูกผลิตออกมาให้รับชมกันจากหลายสำนักทั้งที่เป็นของในประเทศไทยเราเองและของต่างประเทศ แต่ในรูปแบบของหนังนั้นนี่คือเรื่องแรก และยังได้ ทอม วอลเลอร์ ผู้กำกับหนังที่เคยมีผลงานหนังซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของบริบทในสังคมไทยมาแล้วพอสมควร ดังนั้นการมาทำหนังเรื่องนี้จึงไม่น่าใช่เรื่องยากสำหรับเขานัก เว้นเสียแต่ว่าจะมีปัจจัยอื่นที่ยากจะต่อกรด้วย
นี่ไม่ใช่หนังสารคดีก็จริงแต่ถ้าได้ดูแล้วจะรู้ได้เลยว่านี่ไม่ได้แตกต่างกับหนังสารคดีมากนักเพราะหนังเน้นบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบอย่างค่อนข้างตรงไปตรงมา เน้นความสมจริง และพยายามอธิบายให้คนดูได้เข้าใจอย่างง่ายที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้นำเสนอออกมาเสียจนแข็งทื่อจนไร้อารมณ์ร่วมระหว่างคนดูกับหนังเช่นเดียวกัน กล่าวคือ หนังยังคงหยิบเอาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างเหตุการณ์นี้มาบอกเล่าให้คนดูได้มีอารมณ์ร่วมไปกับหนังตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกลุ้นระทึกในระหว่างการช่วยเหลือที่เสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก ความรู้สึกสิ้นหวังจากการที่มีโอกาสช่วยเหลือให้ทุกคนรอดนั้นเป็นไปได้ยากมาก ความรู้สึกมีความหวังเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจากทั่วโลกพยายามช่วยเหลือ และความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่ได้รู้ว่าโลกใบนี้น่าอยู่แค่ไหนที่เพื่อนมนุษย์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไม่มีข้อแม้
หนังทำหน้าที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างค่อนข้างครบถ้วนดี ทั้งข้อมูลทางกายภาพของถ้ำ วิธีการช่วยเหลือ และความพยายามช่วยเหลือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีแม้กระทั่งส่วนเล็กๆอย่างคนทำอาหารหรือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากการได้รับน้ำเข้านาของตัวเอง นอกจากนี้หนังก็ยังสอดแทรกปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในกระบวนการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วยโดยการเสียดสีการทำงานของหน่วยงานบ้านเราที่ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์จริงในขณะนั้น ยิ่งกว่านั้นยังเล่นแรงถึงขั้นทำให้ผู้นำประเทศบางคนกลายเป็นตัวตลกเลยด้วย เราว่าเป็นสีสันที่ช่วยทำให้หนังมีอารมณ์ขันแทรกอยู่บ้างเพียงแต่ว่ามุกนี้อาจจะใช้ได้ผลดีกับคนไทยเสียมากกว่า
แต่ที่ขัดใจเป็นอย่างมากก็คือ ในช่วงท้ายของหนังกลับเล่าเรื่องเยิ่นเย้อโดยใช่เหตุด้วยการให้ความสำคัญกับนักดำน้ำ จิม วาร์นีย์ มากจนเกินไป
ด้วยเรื่องราวที่น่าประทับใจและชวนซาบซึ้งได้ง่ายเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่หนังจะทำให้คนดูอย่างน้อยที่สุดก็น้ำซึมได้ แม้จะรู้เรื่องราวของเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
ขบเคี้ยวหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้