กรดไหลย้อน ภัยจากความเครียด อันตราย ถ้าไม่รักษา!

กรดไหลย้อน ภัยจากความเครียด อันตราย ถ้าไม่รักษา!
ทุกวันนี้ความเครียดและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้คนเราป่วยเป็นโรคต่างๆมากมาย หนี่งในโรคที่รู้จักกันดีและเป็นกันบ่อยๆก็คือ โรค ‘กรดไหลย้อน’ ซึ่งดูเผินๆ อาจจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร แค่สร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิต ประจำวันเท่านั้นเอง แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ไม่ยอมรักษาจนปล่อยให้ป่วยเรื้อรัง ก็อาจทำให้มีโรคแทรกซ้อนขึ้นมา หรือบางคนก็รุนแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารและเสียชีวิตได้เลยนะครับ
แล้ว ‘กรดไหลย้อน’ คืออะไร มีสาเหตุและมีวิธีรักษาอย่างไร วันนี้พี่หมอมีข้อแนะนำมาฝากกันเช่นเคยครับ  
 
โรค ‘กรดไหลย้อน’ คือ ภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหาร  ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอก หรือเรอเปรี้ยว บางรายก็อาจมีอาการไอและเจ็บหน้าอกร่วมด้วย ซึ่งโรคนี้สามารถเป็นกันได้ทุกเพศทุกวัยและยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอีกด้วยครับ 
 
สาเหตุของโรค 
1. ความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งมักจะเกิดกับผู้สูงอายุที่หูรูดของหลอดอาหารเสื่อมสภาพแล้ว 
2. ความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหาร  ส่งผลให้หลอดอาหารบีบตัวไล่น้ำย่อยที่ย้อนขึ้นมาได้น้อยลง ทำให้น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานขึ้น 
3. กระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลงจนไม่สามารถนำอาหารที่ย่อยแล้วลงสู่ลำไส้ได้หมด อาหารจึงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน เกิดเป็นแรงดันขึ้นมา ทำให้หูรูดเปิดออก อาหารและน้ำย่อยจึงย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารอีกครั้ง 
4. ปัจจัยอื่นๆ เช่น 
· การสูบบุหรี่และความเครียด นอกจากจะทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไปแล้ว ยังทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง น้ำย่อยและอาหารจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร 
· การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด ทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัวและเกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง คาเฟอีน แอลกอฮอล์ รวมถึงอาหารรสจัดและผลไม้ที่มีความเป็นกรดสูงด้วย เช่น  ส้ม  มะนาว  
· การรับประทานยาบางชนิดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ โดยผลข้างเคียงของยาจะส่งผลแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ดังนั้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร  ไม่ควรหยุดยาหรือซื้อยามารับประทานเองนะครับ  
· ความอ้วน  เนื่องจากคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องมากกว่าคนทั่วไป  ทำให้ความดันในกระเพาะอาหารสูง มีโอกาสที่จะเป็นโรคกรดไหลย้อนได้
· การตั้งครรภ์ เมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นความดันในกระเพาะอาหารก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนมากขึ้น

การรักษาโรคกรดไหลย้อน มีด้วยกัน 2 วิธี คือ
1. การรับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งควรรับประทานตามที่แพทย์สั่งเท่านั้นและไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาที่ไม่ถูกวิธี
2. การผ่าตัด ซึ่งจะใช้กับผู้ป่วยเรื้อรังและผู้ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา หรือได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาเท่านั้น
 
สำหรับวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเป็นโรคกรดไหลย้อนได้ก็คือ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กระเพาะหลั่งกรด
ออกมามากเกินไป เช่น อาหารที่มีไขมันสูงและรสจัด เครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ การพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยได้นะครับ แต่ถ้าจะออกกำลังกายหรือทำงานที่ต้องก้มๆเงยๆ ก็ควรรอให้อาหารย่อยก่อนประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง  อีกเรื่องที่ต้องระวังคือไม่ควรนอนหลังรับประทานอาหารทันที ควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุดก็คือ  การหมั่นสังเกตร่างกายของตนเองเป็นประจำก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ เช่น 
1.   สังเกตอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ หรือบางครั้งก็อาจปวดร้าวไปที่ลำคอ เหมือนมีก้อนจุกอยู่  กลืนลําบาก แสบคอ คลื่นไส้ เรอบ่อย และมีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาจนรู้สึกขมที่คอ   
2.   จุกเสียด แน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย อาจมีกลิ่นปาก หรือเสียวฟันร่วมด้วย 
3.   หลังรับประทานอาหารมักมีอาการท้องอืด  คลื่นไส้ อาเจียน หรือไอแห้งๆ บ่อยๆ
4.   เสียงแหบในช่วงเช้าหรือแหบเรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมา ทำให้กล่องเสียงอักเสบ
5.   สำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกขณะนอนหลับ     
 
โรคกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หลายคนมักจะมีอาการนี้ โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากขนาดของมดลูกขยายใหญ่ขึ้นจนไปเบียดกับกระเพาะอาหาร ทำให้กรดและอาหารในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมา รวมถึงผลกระทบจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ก็ส่งให้ระบบย่อยอาหารทำงานน้อยลงเช่นกัน   
หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ แล้วเกิดอาการของโรคกรดไหลย้อนขึ้นมา ทางที่ดีที่สุดก็คือ ควรไปให้คุณหมอตรวจและรักษานะครับ ไม่ควรซื้อยาลดกรดมารับประทานเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากยาบางชนิด อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือตัวคุณแม่เองได้  
 
ถ้าลองเช็กแล้วพบว่ามีอาการเหล่านี้ พี่หมอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์นะครับ เพราะถึงโรคกรดไหลย้อนจะฟังดูไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรประมาทเช่นกัน 
 
ดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ พี่หมอเป็นห่วง 😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่