นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยี
บล็อกเชน (Blockchain) ได้ขยายบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในแวดวงการเงินการธนาคาร เพราะเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับกระบวนการทำงานอย่างมีบูรณาการ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพิ่มความรวดเร็ว ความปลอดภัย และตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธนาคารให้แข็งแกร่งมากขึ้น
จุดเด่นอีกอย่างของเทคโนโลยีบล็อกเชน คือประสิทธิภาพเรื่องความโปร่งใส ทันต่อเหตุการณ์ และมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง สามารถป้องกันการโจรกรรมทางการเงินได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยปกป้องข้อมูลและทรัพย์สินของเจ้าของได้ด้วย เพราะใช้ระบบความปลอดภัยที่ต้องเข้ารหัส (encryption technology) รวมทั้งยังเป็นเครือข่ายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สามารถบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายประเทศเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว เช่น ฮอนดูรัส ซึ่งเริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้จดทะเบียนที่ดินตั้งแต่ปี 2015 และ จอร์เจีย ที่ร่วมกับ Bitfury Group พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้กับการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่สวีเดนได้ประกาศทดลองการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน
นายผยง กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง มีการนำบล็อกเชนมาใช้แล้ว เช่น ASX (Australian Securities Exchange), Deutsche B ๖rse (ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต), JPX (Japan Exchange Group) และ Nasdaq's Linq ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายในภาคเอกชน ระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำ pre-IPO กับนักลงทุน ร่วมมือกับบริษัทบล็อกเชน พัฒนาโครงการที่จะนำ Blockchain มาใช้ในการประชุมผู้ถือหุ้น (Proxy Voting) ในตลาดหุ้นเอสโตเนียด้วย
สำหรับประเทศไทย
ธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงการคลัง นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และธนาคารกรุงไทย นำระบบบล็อกเชน มาใช้ในการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น โครงการระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Government Procurement : e-GP และโครงการการออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (DLT Scripless Bond)
"การที่กรุงไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศชาติ เข้าสู่ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ"
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา กรุงไทยเป็นผู้พัฒนาระบบลงทะเบียนชิมช้อปใช้ หรือแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน และในช่วงต้นปี 2563 ธนาคารกรุงไทย จะเปิดตัวโครงการอื่น ๆ ที่นำระบบบล็อกเชนมาพัฒนาร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในระบบการเงินการธนาคาร รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ แก่ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น.
ขอบคุณข้อมูลจาก
นสพ.เดลินิวส์ (กรอบบ่าย)
ฉบับวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
เทคโนโลยีบล็อกเชน จะมายกระดับธุรกิจธนาคารอย่างไร เชิญฟังคำตอบจาก ผยง ศรีวณิช แห่งกรุงไทย
จุดเด่นอีกอย่างของเทคโนโลยีบล็อกเชน คือประสิทธิภาพเรื่องความโปร่งใส ทันต่อเหตุการณ์ และมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง สามารถป้องกันการโจรกรรมทางการเงินได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยปกป้องข้อมูลและทรัพย์สินของเจ้าของได้ด้วย เพราะใช้ระบบความปลอดภัยที่ต้องเข้ารหัส (encryption technology) รวมทั้งยังเป็นเครือข่ายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สามารถบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายประเทศเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว เช่น ฮอนดูรัส ซึ่งเริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้จดทะเบียนที่ดินตั้งแต่ปี 2015 และ จอร์เจีย ที่ร่วมกับ Bitfury Group พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้กับการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่สวีเดนได้ประกาศทดลองการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน
นายผยง กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง มีการนำบล็อกเชนมาใช้แล้ว เช่น ASX (Australian Securities Exchange), Deutsche B ๖rse (ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต), JPX (Japan Exchange Group) และ Nasdaq's Linq ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายในภาคเอกชน ระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำ pre-IPO กับนักลงทุน ร่วมมือกับบริษัทบล็อกเชน พัฒนาโครงการที่จะนำ Blockchain มาใช้ในการประชุมผู้ถือหุ้น (Proxy Voting) ในตลาดหุ้นเอสโตเนียด้วย
สำหรับประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงการคลัง นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และธนาคารกรุงไทย นำระบบบล็อกเชน มาใช้ในการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น โครงการระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Government Procurement : e-GP และโครงการการออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (DLT Scripless Bond)
"การที่กรุงไทยเป็นผู้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศชาติ เข้าสู่ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ"
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา กรุงไทยเป็นผู้พัฒนาระบบลงทะเบียนชิมช้อปใช้ หรือแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน และในช่วงต้นปี 2563 ธนาคารกรุงไทย จะเปิดตัวโครงการอื่น ๆ ที่นำระบบบล็อกเชนมาพัฒนาร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในระบบการเงินการธนาคาร รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ แก่ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น.
ขอบคุณข้อมูลจาก
นสพ.เดลินิวส์ (กรอบบ่าย)
ฉบับวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562