หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เดินทาง 9 ปี กว่าจะถึง อมก๋อย เชียงใหม่ บ้านแม่โขง อ่านแล้วยิ้มไปกับผม
กระทู้สนทนา
อำเภออมก๋อย
จังหวัดเชียงใหม่
ผมชื่อ กุ้ง
นี่เป็นกระทู้แรกของผม
อยากเล่าเรื่องราวความรู้สึกดีดี จากการเดินทาง ที่ใช้เวลา 9 ปี กว่าจะถึง อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้คนอ่านได้ยิ้มไปด้วยกัน
เมื่อตอน ปี 2553 ที่ มหาลัยราชมงคลธัญบุรี ได้มีการจัดนิทรรศการ ได้มีงานต่างๆมากมายมาแสดงในงาน ผมก็เดินในงาน เจอการจัดการแสดงหนึ่งที่สะดุดตามากมีผู้ชายคนหนึ่ง ร่างใหญ่ผ้ามัดหัวมีหนวดหน่อย และเด็กชาวดอยใส่เสื้อผ้าชัดเจนว่าเขาเป็นคนดอย วาดรูปลายปากการูปบ้านของชาวบ้านผมมองเห็นความเป็นธรรมชาติในตัวเด็ก ที่ปนอยู่กับสายตา เสื้อผ้า รอยยิ้มการแสดงออกว่า เขาไม่คุ้นเคยกับเมืองและคน
ผมได้เดินเข้าไปคุยกับ ผช ร่างใหญ่ ซึ่งรู้ทีหลังว่าเขาเป็นคุณครูสอน ศิลปะ เขาเล่าความเป็นอยู่ชาวบ้าน เด็ก โรงเรียนให้ฟัง จนผมมีจิตใจแน่วแน่ว่าอยากเป็นครู อยากไปสอนอยากไปช่วยในส่วนที่ขาดที่เราช่วยได้ ผมขอที่อยู่นามบัตรจากคุณครู ได้นามบัตรลายเซนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมก็เคลือบเก็บไว้อย่างดี
และผมก็เรียนต่อ จนจบทำงาน และไปรับราชการทหาร 1 ปีเรื่องราวยังวนเวียนในหัวผมตลอดเวลาชีวิตทำงานมันไม่ง่ายเหมือนตอนคิดไว้พอทำงานจริงๆ วุ่นวายไปหมดสิ่งที่คิดตั่งใจไว้ก็ไม่ได้เริ่มซักที ก็เลยเริ่มที่จะลงมือทำ ผ่านไปไวมาก 7 ปี เมื่อปี 2560 ผมเริ่มติดต่อตามหาคุณครูเจ้าของลายเซน
เบอร์ที่ให้ไว้โทรไปไม่ติด ติดต่อไม่ได้ไม่รู้ว่ายังสอนอยู่ไหม ผมก็เข้าไปหาเบอร์ทะเบียนครูในโรงเรียน ยางเปา ที่ให้ไว้โทรเข้าเบอร์ ผอ. ผู้ช่วย ก็ไม่มีคนรับสาย สุดท้ายโทรเข้าเขต เล่าเรื่องรูปลักษณะสันฐาน จนสุดท้ายท้ายสุด ทุกคนเรียกว่าคุณครูเบิ้ม หรือคุณครู ชัยยศ สุขต้อ จากนั้นก็ได้เบอร์มา ก็ถามสารทุกข์สุขดิบ คุณครูเล่าว่า ไปล่องเรือเรือล่ม เพื่อนครูและภารโรง ตาย2 ตัวเองรอดมาได้ โทรศัพท์ตกน้ำหายหมด ทั้งผมและคุณครูต่างก็ดีใจที่ได้ติดต่อกันอีกครั้งหลังผ่านไป 7 ปี คราวนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปต้องขึ้นไปดูต้องขึ้นไปเห็นว่าความลำบากบนดอย สิ่งที่ขาดสิ่งที่เราช่วยได้มีอะไร แต่ก็ยังมีอุปสรรค์เหมือนเดิม
ปีนั้นผมลาออกจากงาน อยากมีกิจการเป็นของตัวเองเหนื่อยชีวิตพนักงาน มาเปิดร้านขายราเมง ( เจ๊งไม่เป็นท่า หม้อก็ไม่เหลือ ) สู้ต่อมาเปิดบริษัท รับเหมาไฟฟ้า ปีแรกจะไปขอข้าววัดกินอยู่แล้ว ปี 2561 สู้ไม่ถอย มีแม่ทัพ และเพื่อนกำลังหลักช่วยร่วมรบ ปี 2562 ยังมีความคิดว่าจะขึ้นไป แต่ขอให้รวยก่อนขอให้มีเงินเก็บมากกว่านี้ก่อนค่อยขึ้นไป คิดแต่แบบนี้ไม่เคยรวย ไม่เคยพร้อมซักที จนวันหนึ่งคิดได้ว่า คำว่าพอ คือ = คำว่าพร้อม ชีวิตคนเรามันสั้นไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้กับชาติหน้าอะไรจะมาก่อนกัน ผมตัดสินใจเด็ดเดี่ยว บินเดี่ยวจองตั๋วเดินทาง เก็บของไปเชียงใหม่ ขึ้นสนามบินอู่ตะเภา วันที่ 15 พ.ย.2562 ผมเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน 04.00 น. คนเราที่สุดแล้วตัวเองต้องเป็นที่พึ่งของตน เราสามารถทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้ในบางเรื่อง ไม่ต้องอ้างว่ารอ...เพือน โชคชะตา และนั่นแสดงว่าเรามีกำลังพอที่ดูแลคนอื่นได้ด้วย จงอย่ากลัวความลำพัง ถ้าความลำพังนั้นไม่ใช่เป็นการทอดทิ้งจากใครๆ
โทรนัดทางคุณ ครูชัยยศ สุขต้อไว้ ว่าจะเจอกันที่ โรงเรียน ยางเปา ผมลงเครื่องบินแล้วไปต่อรถที่ประตูเมืองเชียงใหม่
นั่งรถคันนี้ ไป 49 บาท เพื่อไปลง ฮอด แต่ก็เกิดงานด่วนคุณครู ชัยยศ ก็ต้องลงจากเขามาขึ้นเครื่องด่วน ไปที่กรุงเทพ โทรคุยกัน ขับรถสวนทางกันคุณครูโบกมือให้ การเจอกันครั้งแรก ได้เจอแค่มือ... ตอนรถสวนทาง
จากนั้นผมก็นั่งรถต่อ จากฮอด ไป อมก๋อย ผมลงเครื่อง 08.20 น. ผมไปถึง อำเภออมก๋อย 13.30 น. แล้วรีบไปต่อที่โรงเรียน ยางเปา
จากนั้นผมก็ได้เห็นแค่ห้องทำงานของคุณครูที่ฝากเด็กๆไว้ ว่าแขกจะมาให้เด็กๆต้อนรับดีดี
สิ่งที่คุณครูเตรียมไว้ให้ช่างมีความหมาย และเป็นจุดเริ่มต้น....ของการเดินทางครั้งนี้จริงๆ นั่นคือ เตรียมรถ มอไซค์เวฟ 110i พร้อมเสบียงอาหารใต้เบาะรถไว้ให้ สิ่งที่ผมควรไปดูคือ เดินทางจาก โรงเรียนยางเปาไป หมู่บ้านแม่โขงอีก 60 กม. พร้อมคนนำทาง 2 คนที่จะเป็นล่ามแปลภาษาให้ นั่นคือ พี่พาลาโปะ กับน้อง ไนท์ เส้นทางนั้นผมนึกไม่ออกว่าจะเจออะไรแต่ความตั้งใจคืออยากขึ้นไปสัมผัสอยากเห็นอยากช่วยความสนุกประทับใจเริ่มขึ้นหลังจากนี้ครับ
พี่พาลาโปะ เป็นชาวกระเหรียงในหมู่บ้านคนแรกที่จบ ปริญญาตรี ศิลปศาสตร์ ราชมงคลล้านนา
ระหว่างทางถนนเส้นทางผมไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงให้เห็นภาพ อากาศเย็นสบายต้นไม้สองฝั่งทาง วิถีชาวบ้าน มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
อย่าไปเชื่อเวลาใน GPS ความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้นเป็นถนนแดงปะปนกับคอนกรีตบ้าง ชันสูง ปนสลับหินภูเขา ผมผา่นไปหลายหมู่บ้านจนไปถึงหมู่บ้านแม่โขง เกือบ 18.00 น.ก็เตรียมหาที่นอน ทางพี่โปะน้องไนท์ คนนำทางพาไปพักบ้านไม้ไผ่ที่เป็นที่สอนเด็กวาดรูป
บรรยากาศเยือกเย็น ที่นี่มีไฟจากการปั่นพลังงานน้ำ เปิดปิดเป็นเวลา วันไหนน้ำไหลน้อยก็ไม่มีไฟใช้ บ้านหนึ่งจะมีไฟหนึ่งหรือสองหลอด แค่เห็นแสงไฟในบ้าน รางๆ บริเวณโดยรอบ ไม่ต้องพูดถึงมืดสนิท ทางเดินในหมู่บ้านมืดสนิท ทุกคนนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติ ที่ 100 %
ลมหนาวเบาๆ ดาวเต็มท้องฟ้า เงาของภูเขาล้อมรอบหมู่บ้าน
วันที่ผมมา 3 คืนไฟดับทั้ง 3 คืน เสียงน้ำไหล รอบหมู่บ้านมีสายน้ำ2 สายการเป็นอยู่ที่เรียบง่าย อาหารการกินตามมีตามเกิด
หมู ไก่ วัว ควาายเลี้ยงแบบปล่อย เดินไปเรื่อย บ้านไม่มีรั้ว ไม่รู้จะแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยาอะไรกัน ที่นั่นไม่มีตำแหน่งไม่มีลาภยศ อะไรให้แสวงหา เพราะทุกคนต่างรอคอย ฝนให้ตกตาม ฤดูกาลเหมือนกัน
บ้านทุกหลังจะมีเตาไฟบนบ้านไว้ไล่แมลงยุง และแก้หนาว เตาไฟนี่หระคือหัวใจของบ้านทุกคนจะมานั่งคุยกันกินข้าวเหมือนเป็นจุดรับแขกซึ่งผมมองว่าสำคัญที่สุดในบ้านเลย ความเป็นอยู่แบบนี้สำหรับผมสบายมาก หลังจากผ่านการเป็น ทหารบก มา1ปี ผมรู้ว่าเวลาผมมีจำกัดผมเริ่มสำรวจบ้านเกือบทุกหลังคาผมเดินทั้งหมู่บ้าน โดยมีคนช่วยเแปลสิ่งที่ผมเห็นคือความมืดสนิท มืดชนิดแบบมองเห็นแค่ดาวบนฟ้า และช่วงเวลาที่ผมไปไม่มีแสงไฟเลย นอกจากหม้อแบตเตอรี่ไฟส่องกบ และที่สำคัญคลื่นโทรศัพท์ของผมที่นี่ใช้ไม่ได้ ผมมองเห็นในสิ่งที่ผมพอช่วยได้ ตื่นเช้ามาผมรีบขี่รถย้อนกลับไปอีกหมู่บ้านหนึ่งพอมีคลื่นโทรศัพท์ผม ความคิดผมคือ ไฟถนนจะมีประโยชน์กับทุกคนในหมู่บ้านเวลามีงาน เดินทางไปวัด และเดินทางจากบ้านไปบ้านหลังอื่นผมรีบดำเนินการสั่งทางเน็ตขอให้รีบมาส่งและเน้นย้ำว่าต้องส่งตรงเวลา เพราะผมกับชาวบ้านต้องใช้เวลากลับไปรับทั้งวัน ชาวบ้านมีรอยยิ้มดีใจแต่นึกภาพไม่ออกว่าไฟถนนมันจะสว่างแค่ไหนมันจะทำอะไรให้เขาได้ดีขึ้น ผมเดินทางลงจากเขาดอยหมู่บ้านแม่โข่ง ไปรับโคมไฟอีกสองวันต่อมา นั่นคือได้เจอกันกับ คุณครู ชัยยศ ครั้งแรกในรอบ 9 ปี ซึ่งต่างคนต่างดีใจมาก
เลยต้องทำการอัพเดรทลายเซนใหม่หน่อย แต่เวลามีจำกัดผมต้องรีบกลับขึ้นดอยเดียวมืด ได้คุยกันไม่ถึง 30 นาที แต่เป็น 30 นาทีที่มีค่ามากจริงๆ
ผมไม่ได้รับรู้ถึงความเหนื่อยเมื่อยล้าอะไรเลย ไม่รู้สึกอะเลยจริงๆ เพราะมีจุดมุ่งหมายที่หนักแน่นมากในการเดินทางครั้งนี้
กลับขึ้นไปมืดพอดี ชาวบ้านดีใจมาก โคมไฟถนนมาผมและพี่โปะ เดินไปตามจุดต่างๆที่สำรวจไว้ตอนกลางวันและกลางคืนมองเห็นภาพได้ชัดเจนมาก
ในเวลากลางคืนที่มืดสนิทชาวบ้านตื่นเต้นดีใจได้ไฟส่องทาง เด็กๆก็ดีใจผมเดินไปตามแยกมุมแยกที่ส่องสว่างให้ได้แสงสว่างมีประโยชน์กับทุกคนมากที่สุดเพราะ เงินทั้งหมดที่ผมซื้อไปคือครึ่งหนึ่งของเงินเก็บทั้งหมดที่ผมมี ผมไม่ใช่คนรวยแล้วมาทำ ผมไม่ใช่คนสำเร็จรวยเหลือล้นแล้วมาทำมาให้แต่ผมมาทำมาให้ในส่วนที่ผมมีกำลังที่ทำได้
เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมาก เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมไม่เสียดายเวลาเลยแม้เสี้ยววินาที พอตอนเช้าผมก็เริ่มปฎิบัติงานตามแผนการที่เตรียมไว้ เริ่มมอบไฟให้ชาวบ้านทีละจุดและลงมือติดตั้งทุกคนดีใจทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ทุกคนพูดคำว่าขอบคุณ อวยพร เป็นภาษากระเหรี่ยง พี่พาลาโปะ ช่วยแปล
ทุกคนมีความสุข มีแต่รอยยิ้ม ตัวผมเองก็รู้สึกดีและอบอุ่นมาก อยู่ที่นี่ ตื่น 04.30 น.ทุกวัน เพราะ ไก่ขันจากทุกทิศทุกทาง รุ่งเช้าผมรีบเดินทางกลับเพราะต้องรีบกลับมาทำงานต่อ
ผมเดินทางกลับถึงระยองด้วยความปลอดภัยเป็นการเดินทางประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุด และเป็นความประทับใจความทรงจำที่ดี
แต่ยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่มืดสนิทนั่นคือโครงการหน้าที่ผมจะลุยต่อ นี่แค่เริ่มต้น
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
เรื่องเล่า: สะพานผีเฝ้า – ตำนานสะพานข้ามแม่น้ำโขง จังหวัดมุกดาหาร
สมาชิกหมายเลข 8507040
ลุงอ้วนอิ่มเล่ามืด: ขี่รถกลับบ้านยังไง ไม่ให้ผีข้างทางกลับบ้านด้วย
ลุงอ้วนอิ่มเล่ามืด: ขี่รถกลับบ้านยังไง ไม่ให้ผีข้างทางกลับบ้านด้วย เนื่องจากชีวิตเรา บางทีก็ออกไปนอกบ้านกลับมาดึกดื่น ไปเที่ยวกับเพื่อน อะไรก็แล้วแต่ มีเทคนิคเล็กน้อย มาแชร์กันฮะ 1) ระหว่างทางกลับ
ลุงอ้วนอิ่ม
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น "คดีอาจพลิก"ข่าวครูทำอาหารกลางวันเลี้ยงเด็ก ถูกปลดอ
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น ป.ป.ช. ยัน "ครูชัยยศ" ทำผิดระเบียบ เซ็นตรวจรับวันละ 3 รอบ แต่อาหารมาส่งสัปดาห์ละครั้ง ความผิด "ครูชัยยศ
สมาชิกหมายเลข 2933266
ครูชัยยศ คำต้อ ที่ถูกปลดออกจากราชการ เพราะ เซ็นต์ ตรวจรับพัสดุ( ที่ ปปช.ว่าผิด ) ตอบแบบนี้ดีเเล้ว หรือ ควรพูดใหม่
https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000110440 คำต่อคำ “ครูชัยยศ vs ป.ป.ช.” ปมปลดออกจากราชการ ลั่นไม่ยอมรับความผิด 2 ปี เกษียณ ทำไมต้
สมาชิกหมายเลข 947435
******ครูโหด...โคตรซาดิสม์ อำมหิตสุดๆ (18+) ตอนที่ 3 โหดแบบไม่ได้ตั้งใจ******
ต้องบอกตามตรงว่าผมใช้ชีวิตแบบคุณหนูมา 7 ปี ตั้งแต่จำความได้ การได้ใช้ชีวิตแบบเถื่อนๆคล้ายการฝึกโหดแบบหน่วยรบพิเศษ ในวันแรกของการมาโรงเรียนทำให้ผมรู้สึกพึงพอใจมาก มันเหมือนกับว่าผมได้เข้ามาที่ค่ายโหดนร
LXUAWROPDIQYT
NitVigator นีราเกคะเนจือคี : ลองดู ไปเป็นครู(ดอย)อาสา
...ในทุกๆปลายปีนั้น ผมมักก็จะมีแผนแบคแพ็คไปเรื่อยๆยาวๆ ในตอนแรกนั้นปลายปี 2016 นี้ จะไปหลวงพระบาง งอย หนองเขียว แต่...มีแวปหนึ่คิดถึงสิ่งที่ตั้งใจอยากจะทำ แต่ไม่ได้ทำสักที คือการเป็น " ครูอาสาสั
NitVigator
พี่ใจดี ๔ ตอน โอบรักข้ามเขา ..... ณ อมก๋อย
พี่ใจดี ๔ ตอน โอบรักข้ามเขา กระทู้นี้เกิดขึ้นเพราะอยากจะให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมโมทนาบุญไปกับเรา อยากขอบคุณในน้ำใจอันบริสุทธิ์จากผู้ร่วมบริจาค และอยากจะเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำดีๆส่วนตัว และสำคัญที่สุดคื
สมาชิกหมายเลข 2107698
อาสาบนดอย ณ อมก๋อย บ้านแม่ฮองกลาง จ.เชียงใหม่
สืบเนื่องจากปีที่แล้ว https://ppantip.com/topic/36029600 เราทำค่ายเป็นครั้งแรก ปีนี้ช่วงปิดเทอมเลยจัดค่ายอาสาขึ้นเป็นปีที่2 ณ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา”แม่ฟ้าหลวง”บ้านแม่ฮองกลาง ต.นาเกี
สมาชิกหมายเลข 3645631
เสาสัญญานทรูที่วัดกู่พฤกษาราม ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ 50310
สมาชิกหมายเลข 8379058
เปิดแล้วถนนหลวงภูเขาใหม่ 74 กม. เชื่อม เชียงใหม่-ตาก
วันที่ 30 มีนาคม 2565 นายธงไชย ชมถนอม ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทตาก แจ้งว่า กรมทางหลวงชนบท(ทช.) กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินการก่อสร้างท
ตะพานหิน
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อำเภออมก๋อย
จังหวัดเชียงใหม่
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 510
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เดินทาง 9 ปี กว่าจะถึง อมก๋อย เชียงใหม่ บ้านแม่โขง อ่านแล้วยิ้มไปกับผม
นี่เป็นกระทู้แรกของผม
อยากเล่าเรื่องราวความรู้สึกดีดี จากการเดินทาง ที่ใช้เวลา 9 ปี กว่าจะถึง อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้คนอ่านได้ยิ้มไปด้วยกัน
เมื่อตอน ปี 2553 ที่ มหาลัยราชมงคลธัญบุรี ได้มีการจัดนิทรรศการ ได้มีงานต่างๆมากมายมาแสดงในงาน ผมก็เดินในงาน เจอการจัดการแสดงหนึ่งที่สะดุดตามากมีผู้ชายคนหนึ่ง ร่างใหญ่ผ้ามัดหัวมีหนวดหน่อย และเด็กชาวดอยใส่เสื้อผ้าชัดเจนว่าเขาเป็นคนดอย วาดรูปลายปากการูปบ้านของชาวบ้านผมมองเห็นความเป็นธรรมชาติในตัวเด็ก ที่ปนอยู่กับสายตา เสื้อผ้า รอยยิ้มการแสดงออกว่า เขาไม่คุ้นเคยกับเมืองและคน
ผมได้เดินเข้าไปคุยกับ ผช ร่างใหญ่ ซึ่งรู้ทีหลังว่าเขาเป็นคุณครูสอน ศิลปะ เขาเล่าความเป็นอยู่ชาวบ้าน เด็ก โรงเรียนให้ฟัง จนผมมีจิตใจแน่วแน่ว่าอยากเป็นครู อยากไปสอนอยากไปช่วยในส่วนที่ขาดที่เราช่วยได้ ผมขอที่อยู่นามบัตรจากคุณครู ได้นามบัตรลายเซนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมก็เคลือบเก็บไว้อย่างดีและผมก็เรียนต่อ จนจบทำงาน และไปรับราชการทหาร 1 ปีเรื่องราวยังวนเวียนในหัวผมตลอดเวลาชีวิตทำงานมันไม่ง่ายเหมือนตอนคิดไว้พอทำงานจริงๆ วุ่นวายไปหมดสิ่งที่คิดตั่งใจไว้ก็ไม่ได้เริ่มซักที ก็เลยเริ่มที่จะลงมือทำ ผ่านไปไวมาก 7 ปี เมื่อปี 2560 ผมเริ่มติดต่อตามหาคุณครูเจ้าของลายเซน
เบอร์ที่ให้ไว้โทรไปไม่ติด ติดต่อไม่ได้ไม่รู้ว่ายังสอนอยู่ไหม ผมก็เข้าไปหาเบอร์ทะเบียนครูในโรงเรียน ยางเปา ที่ให้ไว้โทรเข้าเบอร์ ผอ. ผู้ช่วย ก็ไม่มีคนรับสาย สุดท้ายโทรเข้าเขต เล่าเรื่องรูปลักษณะสันฐาน จนสุดท้ายท้ายสุด ทุกคนเรียกว่าคุณครูเบิ้ม หรือคุณครู ชัยยศ สุขต้อ จากนั้นก็ได้เบอร์มา ก็ถามสารทุกข์สุขดิบ คุณครูเล่าว่า ไปล่องเรือเรือล่ม เพื่อนครูและภารโรง ตาย2 ตัวเองรอดมาได้ โทรศัพท์ตกน้ำหายหมด ทั้งผมและคุณครูต่างก็ดีใจที่ได้ติดต่อกันอีกครั้งหลังผ่านไป 7 ปี คราวนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปต้องขึ้นไปดูต้องขึ้นไปเห็นว่าความลำบากบนดอย สิ่งที่ขาดสิ่งที่เราช่วยได้มีอะไร แต่ก็ยังมีอุปสรรค์เหมือนเดิม
ปีนั้นผมลาออกจากงาน อยากมีกิจการเป็นของตัวเองเหนื่อยชีวิตพนักงาน มาเปิดร้านขายราเมง ( เจ๊งไม่เป็นท่า หม้อก็ไม่เหลือ ) สู้ต่อมาเปิดบริษัท รับเหมาไฟฟ้า ปีแรกจะไปขอข้าววัดกินอยู่แล้ว ปี 2561 สู้ไม่ถอย มีแม่ทัพ และเพื่อนกำลังหลักช่วยร่วมรบ ปี 2562 ยังมีความคิดว่าจะขึ้นไป แต่ขอให้รวยก่อนขอให้มีเงินเก็บมากกว่านี้ก่อนค่อยขึ้นไป คิดแต่แบบนี้ไม่เคยรวย ไม่เคยพร้อมซักที จนวันหนึ่งคิดได้ว่า คำว่าพอ คือ = คำว่าพร้อม ชีวิตคนเรามันสั้นไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้กับชาติหน้าอะไรจะมาก่อนกัน ผมตัดสินใจเด็ดเดี่ยว บินเดี่ยวจองตั๋วเดินทาง เก็บของไปเชียงใหม่ ขึ้นสนามบินอู่ตะเภา วันที่ 15 พ.ย.2562 ผมเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน 04.00 น. คนเราที่สุดแล้วตัวเองต้องเป็นที่พึ่งของตน เราสามารถทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้ในบางเรื่อง ไม่ต้องอ้างว่ารอ...เพือน โชคชะตา และนั่นแสดงว่าเรามีกำลังพอที่ดูแลคนอื่นได้ด้วย จงอย่ากลัวความลำพัง ถ้าความลำพังนั้นไม่ใช่เป็นการทอดทิ้งจากใครๆ
โทรนัดทางคุณ ครูชัยยศ สุขต้อไว้ ว่าจะเจอกันที่ โรงเรียน ยางเปา ผมลงเครื่องบินแล้วไปต่อรถที่ประตูเมืองเชียงใหม่
นั่งรถคันนี้ ไป 49 บาท เพื่อไปลง ฮอด แต่ก็เกิดงานด่วนคุณครู ชัยยศ ก็ต้องลงจากเขามาขึ้นเครื่องด่วน ไปที่กรุงเทพ โทรคุยกัน ขับรถสวนทางกันคุณครูโบกมือให้ การเจอกันครั้งแรก ได้เจอแค่มือ... ตอนรถสวนทาง
จากนั้นผมก็นั่งรถต่อ จากฮอด ไป อมก๋อย ผมลงเครื่อง 08.20 น. ผมไปถึง อำเภออมก๋อย 13.30 น. แล้วรีบไปต่อที่โรงเรียน ยางเปา
จากนั้นผมก็ได้เห็นแค่ห้องทำงานของคุณครูที่ฝากเด็กๆไว้ ว่าแขกจะมาให้เด็กๆต้อนรับดีดี
สิ่งที่คุณครูเตรียมไว้ให้ช่างมีความหมาย และเป็นจุดเริ่มต้น....ของการเดินทางครั้งนี้จริงๆ นั่นคือ เตรียมรถ มอไซค์เวฟ 110i พร้อมเสบียงอาหารใต้เบาะรถไว้ให้ สิ่งที่ผมควรไปดูคือ เดินทางจาก โรงเรียนยางเปาไป หมู่บ้านแม่โขงอีก 60 กม. พร้อมคนนำทาง 2 คนที่จะเป็นล่ามแปลภาษาให้ นั่นคือ พี่พาลาโปะ กับน้อง ไนท์ เส้นทางนั้นผมนึกไม่ออกว่าจะเจออะไรแต่ความตั้งใจคืออยากขึ้นไปสัมผัสอยากเห็นอยากช่วยความสนุกประทับใจเริ่มขึ้นหลังจากนี้ครับ
พี่พาลาโปะ เป็นชาวกระเหรียงในหมู่บ้านคนแรกที่จบ ปริญญาตรี ศิลปศาสตร์ ราชมงคลล้านนา
ระหว่างทางถนนเส้นทางผมไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงให้เห็นภาพ อากาศเย็นสบายต้นไม้สองฝั่งทาง วิถีชาวบ้าน มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
อย่าไปเชื่อเวลาใน GPS ความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้นเป็นถนนแดงปะปนกับคอนกรีตบ้าง ชันสูง ปนสลับหินภูเขา ผมผา่นไปหลายหมู่บ้านจนไปถึงหมู่บ้านแม่โขง เกือบ 18.00 น.ก็เตรียมหาที่นอน ทางพี่โปะน้องไนท์ คนนำทางพาไปพักบ้านไม้ไผ่ที่เป็นที่สอนเด็กวาดรูป
บรรยากาศเยือกเย็น ที่นี่มีไฟจากการปั่นพลังงานน้ำ เปิดปิดเป็นเวลา วันไหนน้ำไหลน้อยก็ไม่มีไฟใช้ บ้านหนึ่งจะมีไฟหนึ่งหรือสองหลอด แค่เห็นแสงไฟในบ้าน รางๆ บริเวณโดยรอบ ไม่ต้องพูดถึงมืดสนิท ทางเดินในหมู่บ้านมืดสนิท ทุกคนนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติ ที่ 100 %
ลมหนาวเบาๆ ดาวเต็มท้องฟ้า เงาของภูเขาล้อมรอบหมู่บ้าน
วันที่ผมมา 3 คืนไฟดับทั้ง 3 คืน เสียงน้ำไหล รอบหมู่บ้านมีสายน้ำ2 สายการเป็นอยู่ที่เรียบง่าย อาหารการกินตามมีตามเกิด
หมู ไก่ วัว ควาายเลี้ยงแบบปล่อย เดินไปเรื่อย บ้านไม่มีรั้ว ไม่รู้จะแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยาอะไรกัน ที่นั่นไม่มีตำแหน่งไม่มีลาภยศ อะไรให้แสวงหา เพราะทุกคนต่างรอคอย ฝนให้ตกตาม ฤดูกาลเหมือนกัน
บ้านทุกหลังจะมีเตาไฟบนบ้านไว้ไล่แมลงยุง และแก้หนาว เตาไฟนี่หระคือหัวใจของบ้านทุกคนจะมานั่งคุยกันกินข้าวเหมือนเป็นจุดรับแขกซึ่งผมมองว่าสำคัญที่สุดในบ้านเลย ความเป็นอยู่แบบนี้สำหรับผมสบายมาก หลังจากผ่านการเป็น ทหารบก มา1ปี ผมรู้ว่าเวลาผมมีจำกัดผมเริ่มสำรวจบ้านเกือบทุกหลังคาผมเดินทั้งหมู่บ้าน โดยมีคนช่วยเแปลสิ่งที่ผมเห็นคือความมืดสนิท มืดชนิดแบบมองเห็นแค่ดาวบนฟ้า และช่วงเวลาที่ผมไปไม่มีแสงไฟเลย นอกจากหม้อแบตเตอรี่ไฟส่องกบ และที่สำคัญคลื่นโทรศัพท์ของผมที่นี่ใช้ไม่ได้ ผมมองเห็นในสิ่งที่ผมพอช่วยได้ ตื่นเช้ามาผมรีบขี่รถย้อนกลับไปอีกหมู่บ้านหนึ่งพอมีคลื่นโทรศัพท์ผม ความคิดผมคือ ไฟถนนจะมีประโยชน์กับทุกคนในหมู่บ้านเวลามีงาน เดินทางไปวัด และเดินทางจากบ้านไปบ้านหลังอื่นผมรีบดำเนินการสั่งทางเน็ตขอให้รีบมาส่งและเน้นย้ำว่าต้องส่งตรงเวลา เพราะผมกับชาวบ้านต้องใช้เวลากลับไปรับทั้งวัน ชาวบ้านมีรอยยิ้มดีใจแต่นึกภาพไม่ออกว่าไฟถนนมันจะสว่างแค่ไหนมันจะทำอะไรให้เขาได้ดีขึ้น ผมเดินทางลงจากเขาดอยหมู่บ้านแม่โข่ง ไปรับโคมไฟอีกสองวันต่อมา นั่นคือได้เจอกันกับ คุณครู ชัยยศ ครั้งแรกในรอบ 9 ปี ซึ่งต่างคนต่างดีใจมาก
เลยต้องทำการอัพเดรทลายเซนใหม่หน่อย แต่เวลามีจำกัดผมต้องรีบกลับขึ้นดอยเดียวมืด ได้คุยกันไม่ถึง 30 นาที แต่เป็น 30 นาทีที่มีค่ามากจริงๆ
ผมไม่ได้รับรู้ถึงความเหนื่อยเมื่อยล้าอะไรเลย ไม่รู้สึกอะเลยจริงๆ เพราะมีจุดมุ่งหมายที่หนักแน่นมากในการเดินทางครั้งนี้
กลับขึ้นไปมืดพอดี ชาวบ้านดีใจมาก โคมไฟถนนมาผมและพี่โปะ เดินไปตามจุดต่างๆที่สำรวจไว้ตอนกลางวันและกลางคืนมองเห็นภาพได้ชัดเจนมาก
ในเวลากลางคืนที่มืดสนิทชาวบ้านตื่นเต้นดีใจได้ไฟส่องทาง เด็กๆก็ดีใจผมเดินไปตามแยกมุมแยกที่ส่องสว่างให้ได้แสงสว่างมีประโยชน์กับทุกคนมากที่สุดเพราะ เงินทั้งหมดที่ผมซื้อไปคือครึ่งหนึ่งของเงินเก็บทั้งหมดที่ผมมี ผมไม่ใช่คนรวยแล้วมาทำ ผมไม่ใช่คนสำเร็จรวยเหลือล้นแล้วมาทำมาให้แต่ผมมาทำมาให้ในส่วนที่ผมมีกำลังที่ทำได้
เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมาก เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมไม่เสียดายเวลาเลยแม้เสี้ยววินาที พอตอนเช้าผมก็เริ่มปฎิบัติงานตามแผนการที่เตรียมไว้ เริ่มมอบไฟให้ชาวบ้านทีละจุดและลงมือติดตั้งทุกคนดีใจทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ทุกคนพูดคำว่าขอบคุณ อวยพร เป็นภาษากระเหรี่ยง พี่พาลาโปะ ช่วยแปล
ทุกคนมีความสุข มีแต่รอยยิ้ม ตัวผมเองก็รู้สึกดีและอบอุ่นมาก อยู่ที่นี่ ตื่น 04.30 น.ทุกวัน เพราะ ไก่ขันจากทุกทิศทุกทาง รุ่งเช้าผมรีบเดินทางกลับเพราะต้องรีบกลับมาทำงานต่อ
ผมเดินทางกลับถึงระยองด้วยความปลอดภัยเป็นการเดินทางประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุด และเป็นความประทับใจความทรงจำที่ดี
แต่ยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่มืดสนิทนั่นคือโครงการหน้าที่ผมจะลุยต่อ นี่แค่เริ่มต้น
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ