หลายคนที่ได้เห็นโถจับสลากบอลยูโร 2020 อาจจะสงสัยว่า ทำไมแชมป์โลกฝรั่งเศสดันกระเด็นไปอยู่โถ 2 มีโอกาสจับเจอทีมอย่างเยอรมัน สเปน

ทำไมแชมป์เก่ายูโรอย่างโปรตุเกส ถึงหล่นไปอยู่โถ 3 แล้วอาจจะดวงซวย มีโอกาสจับไปอยู่กลุ่มเดียวกับแชมป์โลกสองครั้งล่าสุดอย่าง เยอรมัน กับฝรั่งเศสด้วย



ทั้งนี้ก็เพราะ ยูโรครั้งนี้ ยูฟ่าไม่ได้เอาอันดับ UEFA coefficient มาเป็นตัวจัดอันดับทีมวางเหมือนครั้งก่อนๆครับ แต่ดันเอาผลงานในรอบคัดเลือกมาใช้แทน

จากอันดับทั้งหมดจะเห็นว่า แม้แชมป์โลกอย่างฝรั่งเศสจะเข้ามาเป็นแชมป์กลุ่มตัวเองในรอบคัดเลือก แต่ยูเครนดันผลงานดีกว่า (ตัดผลงานที่เจอกับทีมบ๊วยกลุ่มออก ในกรณีที่มี 6 ทีมในกลุ่มตัวเอง) ทำให้ยูเครนกลายมาเป็นทีมวางใน Pot 1 แทน



จะเห็นว่ายูฟ่าคิดละเอียดยิบ ยันประตูได้เสียเลย แปลว่าในรอบคัดเลือกรอบแบ่งกลุ่ม คุณแค่พยายามเอาชนะเป็นแชมป์กลุ่มอย่างเดียวอาจจะไม่พอ แต่จะต้องชนะเยอะด้วย ต้องยิงให้กระจุยกระจาย ต่อให้คุณได้แชมป์กลุ่มแบบชนะรวดทุกนัด คุณก็มีโอกาสตกไปอยู่ใน Pot 2 ได้ ถ้ายิงไม่เยอะเท่าแชมป์กลุ่มอื่นๆ!!!

นี่เลยเป็นที่มาว่า ทำไมยูโรครั้งนี้เราเลยเห็นทีมใหญ่ ยิงกระจุยกระจายแบบชนิดที่ไม่ค่อยได้เห็นกันมาก่อน เพราะลูกได้เสียทุกลูกมีความหมาย

อังกฤษยำมอนเตเนโกร 7-0 ยำบัลแกเรีย 6-0, เยอรมันยำเอสโตเนีย 8-0 ยำไอร์แลนด์เหนือ 6-1

หรือแม้แต่อิตาลี ทำไมจะต้องยิงอาร์เมเนียถึง 9-1 แฟนๆอัซซูรี่ตอนนี้ยังช็อคไม่หายเลยมั้ง เกิดมาไม่เคยเห็นอิตาลียิงเยอะขนาดนี้ 555+

(ได้ข่าวว่า ชนะเยอะสุดในรอบ 70 ปี หลังจากชนะอเมริกา 9-0 เมื่อปี 1948)

คำถาม คือ จัด seeding แบบนี้ มันดีหรือไม่ดีกันแน่?

ต่อไปถ้าเกิดมีทีมใหญ่พลาดท่าในรอบคัดเลือก เข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของกลุ่มซัก 3 ทีมพร้อมๆกัน ตอนจับสลากรอบสุดท้ายเราอาจจะได้กลุ่มสุดหมู 2-3 กลุ่ม กับกรุ๊ปออฟเดธ 2-3 กลุ่มเกิดขึ้นมาพร้อมกันก็เป็นได้