จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 1 (วิธีการเดินทางในฮ่องกง)
https://ppantip.com/topic/39338587
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 2 (กระเช้านองปิง-ไหว้พระใหญ่)
https://ppantip.com/topic/39341856
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 3 (The Peak )
https://ppantip.com/topic/39344176
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 4 (วัดหมั่นโหม่ว-Shama Hollywood Street)
https://ppantip.com/topic/39347342
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 5 (Disneyland Hongkong)
https://ppantip.com/topic/39365525
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 6 (In town check in @MTR Hong Kong)
https://ppantip.com/topic/39368365
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 7 (Repluse Bay)
https://ppantip.com/topic/39419080
หลังจากเรานั่งรถบัสจาก Repluse Bay มาลงที่ MTR Central แล้ว
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ ตึก Yick Flat Building หรือเป็นตึกที่โด่งดังมาจาก ภาพยนตร์เรื่อง Transformer จ้า
วิธีการเดินทางของเราก็คือ นั่ง MTR สายสีน้ำเงิน Island Line จากสถานี Central ไปลงที่ สถานี Tai Koo ได้เลยคะ
เมื่อถึงสถานี Tai Koo ให้เราออกที่ Exit B (เดินตามป้ายนำทางได้เลยคะ)
จาก Tai Koo Exit B แล้วเลี้ยวซ้าย จะมองเห็นตึกสีขาวๆตรงที่ลูกศรชี้ไว้
เราต้องเดินตรงไปที่ตึกสีขาว ตรงลูกศรสีแดงชี้ตึกนี้คะคะ
จาก Tai koo เดินมาเราจะเดินผ่าน 2 แยกคะ ก่อนจะถึงตึกสีขาวคะ
รูปนี้เป็น แยกที่ 1 จะเห็นป้าย Mc donalds มาถูกทางแล้วคะ ให้เดินต่อไปอีกคะ
แยกที่ 2 จะเจอตึกสีขาวๆตามรูปเลยคะ ใกล้ถึงแล้ว
ให้เราเดินตรงไปอีกสักพัก ให้มองซ้ายมือของเราไว้ จะเห็นทางเข้าคะ 1048 Kings Road
เราก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในนั้นได้เลยคะ จะมีตู้ไปรษณีย์ของผู้อาศัยอยู่ระหว่างทางเดิน ก็เดินเข้ามาได้เลยคะ
รูปทางเข้า 1048 King’s Road
เดินเข้าไปก็เจอเลยคะ เชิญถ่ายรูปกันได้ตามอัธยาศัย
แต่ห้ามส่งเสียงดังรบกวน จนทำให้เกิดความรำคาญ กับผู้ที่อาศัยอยู่ในโซนที่พักนะคะ
บ้านใคร ใครก็รัก อยากให้บ้านของตัวเองสงบๆ ให้เกียรติและมีความเกรงใจกับผู้อยู่อาศัยแถวที่พักกันนิดนึงเนอะ
เราจะได้มีรูปสวยๆเอาไว้ได้ดูกัน และเปิดโอกาสให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยมาที่นี่ได้มีโอกาสมาถ่ายรูปกันด้วยคะ
เพราะถ้าเค้าปิด ไม่ให้คนนอกเข้ามาในบริเวณนี้ เราก็อดถ่ายรูปเนอะ มันก็จะเศร้าๆหน่อย T_T
บางครั้งที่นี่คนจะเยอะมากจนต้องต่อคิวถ่ายรูปกัน แต่ตอนเราไปฝนเพิ่งตกคะ ไม่มีคนเลย
ถ่ายรูปได้ สบ๊ายยย ไม่มีคนรบกวนคะ ^_^
ใครที่เตรียมตัวจะไปถ่ายรูปที่ Yick Flat Building แนะนำให้ติดเลนส์ wild ไปนะคะ จะได้ถ่ายรูปแล้วเก็บตึกได้หมด
เราเดินทางจากตึก Yick Flat Building เวลาประมาณ 12:30 น.
เพื่อเตรียมตัวจะไปขึ้นเครื่องบิน กลับ กทม.กันแล้วคะ
ตอนเราไปยังมีการประท้วงในฮ่องกงอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงเล็กน้อย
เราเลยควรเผื่อเวลาในการเดินทางระหว่างตัวเมืองฮ่องกง และสนามบินไว้ก่อนะคะ
Flight บินของเรา คือ CX701 จะบินเวลา 15:55 น.
เราเดินทางจาก MTR Tai Koo จนถึง MTR Central ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-25 นาที (รวมเดินประมาณ 30 นาทีแล้วกันคะ)
จากนั้นเราต้องต่อ Airport Express จาก MTR Hong Kong ไปลงที่ สถานี MTR Airport คะ ใช้เวลานั่งประมาณ 30 นาที
วันนี้เราวางแผนว่าจะไปกินข้าวเที่ยงกันที่สนามบินคะ
เพราะเราดูเวลาแล้ว กลัวว่าถ้ากินในตัวเมืองถ้าร้านอาหารคิวเยอะ เราอาจเดินทางไม่ทัน
เราเดินทางถึงสนามบินเวลาประมาณ 13:45 น.น่าจะได้คะ
จากนั้นเราก็ทำการนำบัตร MTR ของเราไปแลกคืนที่จุดจำหน่ายตั๋วMTR ได้เลยคะ
ขั้นตอนง่ายๆ เราก็ยื่นบัตร MTR ของเราให้เค้า แล้วบอกเค้าด้วยภาษาบ้านๆว่า Refund 5555 (ตามภาษาคนไม่เก่งภาษาอย่างเรา)
เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ เค้าจะจัดการให้เราทุกอย่างเลยคะ และจะได้ค่ามัดจำบัตร MTR คืนด้วยในราคา 50HKD คะ
จากตรงจุดจำหน่ายตั๋ว MTR จะมีร้านอาหารอยู่พอสมควรคะ
ซึ่งราคาสำหรับเรา เราว่ามันแพงกว่าในตัวเมืองฮ่องกงก็นิดหน่อยนะ แต่ไม่ถึงกับแพงเว่อร์จนรับไม่ได้นะ
เรากินบะหมี่เกี๊ยวชามนี้ ราคา(ถ้าจำไม่ผิดนะอยู่ที่ 70 HKD)
ค่าใช้จ่ายมื้อนี้ 4 คนรวม service charge แล้วประมาณ 485HKD (ร้าน Crystral Jade) ตกคนละประมาณ 122HKD
(ความเห็นส่วนตัว ราคานี้อาจจะแพงนะถ้าเราเทียบเป็นเงินไทย
แต่ถ้าเราเทียบราคาอาหารฮ่องกงในตัวเมือง กับ อาหารฮ่องกงในสนามบิน มันก็จะแพงขึ้นมาอีกนิดนึง
ซึ่งเรายอมรับราคานี้ได้ เพราะเรากลัวตกเครื่องบินคะ ราคาอาหารพอๆกับตอนไปเที่ยวในดิสนีย์แลนด์นะ)
ใครไปเที่ยวก็ใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการตัดสินมื้ออาหารแล้วกันนะคะ ดูกันตามความเหมาะสม
ส่วนภาพนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่หลังจากผ่านการตรวจ ตม. มาแล้ว ซึ่งร้านอาหารเยอะมากคะ
เรากินข้าวเที่ยงก่อนเข้า ตม. เพราะเรากลัวเข้ามาแล้วไม่มีอะไรกิน (ก็คนมันไม่เคยมาหนิหน่า 555)
เพื่อนคนไหนอยากหาร้านอาหารกินข้าว สามารถเข้ามากินหลังผ่าน ตม.ได้นะคะ
และมีร้านช๊อปปิ้งซื้อของฝากอีกมากมาย ใครที่เป็นขาช๊อปปิ้งน่าจะชอบนะคะ
เมื่อถึงเวลาเราก็ทำการขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับมาที่ กทม. กันจ้า
บนเครื่องบิน มีไอติม Haagen-Dazs ให้กินด้วยอะ ดีใจมาก 555
อาหารของเราเป็นปลา-มันฝรั่ง (สำหรับเราเรียกว่าพอกินได้)
ความจริงทีเด็ด คือ ไอติมนะเราว่า5555
จากนั้นเราก็บินสู่สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพคะ
ส่วนภาพต่อไปจะเป็นภาพของแผนสรุปการเดินทางของเราทั้งหมดก่อนการเดินทางครั้งนี้คะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้ที่เขียนทั้งหมด 8 กระทู้นี้
จะเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการเที่ยวของเพื่อนๆแต่ละคนได้นะ
ขอปิดทริปเที่ยวครั้งแรกในฮ่องกง 3 วัน 2 คืน ไว้เพียงเท่านี้
เพราะทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่ความสำคัญของการวางแผนเดินทางของแต่ละคนต่างกัน
บางคนอาจต้องทำงานต่างประเทศ จึงได้มีโอกาสไปเที่ยว
หรือบางคนอาจวางแผนเที่ยวได้ระยะสั้น หรือ ระยะยาว ที่ต่างกัน
การเดินทางทุกครั้งมูลค่าเงินในการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญ
แต่การจะมีเวลาในการเดินทางท่องเที่ยวนั้นสำคัญกว่า
ดังนั้นอย่ามองเรื่องค่าเงินในการเดินทางของคนอื่นเป็นตัวตัดสินว่าราคาถูก หรือ ราคาแพง
(ถ้าได้ Full option ในราคาถูกมันจะพิเศษมาก 55555)
แต่อยากให้มองความพอใจในการเดินทางของตนเองมากกว่า
ถ้าคุณต้องท่องเที่ยวสุดท้ายต้องกลายเป็นหนี้ ชีวิตหลังการเที่ยวคงไม่สนุกแน่ๆ
แต่ถ้าคนทำงานหาเงิน แต่ไม่แบ่งเวลาไปเที่ยว คุณก็อาจพลาดโอกาสสำคัญอยู่ก็ได้นะ
วันหนึ่งคุณมีเงินมากมายมหาศาล แต่สุดท้ายคุณอาจไม่มีแรงในการเดินทางท่องเที่ยวแล้วก็ได้
สำหรับผู้ที่ได้อ่านในกระทู้นี้ก็ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งนะคะ
ผู้เขียนแค่อยากจะเขียนเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีดีที่เกิดขึ้นในการเดินทาง
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณมากๆคะ
[CR] เที่ยวฮ่องกง ไม่เน้นกิน ไม่เน้นช๊อป 3 วัน 2 คืน 12-14 ตุลาคม 2019 Part 8
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 2 (กระเช้านองปิง-ไหว้พระใหญ่) https://ppantip.com/topic/39341856
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 3 (The Peak ) https://ppantip.com/topic/39344176
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 4 (วัดหมั่นโหม่ว-Shama Hollywood Street) https://ppantip.com/topic/39347342
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 5 (Disneyland Hongkong) https://ppantip.com/topic/39365525
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 6 (In town check in @MTR Hong Kong) https://ppantip.com/topic/39368365
จากความเดิมตอนที่แล้ว Part 7 (Repluse Bay) https://ppantip.com/topic/39419080
หลังจากเรานั่งรถบัสจาก Repluse Bay มาลงที่ MTR Central แล้ว
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ ตึก Yick Flat Building หรือเป็นตึกที่โด่งดังมาจาก ภาพยนตร์เรื่อง Transformer จ้า
วิธีการเดินทางของเราก็คือ นั่ง MTR สายสีน้ำเงิน Island Line จากสถานี Central ไปลงที่ สถานี Tai Koo ได้เลยคะ
เมื่อถึงสถานี Tai Koo ให้เราออกที่ Exit B (เดินตามป้ายนำทางได้เลยคะ)
จาก Tai Koo Exit B แล้วเลี้ยวซ้าย จะมองเห็นตึกสีขาวๆตรงที่ลูกศรชี้ไว้
เราต้องเดินตรงไปที่ตึกสีขาว ตรงลูกศรสีแดงชี้ตึกนี้คะคะ
จาก Tai koo เดินมาเราจะเดินผ่าน 2 แยกคะ ก่อนจะถึงตึกสีขาวคะ
รูปนี้เป็น แยกที่ 1 จะเห็นป้าย Mc donalds มาถูกทางแล้วคะ ให้เดินต่อไปอีกคะ
แยกที่ 2 จะเจอตึกสีขาวๆตามรูปเลยคะ ใกล้ถึงแล้ว
ให้เราเดินตรงไปอีกสักพัก ให้มองซ้ายมือของเราไว้ จะเห็นทางเข้าคะ 1048 Kings Road
เราก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในนั้นได้เลยคะ จะมีตู้ไปรษณีย์ของผู้อาศัยอยู่ระหว่างทางเดิน ก็เดินเข้ามาได้เลยคะ
รูปทางเข้า 1048 King’s Road
เดินเข้าไปก็เจอเลยคะ เชิญถ่ายรูปกันได้ตามอัธยาศัย
แต่ห้ามส่งเสียงดังรบกวน จนทำให้เกิดความรำคาญ กับผู้ที่อาศัยอยู่ในโซนที่พักนะคะ
บ้านใคร ใครก็รัก อยากให้บ้านของตัวเองสงบๆ ให้เกียรติและมีความเกรงใจกับผู้อยู่อาศัยแถวที่พักกันนิดนึงเนอะ
เราจะได้มีรูปสวยๆเอาไว้ได้ดูกัน และเปิดโอกาสให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยมาที่นี่ได้มีโอกาสมาถ่ายรูปกันด้วยคะ
เพราะถ้าเค้าปิด ไม่ให้คนนอกเข้ามาในบริเวณนี้ เราก็อดถ่ายรูปเนอะ มันก็จะเศร้าๆหน่อย T_T
บางครั้งที่นี่คนจะเยอะมากจนต้องต่อคิวถ่ายรูปกัน แต่ตอนเราไปฝนเพิ่งตกคะ ไม่มีคนเลย
ถ่ายรูปได้ สบ๊ายยย ไม่มีคนรบกวนคะ ^_^
ใครที่เตรียมตัวจะไปถ่ายรูปที่ Yick Flat Building แนะนำให้ติดเลนส์ wild ไปนะคะ จะได้ถ่ายรูปแล้วเก็บตึกได้หมด
เราเดินทางจากตึก Yick Flat Building เวลาประมาณ 12:30 น.
เพื่อเตรียมตัวจะไปขึ้นเครื่องบิน กลับ กทม.กันแล้วคะ
ตอนเราไปยังมีการประท้วงในฮ่องกงอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงเล็กน้อย
เราเลยควรเผื่อเวลาในการเดินทางระหว่างตัวเมืองฮ่องกง และสนามบินไว้ก่อนะคะ
Flight บินของเรา คือ CX701 จะบินเวลา 15:55 น.
เราเดินทางจาก MTR Tai Koo จนถึง MTR Central ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-25 นาที (รวมเดินประมาณ 30 นาทีแล้วกันคะ)
จากนั้นเราต้องต่อ Airport Express จาก MTR Hong Kong ไปลงที่ สถานี MTR Airport คะ ใช้เวลานั่งประมาณ 30 นาที
วันนี้เราวางแผนว่าจะไปกินข้าวเที่ยงกันที่สนามบินคะ
เพราะเราดูเวลาแล้ว กลัวว่าถ้ากินในตัวเมืองถ้าร้านอาหารคิวเยอะ เราอาจเดินทางไม่ทัน
เราเดินทางถึงสนามบินเวลาประมาณ 13:45 น.น่าจะได้คะ
จากนั้นเราก็ทำการนำบัตร MTR ของเราไปแลกคืนที่จุดจำหน่ายตั๋วMTR ได้เลยคะ
ขั้นตอนง่ายๆ เราก็ยื่นบัตร MTR ของเราให้เค้า แล้วบอกเค้าด้วยภาษาบ้านๆว่า Refund 5555 (ตามภาษาคนไม่เก่งภาษาอย่างเรา)
เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ เค้าจะจัดการให้เราทุกอย่างเลยคะ และจะได้ค่ามัดจำบัตร MTR คืนด้วยในราคา 50HKD คะ
จากตรงจุดจำหน่ายตั๋ว MTR จะมีร้านอาหารอยู่พอสมควรคะ
ซึ่งราคาสำหรับเรา เราว่ามันแพงกว่าในตัวเมืองฮ่องกงก็นิดหน่อยนะ แต่ไม่ถึงกับแพงเว่อร์จนรับไม่ได้นะ
เรากินบะหมี่เกี๊ยวชามนี้ ราคา(ถ้าจำไม่ผิดนะอยู่ที่ 70 HKD)
ค่าใช้จ่ายมื้อนี้ 4 คนรวม service charge แล้วประมาณ 485HKD (ร้าน Crystral Jade) ตกคนละประมาณ 122HKD
(ความเห็นส่วนตัว ราคานี้อาจจะแพงนะถ้าเราเทียบเป็นเงินไทย
แต่ถ้าเราเทียบราคาอาหารฮ่องกงในตัวเมือง กับ อาหารฮ่องกงในสนามบิน มันก็จะแพงขึ้นมาอีกนิดนึง
ซึ่งเรายอมรับราคานี้ได้ เพราะเรากลัวตกเครื่องบินคะ ราคาอาหารพอๆกับตอนไปเที่ยวในดิสนีย์แลนด์นะ)
ใครไปเที่ยวก็ใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการตัดสินมื้ออาหารแล้วกันนะคะ ดูกันตามความเหมาะสม
ส่วนภาพนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่หลังจากผ่านการตรวจ ตม. มาแล้ว ซึ่งร้านอาหารเยอะมากคะ
เรากินข้าวเที่ยงก่อนเข้า ตม. เพราะเรากลัวเข้ามาแล้วไม่มีอะไรกิน (ก็คนมันไม่เคยมาหนิหน่า 555)
เพื่อนคนไหนอยากหาร้านอาหารกินข้าว สามารถเข้ามากินหลังผ่าน ตม.ได้นะคะ
และมีร้านช๊อปปิ้งซื้อของฝากอีกมากมาย ใครที่เป็นขาช๊อปปิ้งน่าจะชอบนะคะ
เมื่อถึงเวลาเราก็ทำการขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับมาที่ กทม. กันจ้า
บนเครื่องบิน มีไอติม Haagen-Dazs ให้กินด้วยอะ ดีใจมาก 555
อาหารของเราเป็นปลา-มันฝรั่ง (สำหรับเราเรียกว่าพอกินได้)
ความจริงทีเด็ด คือ ไอติมนะเราว่า5555
จากนั้นเราก็บินสู่สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพคะ
ส่วนภาพต่อไปจะเป็นภาพของแผนสรุปการเดินทางของเราทั้งหมดก่อนการเดินทางครั้งนี้คะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้ที่เขียนทั้งหมด 8 กระทู้นี้
จะเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการเที่ยวของเพื่อนๆแต่ละคนได้นะ
ขอปิดทริปเที่ยวครั้งแรกในฮ่องกง 3 วัน 2 คืน ไว้เพียงเท่านี้
เพราะทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่ความสำคัญของการวางแผนเดินทางของแต่ละคนต่างกัน
บางคนอาจต้องทำงานต่างประเทศ จึงได้มีโอกาสไปเที่ยว
หรือบางคนอาจวางแผนเที่ยวได้ระยะสั้น หรือ ระยะยาว ที่ต่างกัน
การเดินทางทุกครั้งมูลค่าเงินในการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญ
แต่การจะมีเวลาในการเดินทางท่องเที่ยวนั้นสำคัญกว่า
ดังนั้นอย่ามองเรื่องค่าเงินในการเดินทางของคนอื่นเป็นตัวตัดสินว่าราคาถูก หรือ ราคาแพง
(ถ้าได้ Full option ในราคาถูกมันจะพิเศษมาก 55555)
แต่อยากให้มองความพอใจในการเดินทางของตนเองมากกว่า
ถ้าคุณต้องท่องเที่ยวสุดท้ายต้องกลายเป็นหนี้ ชีวิตหลังการเที่ยวคงไม่สนุกแน่ๆ
แต่ถ้าคนทำงานหาเงิน แต่ไม่แบ่งเวลาไปเที่ยว คุณก็อาจพลาดโอกาสสำคัญอยู่ก็ได้นะ
วันหนึ่งคุณมีเงินมากมายมหาศาล แต่สุดท้ายคุณอาจไม่มีแรงในการเดินทางท่องเที่ยวแล้วก็ได้
สำหรับผู้ที่ได้อ่านในกระทู้นี้ก็ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งนะคะ
ผู้เขียนแค่อยากจะเขียนเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีดีที่เกิดขึ้นในการเดินทาง
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณมากๆคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม