สวิตเซอร์แลนด์ และ เดนมาร์ก เป็นอีกสองชาติล่าสุด ที่คว้าตั๋วเข้าไปวาดลวดลายในศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ช่วงซัมเมอร์ปีหน้า หลังจากที่การแข่งขันรอบคัดเลือกในกลุ่ม ดี, เอฟ และ เจ ได้ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ทว่าไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ทีมแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง อิตาลี ที่ทำสถิติคว้าชัย 10 นัดรวด แถมไล่ยำคู่แข่งด้วยสกอร์ 9-1 เป็นการส่งท้าย!!!
กลุ่ม ดี
ยิบรอลตาร์ แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-6
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เสมอ เดนมาร์ก 1-1
เกมระหว่าง สาธารณรัฐไอร์แลนด์ กับ เดนมาร์ก ถือเป็นไฮไลท์ของกลุ่มนี้ เพราะทั้งสองจำเป็นต้องแย่งชิงตั๋วลุยรอบสุดท้าย ซึ่ง "ยักษ์เขียว" จำเป็นต้องชนะเท่านั้น ทว่าสุดท้ายทำได้แค่ไล่เจ๊า 1-1 ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ บุกไปถล่ม ยิบรอลตาร์ 6-1 ซึ่งนั่นเท่ากับว่า สวิตเซอร์แลนด์ กับ เดนมาร์ก จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มตามลำดับ พร้อมได้สิทธิ์เข้าไปเตะรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ขณะที่ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ไปลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ เช่นเดียวกับ จอร์เจีย
(หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ)
กลุ่ม เอฟ
มอลตา แพ้ นอร์เวย์ 1-2
สเปน ชนะ โรมาเนีย 5-0
สวีเดน ชนะ หมู่เกาะแฟโร 3-0
ลุ่มนี้ไม่มีอะไรต้องลุ้นในการเตะนัดสุดท้าย โดย สเปน แชมป์กลุ่ม ส่งท้ายด้วยการเปิดบ้านยำ โรมาเนีย 5-0 ขณะที่รองแชมป์กลุ่มอย่าง สวีเดน อัด หมู่เกาะแฟโร ไปแบบเบาๆ 3-0 ซึ่งบทสรุปของกลุ่มนี้คือ สเปน กับ สวีเดน ได้สิทธิ์ไปเตะรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วน โรมาเนีย กับ นอร์เวย์ ได้ต่อลมหายใจในการเตะเพลย์ออฟ
(หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ)
กลุ่ม เจ
กรีซ ชนะ ฟินแลนด์ 2-1
อิตาลี ชนะ อาร์เมเนีย 9-1
ลิกเทนสไตน์ แพ้ บอสเนียฯ 0-3
แม้ซิวตั๋วลุยรอบสุดท้ายได้ตั้งแต่เดือนก่อน แต่ทีมชาติอิตาลีไม่มีผ่อนคันเร่ง และส่งท้ายด้วยการเปิดบ้านไล่ต้อน อาร์เมเนีย ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 9-1 ปิดฉากศึก ยูโร 2020 รอบคัดเลือก แบบสุดหรู ด้วยสถิติชนะ 100% จากการลงเตะ 10 นัด ซิวตำแหน่งแชมป์ของกลุ่มแบบหล่อๆ ส่วน ฟินแลนด์ ก็ตามไปในฐานะรองแชมป์ของกลุ่ม แม้ส่งท้ายด้วยการบุกไปพ่าย กรีซ 1-2 ขณะที่ บอสเนียฯ ได้ไปลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ แม้จบด้วยการเป็นรองบ๊วยของกลุ่ม
(หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ)
*สรุป 19 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย*
- เบลเยียม (แชมป์กลุ่ม ไอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2019)
- อิตาลี (แชมป์กลุ่ม เจ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2019)
- รัสเซีย (รองแชมป์กลุ่ม ไอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019)
- โปแลนด์ (แชมป์กลุ่ม จี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019)
- ยูเครน (แชมป์กลุ่ม บี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2019)
- สเปน (แชมป์กลุ่ม เอฟ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2019)
- ตุรกี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- ฝรั่งเศส (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม เอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- สาธารณรัฐเช็ก (รองแชมป์กลุ่ม เอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- ฟินแลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม เจ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2019)
- สวีเดน (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2019)
- โครเอเชีย (แชมป์กลุ่ม อี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- ออสเตรีย (รองแชมป์กลุ่ม จี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- เยอรมนี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ซี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- ฮอลแลนด์ (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ซี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- โปรตุเกส (รองแชมป์กลุ่ม บี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2019)
- สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่ม ดี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2019)
- เดนมาร์ก (รองแชมป์กลุ่ม ดี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2019)
ทั้งนี้ การพิจารณาหา 16 ทีมไปเตะเพลย์ออฟ เพื่อตัดสินหาอีก 4 ทีมเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย (+ 20 ทีมที่เป็นแชมป์และรองแชมป์แต่ละกลุ่ม) นั้น จะดูจากผลงานในการลงทำศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่บางทีมอยู่อันดับแย่กว่าเพื่อน แต่กลับได้สิทธิ์ไปเตะเพลย์ออฟ
credit : www.siamsport.co.th
โหดจัด!มันชินี่เชื่อหลายทีมไม่อยากดวลอิตาลีในยูโรรอบสุดท้าย
โรแบร์โต้ มันชินี่ เทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี แสดงความเชื่อว่าหลายทีมยักษ์ใหญ่คงไม่อยากเจอกับ "อัซซูรี่" ในศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย หลังจากที่ทีมของเจ้าตัวทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ ในรอบคัดเลือก
หลังจากเข้ามาคุมทีมเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2018 มันชินี่ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงขนาดพาทีมเก็บชัยชนะในรอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เจ ได้ครบทั้ง 10 นัด แถมทีมของเขาก็มีเกมรุกที่ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นยิงได้ 37 ประตู และเสียไปเพียง 4 ลูกเท่านั้น โดยในนัดสุดท้ายของรอบนี้ อิตาลี เปิดรัง เรนโซ่ บาร์เบร่า ในเมืองปาแลร์โม่ ไล่ถล่ม อาร์เมเนีย 9-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอิตาลีที่ทีมชาติอิตาลีเก็บชัยชนะในรอบคัดเลือกของทั้งรายการระดับ ยูโร หรือ ฟุตบอลโลก ได้ครบทุกนัด และเป็นหนแรกที่มีนักเตะของพวกเขาถึง 7 คน ที่ทำได้อย่างน้อย 1 ประตูภายในเกมเดียวกันด้วย โดย 9 ประตูของ อิตาลี ในเกมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแบ่งเป็น 2 ประตูของ ชิโร่ อิมโมบิเล่ กับ นิโกโล่ ซานิโอโล่ รวมถึงอีกคนละ 1 ลูกของ นิโกโล่ บาเรลล่า, อเลสซิโอ โรมันโญลี่, จอร์จินโญ่, ริคคาร์โด้ ออร์โซลินี่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า
มันชินี่ เผยว่า "ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับพวกเรารึเปล่า ผมคิดว่าหลายๆ ชาติแข็งแกร่งกว่าเรา เพราะพวกเขามีแผนงานที่คืบหน้ามากกว่าเราขั้นหนึ่ง อย่างเช่น ฝรั่งเศส ที่เริ่มสร้างทีมชุดนี้ไปตั้งแต่หลายปีก่อน ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูโร (ปี 2016) และได้แชมป์ ฟุตบอลโลก (ปี 2018) พวกเขาเป็นทีมคนหนุ่ม และผมคิดว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุด"
"สเปน เองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ส่วน เบลเยียม ก็ผลิตนักเตะฝีเท้าดีออกมาได้หลายคนในช่วง 5-6 ปีหลังสุด แถมยังมี อังกฤษ อีกต่างหาก ทีมเหล่านั้นต่างก็เริ่มแผนงานของพวกเขาไปก่อนหน้าเรา อย่างไรก็ตาม อิตาลี ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ผมไม่คิดว่าทีมอื่นๆ จะเจองานง่ายในการดวลกับ อิตาลี พวกเขาอาจจะไม่กลัวเราก็ได้ แต่ถ้าพวกเขาเลือกได้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงขอเลือกที่จะเจอกับทีมอื่นๆ มากกว่า อิตาลี แน่ๆ"
อดีตนายใหญ่ อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสริมว่าพอใจกับผลงานของลูกทีมในเกมถล่ม อาร์เมเนีย มากๆ แต่ก็ไม่ได้ดีใจกับเรื่องสถิติมากนัก "นี่เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม มันเป็นนัดสุดท้ายในรอบคัดเลือก และเราก็เล่นกันได้ดี สมัยนี้คุณไม่มีทางทำประตูในเกมระดับทีมชาติได้ถึง 9 ลูกหรอก เราต่างก็ทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อที่จะทำผลงานแบบนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม สถิติมันจะดูดีก็ต่อเมื่อเราได้แชมป์เท่านั้น"
credit : www.siamsport.co.th
กำลังคึก!อิมโมบิเล่โวอิตาลีเจ๋งพอซิวแชมป์ยูโร
ชิโร่ อิมโมบิเล่ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติอิตาลี แสดงความมั่นใจว่า "อัซซูร์รี่" สามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้เลย สำหรับการสู้ศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ช่วงซัมเมอร์ปีหน้า หลังจากที่ส่งท้ายรอบคัดเลือก กลุ่ม เจ ด้วยการเปิดบ้านไล่ต้อน อาร์เมเนีย 9-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชัยชนะสุดมโหฬารดังกล่าว ทำให้ อิตาลี ปิดฉากรอบคัดเลือก ด้วยสถิติชนะรวดทั้ง 10 นัด เก็บ 30 คะแนนเต็ม โดยที่ยิงได้ถึง 37 ประตู เสียแค่ 4 ประตูเท่านั้น
"ผมมีความสุขมากๆ ตลอดเส้นทางการเดินทางของเราถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ แฟนๆ ของเราถือเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีเลย ซึ่งผมก็หวังเหลือเกินว่า เราจะทำได้แบบนี้อีกในศึก ยูโร เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เราสามารถทำในสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ และก็หวังว่า เราจะไปถึงแชมป์ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ทีมชุดนี้คู่ควรกับความสำเร็จครั้งนี้แล้วจริงๆ" หัวหอก ลาซิโอ วัย 29 ปี ซึ่งทำได้ 2 ประตูในเกมนี้ เปิดใจ
สำหรับ อิตาลี เคยเป็นแชมป์ ยูโร 1 สมัย เมื่อปี 1968 และเป็นรองแชมป์ 2 ครั้ง ในปี 2000 และ 2012
credit : www.siamsport.co.th
อิตาลีอย่างโหด! สรุปสถานการณ์ ยูโร2020 รอบคัดเลือก (กลุ่ม ดี, เอฟ, เจ) & สรุป 19 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย
กลุ่ม ดี
ยิบรอลตาร์ แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-6
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เสมอ เดนมาร์ก 1-1
เกมระหว่าง สาธารณรัฐไอร์แลนด์ กับ เดนมาร์ก ถือเป็นไฮไลท์ของกลุ่มนี้ เพราะทั้งสองจำเป็นต้องแย่งชิงตั๋วลุยรอบสุดท้าย ซึ่ง "ยักษ์เขียว" จำเป็นต้องชนะเท่านั้น ทว่าสุดท้ายทำได้แค่ไล่เจ๊า 1-1 ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ บุกไปถล่ม ยิบรอลตาร์ 6-1 ซึ่งนั่นเท่ากับว่า สวิตเซอร์แลนด์ กับ เดนมาร์ก จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มตามลำดับ พร้อมได้สิทธิ์เข้าไปเตะรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ขณะที่ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ไปลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ เช่นเดียวกับ จอร์เจีย
(หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ)
กลุ่ม เอฟ
มอลตา แพ้ นอร์เวย์ 1-2
สเปน ชนะ โรมาเนีย 5-0
สวีเดน ชนะ หมู่เกาะแฟโร 3-0
ลุ่มนี้ไม่มีอะไรต้องลุ้นในการเตะนัดสุดท้าย โดย สเปน แชมป์กลุ่ม ส่งท้ายด้วยการเปิดบ้านยำ โรมาเนีย 5-0 ขณะที่รองแชมป์กลุ่มอย่าง สวีเดน อัด หมู่เกาะแฟโร ไปแบบเบาๆ 3-0 ซึ่งบทสรุปของกลุ่มนี้คือ สเปน กับ สวีเดน ได้สิทธิ์ไปเตะรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วน โรมาเนีย กับ นอร์เวย์ ได้ต่อลมหายใจในการเตะเพลย์ออฟ
(หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ)
กลุ่ม เจ
กรีซ ชนะ ฟินแลนด์ 2-1
อิตาลี ชนะ อาร์เมเนีย 9-1
ลิกเทนสไตน์ แพ้ บอสเนียฯ 0-3
แม้ซิวตั๋วลุยรอบสุดท้ายได้ตั้งแต่เดือนก่อน แต่ทีมชาติอิตาลีไม่มีผ่อนคันเร่ง และส่งท้ายด้วยการเปิดบ้านไล่ต้อน อาร์เมเนีย ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 9-1 ปิดฉากศึก ยูโร 2020 รอบคัดเลือก แบบสุดหรู ด้วยสถิติชนะ 100% จากการลงเตะ 10 นัด ซิวตำแหน่งแชมป์ของกลุ่มแบบหล่อๆ ส่วน ฟินแลนด์ ก็ตามไปในฐานะรองแชมป์ของกลุ่ม แม้ส่งท้ายด้วยการบุกไปพ่าย กรีซ 1-2 ขณะที่ บอสเนียฯ ได้ไปลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ แม้จบด้วยการเป็นรองบ๊วยของกลุ่ม
(หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในการเตะเพลย์ออฟ)
*สรุป 19 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย*
- เบลเยียม (แชมป์กลุ่ม ไอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2019)
- อิตาลี (แชมป์กลุ่ม เจ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2019)
- รัสเซีย (รองแชมป์กลุ่ม ไอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019)
- โปแลนด์ (แชมป์กลุ่ม จี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019)
- ยูเครน (แชมป์กลุ่ม บี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2019)
- สเปน (แชมป์กลุ่ม เอฟ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2019)
- ตุรกี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- ฝรั่งเศส (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม เอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- สาธารณรัฐเช็ก (รองแชมป์กลุ่ม เอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
- ฟินแลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม เจ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2019)
- สวีเดน (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2019)
- โครเอเชีย (แชมป์กลุ่ม อี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- ออสเตรีย (รองแชมป์กลุ่ม จี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- เยอรมนี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ซี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- ฮอลแลนด์ (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ซี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2019)
- โปรตุเกส (รองแชมป์กลุ่ม บี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2019)
- สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่ม ดี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2019)
- เดนมาร์ก (รองแชมป์กลุ่ม ดี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2019)
ทั้งนี้ การพิจารณาหา 16 ทีมไปเตะเพลย์ออฟ เพื่อตัดสินหาอีก 4 ทีมเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย (+ 20 ทีมที่เป็นแชมป์และรองแชมป์แต่ละกลุ่ม) นั้น จะดูจากผลงานในการลงทำศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่บางทีมอยู่อันดับแย่กว่าเพื่อน แต่กลับได้สิทธิ์ไปเตะเพลย์ออฟ
credit : www.siamsport.co.th
โหดจัด!มันชินี่เชื่อหลายทีมไม่อยากดวลอิตาลีในยูโรรอบสุดท้าย
โรแบร์โต้ มันชินี่ เทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี แสดงความเชื่อว่าหลายทีมยักษ์ใหญ่คงไม่อยากเจอกับ "อัซซูรี่" ในศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย หลังจากที่ทีมของเจ้าตัวทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ ในรอบคัดเลือก
หลังจากเข้ามาคุมทีมเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2018 มันชินี่ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงขนาดพาทีมเก็บชัยชนะในรอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เจ ได้ครบทั้ง 10 นัด แถมทีมของเขาก็มีเกมรุกที่ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นยิงได้ 37 ประตู และเสียไปเพียง 4 ลูกเท่านั้น โดยในนัดสุดท้ายของรอบนี้ อิตาลี เปิดรัง เรนโซ่ บาร์เบร่า ในเมืองปาแลร์โม่ ไล่ถล่ม อาร์เมเนีย 9-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอิตาลีที่ทีมชาติอิตาลีเก็บชัยชนะในรอบคัดเลือกของทั้งรายการระดับ ยูโร หรือ ฟุตบอลโลก ได้ครบทุกนัด และเป็นหนแรกที่มีนักเตะของพวกเขาถึง 7 คน ที่ทำได้อย่างน้อย 1 ประตูภายในเกมเดียวกันด้วย โดย 9 ประตูของ อิตาลี ในเกมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแบ่งเป็น 2 ประตูของ ชิโร่ อิมโมบิเล่ กับ นิโกโล่ ซานิโอโล่ รวมถึงอีกคนละ 1 ลูกของ นิโกโล่ บาเรลล่า, อเลสซิโอ โรมันโญลี่, จอร์จินโญ่, ริคคาร์โด้ ออร์โซลินี่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า
มันชินี่ เผยว่า "ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับพวกเรารึเปล่า ผมคิดว่าหลายๆ ชาติแข็งแกร่งกว่าเรา เพราะพวกเขามีแผนงานที่คืบหน้ามากกว่าเราขั้นหนึ่ง อย่างเช่น ฝรั่งเศส ที่เริ่มสร้างทีมชุดนี้ไปตั้งแต่หลายปีก่อน ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูโร (ปี 2016) และได้แชมป์ ฟุตบอลโลก (ปี 2018) พวกเขาเป็นทีมคนหนุ่ม และผมคิดว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุด"
"สเปน เองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ส่วน เบลเยียม ก็ผลิตนักเตะฝีเท้าดีออกมาได้หลายคนในช่วง 5-6 ปีหลังสุด แถมยังมี อังกฤษ อีกต่างหาก ทีมเหล่านั้นต่างก็เริ่มแผนงานของพวกเขาไปก่อนหน้าเรา อย่างไรก็ตาม อิตาลี ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ผมไม่คิดว่าทีมอื่นๆ จะเจองานง่ายในการดวลกับ อิตาลี พวกเขาอาจจะไม่กลัวเราก็ได้ แต่ถ้าพวกเขาเลือกได้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงขอเลือกที่จะเจอกับทีมอื่นๆ มากกว่า อิตาลี แน่ๆ"
อดีตนายใหญ่ อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสริมว่าพอใจกับผลงานของลูกทีมในเกมถล่ม อาร์เมเนีย มากๆ แต่ก็ไม่ได้ดีใจกับเรื่องสถิติมากนัก "นี่เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม มันเป็นนัดสุดท้ายในรอบคัดเลือก และเราก็เล่นกันได้ดี สมัยนี้คุณไม่มีทางทำประตูในเกมระดับทีมชาติได้ถึง 9 ลูกหรอก เราต่างก็ทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อที่จะทำผลงานแบบนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม สถิติมันจะดูดีก็ต่อเมื่อเราได้แชมป์เท่านั้น"
credit : www.siamsport.co.th
กำลังคึก!อิมโมบิเล่โวอิตาลีเจ๋งพอซิวแชมป์ยูโร
ชิโร่ อิมโมบิเล่ กองหน้าตัวเก่งทีมชาติอิตาลี แสดงความมั่นใจว่า "อัซซูร์รี่" สามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้เลย สำหรับการสู้ศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ช่วงซัมเมอร์ปีหน้า หลังจากที่ส่งท้ายรอบคัดเลือก กลุ่ม เจ ด้วยการเปิดบ้านไล่ต้อน อาร์เมเนีย 9-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชัยชนะสุดมโหฬารดังกล่าว ทำให้ อิตาลี ปิดฉากรอบคัดเลือก ด้วยสถิติชนะรวดทั้ง 10 นัด เก็บ 30 คะแนนเต็ม โดยที่ยิงได้ถึง 37 ประตู เสียแค่ 4 ประตูเท่านั้น
"ผมมีความสุขมากๆ ตลอดเส้นทางการเดินทางของเราถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ แฟนๆ ของเราถือเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีเลย ซึ่งผมก็หวังเหลือเกินว่า เราจะทำได้แบบนี้อีกในศึก ยูโร เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เราสามารถทำในสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ และก็หวังว่า เราจะไปถึงแชมป์ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ทีมชุดนี้คู่ควรกับความสำเร็จครั้งนี้แล้วจริงๆ" หัวหอก ลาซิโอ วัย 29 ปี ซึ่งทำได้ 2 ประตูในเกมนี้ เปิดใจ
สำหรับ อิตาลี เคยเป็นแชมป์ ยูโร 1 สมัย เมื่อปี 1968 และเป็นรองแชมป์ 2 ครั้ง ในปี 2000 และ 2012
credit : www.siamsport.co.th