แชร์คนจีน

เหตุการณ์จำลองในยุครัชกาลที่ 6

" อาเจ็ก ผมอยากตั้งวงแชร์สักหมื่นหนึ่ง 
อาเจ็ก คิดว่าผมพอทำได้ไหม " 
ชายหนุ่มที่เป็นลูกจ้างร้านทองถามขึ้นมา

" แล้วลื่อจะไปทำอะไร
มีเงินพอจ่ายทุกเดือนไหม " อาเจ็กถาม

" ผมจะไปเปิดร้านตีทองและซ่อมทอง
โดยรับงานจากเถ้าแก่ที่ผมทำงานด้วย
เถ้าแก่ก็ยินดีให้ผมลาออกเพื่อความก้าวหน้า
กับยอมส่งงานให้ผมด้วยแบบเซียหู(ช่วยเหลือ)กัน
และผมก็รับงานของร้านทองทั่วไปได้ด้วยครับ
แบบทำมากก็ได้มากกว่าเดิมครับ
พอดีไปดูที่ทางห้องแถวหลังหนึ่งแล้ว  ค่าเช่าก็ถูกมาก
เพราะเช่าจากญาติภริยาเซียมนั้ง(คนไทย) ของผมครับ "
ชายหนุ่มตอบ

" เดิอน ๆ หนึ่ง ลื้อจะทำรายได้เท่าไร
หักค่าเช่า ค่ากินอยู่ เบ็ดเตล็ด เหลือเงินอีกเท่าไร "
อาเจ็กถามอีกครั้ง

" ที่คิดคร่าว ๆ ที่ทำงานกับเถ้าแก่ตอนนี้
และถ้ารับงานเดิมมาทำ กับรับงานใหม่
คงมีเงินเหลืออยู่ราว 700 บาทครับ "
ชายหนุ่มตอบ

" เออดีแล้ว  ลื้อเป็นคนขยันและตั้งใจทำงาน
อาเจ็กจะช่วยสอบถามหาคนมาเล่นแชร์ด้วย
อาเจ็กจะเป็นท้าวแชร์ให้เธอก่อน
แล้วเธอค่อยผ่อนจ่ายเองก็แล้วกันนะ "
อาเจ๊กตอบ

" ขอบคุณมากครับ  เจ็ก"
ชายหนุ่มตอบอีกครั้ง
 

หมายเหตุ

ถ้าชายหนุ่มตั้งวงแชร์เอง
คงจะมีคนเล่นด้วยไม่มาก
เพราะยังไม่มีฐานะการเงินชัดเจน
รวมทั้งความเชื่อถือในวงสังคมคนจีน

ลื่อ เป็นคำพูดแต๊จิ๋ว บางครั้งก็ใช้ว่า ลื้อ
แต่คนไทยชอบพูดว่า ลื้อ
ภาษาจีนแต๊จิ๋วที่จดจำมา
จะมีลักษณะพิเศษมักจะลงเสียงต่ำเวลาประกอบคำ
เช่น โอวมัก ตาดำ โอว=ดำ มัก=ตา
แต่พอพูดหยอกเย้าเด็กที่ดวงตาดำมาก จะพูดว่า
โอมหมักกุ้ย  เจ้าผีตาดำ
เพราะคนจีนแต้จิ๋วมักเล่าว่าผีไม่มีดวงตา



วงแชร์  10,000 บาทในยุคนั้น
จะตกมือละ 500 บาทหรือราว 20 มือ
หรือราว 20 เดือนก็หมดวงแชร์
แต่บางคนจะเล่นมากกว่า 2 มือขึ้นไป
ถ้ามีเงินเหลือเก็บมาก และอยากช่วยเหลือท้าวแชร์

การเล่นแชร์คนจีนในยุคก่อน
จะเป็นการสนับสนุนการลงทุนและการเงิน
แบบไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับนายทุนเงินกู้หริอธนาคาร
เรื่องนี้ทำให้คนจีนระดมทุนสร้างตัวได้เร็วกว่าคนไทย
เพราะธุรกิจในสมัยก่อนใช้เงินทุนไม่มากเหมือนทุกวันนี้
และการแข่งขันทางการค้ายังไม่รุนแรงแบบปัจจุบัน

กติกาการเล่นแชร์คนจีนมีอยู่ว่า 
ท้าวแชร์คนแรกรับเงินทั้งก้อนไป
ในเดือนแรกเต็มจำนวน  ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย
เดือนต่อมาก็จะมีการนัดพบกินเลี้ยงกัน
ถ้าในวงแชร์สนิทกันมากก็เปียแชร์ทางวาจา
หรือเขียนดอกเบี้ยในกระดาษให้ท้าวแชร์
หรือท้าวแชร์เดินถามคนเล่นแชร์ว่า
ใครจะเปียแชร์(ขอรับเงินจากวงแชร์)บ้าง
ใครที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดก็จะได้เงินเดือนนั้นไป

สมมุติวงแชร์มีเงิน 10,000 บาท จ่ายดอก 100 บาทสูงสุด
คนเล่นแชร์ก็จะส่งเงินให้ท้าวแชร์ 9,900 บาท
หน้าที่ท้าวแชร์คือไปเก็บเงินจากทุกคนที่เล่นแชร์
แล้วนำเงินไปมอบให้คนที่เปียแชร์ได้
แต่ถ้าคนเปียแชร์ได้หนีไป หรือชักดาบไป
กรรมก็จะตกเป็นกรรมของท้าวแชร์
ที่จะต้องจ่ายเงินตนเองไปแทนลูกหนี้ที่เบี้ยวหนี้
โดยเข้าสวมแทนสิทธิ์คนที่หนีแชร์ไป
เพื่อไม่ให้วงแชร์ล่มยังเดินต่อได้จนทุกคนเปียหมด
คนสุดท้ายที่เปียจะได้เงินเต็มจำนวน



อนึ่ง ธรรมเนียมคนจีนที่มาทำงานในไทยในยุคนั้น
คนจีนที่อพยพมาจากเมืองจีนมักจะมีภริยาที่เมืองจีนแล้ว
บางคนก็หาภริยาที่เมืองไทยอีกคน
โดยให้ภริยาหลวงยังอยู่ที่เมืองจีนพร้อมกับลูก ๆ
เวลามีเงินทองเหลือใช้ก็ส่งกลับไปให้ที่นั่น
โดยผ่านทางโพยก้วน(รับโอนเงินแบบธนาคารปัจจุบัน)
บางคนถ้ามีเงินเหลือเก็บก็พาภริยากับลูก ๆ มาเมืองไทย

โพยก้วนของคนจีนมีลักษณะที่ไม่เหมือนธนาคาร
การจะไปโอนเงินให้คนที่เมืองไหนในเมืองจีน
ก็จะนำเงินไปให้ตัวแทนโพยก้วนจำนวนเงินหนึ่ง
โดยจะมีการคิดค่าธรรมเนียมโพยก้วนร้อยละ 2-5 บาท
แล้วแต่ความยากง่ายและหนทางที่จะนำเงินไปส่ง
คนที่รับหน้าที่เป็นโพยก้วนจะเขียนใบสำคัญให้คนฝากเงิน
แล้วจะมีคนในเครือข่ายโพยก้วนนำเงินไปให้คนรับเงิน
ที่ระบุชื่อนามสกุลและที่อยู่ไว้ในจุดหมายปลายทาง
ใช้เวลามอบเงินให้ในเวลาไม่เกิน 1 เดือนเป็นอย่างช้า เร็วสุดไม่เกิน 7 วัน
ในยุคที่การติดต่อสื่อสารยังลำบากกว่าทุกวันนี้
จะมีคนกลางนำเอกสารโพยก้วนขึ้นเครื่องบินไปกลับทุกวัน
หรือเดินเรือโดยสารไปที่ฮ่องกง เป็นศูนย์กลางโพยก้วน
ก่อนจะกระจ่ายเงินโอนตามโพยก้วนไปยังที่ต่าง ๆ ในเมืองจีน

ส่วนมากคนที่เมืองจีนเมื่อได้รับเงินจากโพยก้วนแล้ว
มักจะเขียนจดหมายมาขอบคุณแล้วบอกจำนวนเงินที่ได้รับ
ข้อดีของไปรษณีย์ที่เป็นหลักสากลทั่วโลก
แม้ว่าแต่ละประเทศจะไม่มีความสัมพันธ์ในทางการทูต
หรือมีการต่อต้านไม่ยอมรับรองประเทศฝ่ายตรงข้าม
แต่การส่งจดหมายไปมาแลติดต่อระหว่างกัน
จะได้รับการยกเว้นไม่มีการปิดกั้นแต่อย่างใด
ในยุคที่จีนเป็นคอมมิวนิสต์ไม่ถูกกับไทย
พ่อแม่ญาติพี่น้องที่เมืองจีนก็ยังสามารถเขียนจดหมาย
ติดต่อและบอกข่าวคราวส่งมาที่เมืองไทยได้
และคนจีนที่อยู่ในไทยก็ยังสามารถเขียนจดหมายติดต่อได้

โพยก้วนยังทำหน้าที่รับแลกเปลี่ยนเงินตรา
และโอนเงินไปยังต่างประเทศด้วย
ถ้ามีคนต้องการนำเงินไปใช้ที่ฮ่องกง หรือ จีนแดง(สมัยเมาเซตุง)
ในสมัยก่อนถ้าผ่านระบบธนาคารจะยุ่งยากมาก
ก็จะไปหาโพยก้วนแล้วบอกว่าต้องการนำเงินไปเท่าไร
จัดการคิดอัตราแลกเปลี่ยนเสร็จแล้ว
โพยก้วนจะเขียนเอกสารหนังสือให้ฉบับหนึ่ง
อาจจะเป็นแบบบันทึกช่วยจำเล็ก ๆ เช่น เขียนว่า
ไก่ 2 ตัว  หรือ หมู 4 ตัว เป็นรหัสลับแทนมูลค่าเงิน
เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดในการโอนเงินระหว่างประเทศ
คนถือใบโพยก้วนนี้จะนำไปที่ตัวแทนโพยก้วน ในฮ่องกง หรือจีนแดง
ที่เป็นที่รู้ ๆ กัน หรือมีการบอกที่จุดหมายปลายทางไว้ก่อน
เมื่อนำบันทึกช่วยจำฉบับนี้ยื่นให้โพยก้วนที่นั่น
โพยก้วนที่นั่นจะตรวจสอบแล้วจ่ายเงินเลย
โดยไม่มีการอิดออดหรือลูกเล่นแต่อย่างใด

เครือข่ายโพยก้วนมีขนาดใหญ่โตและสลับซับซ้อนมาก
จนมีการพูดกันเล่น ๆ ว่า
ต่อให้คนรับเงินปลายทางอยู่ที่ไซบีเรีย รัสเซีย
ก็ยังหาคนนำเงินไปส่งถึงคนรับปลายทางได้

ขนาดที่เมืองจีนยุคเมาเซตุงเถลิงอำนาจ
ระบบโพยก้วนยังทำงานได้เป็นอย่างดี
โดยรัฐบาลจีนแดงก็ทำเป็นหลับหูหลับตาเรื่องนี้
เพราะขาดแคลนเงินตราจากต่างประเทศ
และการมีเงินจากคนจีนในเมืองไทยส่งไปให้
เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องในเมืองจีน
ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณหลายด้าน




คนจีนในรุ่นก่อนชอบเล่นแชร์และตั้งวงแชร์กันมาก
เพราะด้วยปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้วงแชร์ล่มยากมากคือ
การเป็นคนจีนพูดภาษาท้องถิ่นแบบเดียวกัน
การมาจากหมู่บ้านตำบลเดียวกัน
การนับญาติพี่น้องกันหลังจากมาอยู่เมืองไทย
ศักดิ์ศรีและการรักษาคำพูด คำไหนคำนั้น
แบบคำพูดหนักยิ่งกว่าทองคำพันตำลึง
ไม่ใช่แบบลิ้นพลิกไปมาได้ 
แต่ตัวหนังสือพลิกไม่ได้
แชร์ล่มไม่ค่อยมี  มีก็นาน ๆ ครั้ง

การมีวงแชร์คนจีนก็คือ
การมาพบปะคุยกันเดือนละครั้ง
แบบธรรมเนียมการกินโต๊ะแชร์ในบางวงแชร์
ทั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ กัน
กับเปิดโปงคนทำไม่ดีต่อชุมชนให้รับทราบกัน
เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

แม้ว่าจะไม่มีการกินโต๊ะแชร์หรือมีการประชุมในวงแชร์
แต่ท้าวแชร์มีหน้าที่ไปบอกกล่าวข่าวสารต่าง ๆ
ที่รับทราบจากคนเล่นแชร์ไปแจ้งให้คนอื่น ๆ ทราบ
ในยุคที่ยังไม่มีโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่
Line Facebook วิทยุ โทรทัศน์  แพร่หลายเหมือนทุกวันนี้
การบอกข่าวแบบนี้จะได้ผลตรงคนตรงจุดมากในยุคนั้น




ครั้งหนึ่งที่หาดใหญ่นานมาแล้ว
เวลาเกิดอัคคีภัย หรือน้ำท่วม
ถ้าบ้านของลูกแชร์บางคนเสียหายหนักมาก
พวกเถ้าแก่รายใหญ่ที่ร่วมเล่นแชร์
จะเปียแชร์ดอกเบี้ยสูงมาก
จนคนในวงแชร์บางคนตกใจมาก
คิดว่าทำไมเศรษฐีถึงร้อนเงินมากเปียดอกสูงมาก
หรือกำลังเตรียมตัวจะเจ๋าโหล่ว(หลบลี้หนีหนี้)

แต่จริง ๆ คือ เป็นการให้ความช่วยเหลือเพื่อนฝูงหลายคน
ที่ต่างลำบากจากภัยพิบัติไม่ต้องจ่ายเงินสมทบมากในเดือนนั้น
นัยว่าไม่ต้องการให้เพื่อนบางคนลำบาก
และเป็นการรักษาหน้า/ศักดิ์ศรีเพื่อนส่วนหนึ่ง
ไม่ให้ต้องลำบากในการหาเงินมาจ่ายวงแชร์
พอการเปียแชร์ครั้งหลัง ๆ ดอกก็จะสูงตามมาสัก 2-3 เดือน
ซึ่งก็มาจากพวกเถ้าแก่รายใหญ่รายอื่น ๆ
ก่อนที่จะกลับมาสู่ดอกปกติแบบเดิม

เขียนขึ้นมาจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนวงแชร์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่