Review Retinoid Cream จากร้านขายยา เอามาทาหน้า
 
สำหรับคนขี้เกียจอ่าน - Retinoid เป็นสารที่ได้รับการวิจัยทางการแพทย์ช่วยลดริ้วรอย ลดเม็ดสีบนหน้า ทาลงบนผิวแล้วผิวจะสร้างcollagen ที่เมืองไทยถูก(118บาท) หาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่มันต้องระวังในการใช้ ใคร30upนี่ก็ควรเริ่มใช้ได้เลย เพราะต้องทา 6 เดือนขึ้นไปถึงเห็นผล
 
เหตุมันเกิดว่า ช่วงหลังเราดูskincare on youtube จนหลับไปเกือบทุกวัน แล้วก็อินกับproductsต่างๆมากๆ อยากจะหามาทาหน้าให้หมด
 
แต่เราก็เป็นคนคิดว่า everything in moderation ถึงจะดี ทาหลายๆอันรวมกันหน้าจะระเบิด (ซึ่งเคยระเบิดมาแล้ว โดยสิวขึ้น ซึ่งปกติไม่ค่อยมี) ดังนั้น ถ้าเลือกactive ingredientอย่างเดียวมาทาบนหน้าใน 1 คืน เราจะเลือกสิ่งนี้จ้าาา นั้นคือ Retinoid นั่นเองงง
 
ในรูป คือยี่ห้อ Retin-A ตัวยาคือ Tretinoin
 
ถ้าเล่าแบบรวบรัดตัดความ สิ่งในรูปคือวิตามินเอ ซึ่งก่อให้เกิดความมหัศจรรย์กับหน้า ว่า ลดเลือนริ้วรอย ลดการเกิดเม็ดสีบนหน้า ในฉลากเขียนว่าเป็นยารักษาสิว แต่ศึกษาจากmedical articles ภาษาอังกฤษแล้ว เขาว่าเป็นสารชนิดเดียวที่ได้ clinical approved เรื่องชะลอphoto aging (photo aging คือร่องรอยการแก่ที่เกิดจากแสงแดด เช่น กระ ฝ้า ตีนกา รอยแดง and so on)
 
ถามว่ามันเห็นผลไหม ตอบตรงนี้ว่ายังไม่เห็น มันต้องทาไปเรื่อยๆซัก 6 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผล เราเพิ่งเริ่มใช้ แต่จะมาบอกทุกคนว่า เราอาศัยอยู่ในThailandแล้ว สามารถเดินไปซื้อ Retinoid แบบที่อยู่ในรูปแบบยาได้ตามร้านขายยาได้เลย
 
เนื่องจากดูyoutube จากอเมริกามากไป เขาบอกว่า มันมี Retinoid แบบขายตามร้าน(over-the-counter มักมาในรูปskincare) ประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่า Retinoidแบบที่หมอสั่ง(prescription มาในรูปยา) เราก็เลยคิดว่า เดี๋ยวลองใช้Retinoidแบบซื้อตามร้านก่อน แล้วพอซัก 40 ค่อยไปให้หมอสั่งยาให้
 
แต่ว่าที่บ้านเราสามารถซื้อ Retinoidแบบที่หมอสั่งจากร้านขายยาได้เลยย ไม่ต้องรอหมอและเสียค่าหมอแล้วจ้าา ในรูปนี่ซื้อจากboots 118บาทเท่านั้นเอง ตอนแรกว่าจะใช้RetinolของDrunk Elephant ราคาขายอยู่ที่ 2600 บาท แต่หลอดในรูปขายอยู่ที่ 118 บาทถ้วน ในเมื่ออันที่อยู่ในรูปแบบยา ใช้แล้วได้ประสิทธิผลดีกว่า ถูกกว่า เลยไม่รู้จะซื้ออันที่อยู่ในรูปแบบเครื่องสำอางทำไม เราก็จัดเลยจ้าา
 
แต่ตอนใช้ก็ต้องระวัง เพราะมันเป็นสิ่งที่ออกฤทธิ์ได้ดีมาก ผู้ใช้ใหม่ควรใช้แค่อาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ใช้แทนserumได้เลย) แล้วก็ทาmoisturizer ทับ โดยตัวmoisturizerขอให้อ่อนโยน และไม่มีexfoliating ingredientsใดๆอีก เพราะตัวนี้มันช่วยผลัดผิวอยู่แล้ว
 
ใช้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ไป 1 เดือน พอเดือนที่ 2 ก็ใช้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง พอเดือนที่ 3 ก็ใช้อาทิตย์ละ 3 ครั้ง (ก็คือวันเว้นวัน) พออาทิตย์ที่ 4 ก็ใช้ทุกวันไปได้เลย
 
เราคิดว่า จะทาครีม ต้องอดทน ต้องมีความรู้ว่าเราทาอะไรลงไปบนหน้าเรา ไม่งั้นก็เสียเงินเปล่าๆปลี้ๆ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดนอกจากความชุ่มชื้น ซึ่งไม่ต้องใช้ครีมแพงก็ได้
 
หลังเราล้างหน้า/ เช็ดโทนเนอร์/ รอให้แห้งซัก 5 นาที / ทาretin A ตัวนี้/ ทาmoisturizer แล้วก็พร้อมนอนแล้ว
 
แต่ตอนเช้าต้องทาครีมกันแดดด้วยนะ เพราะRetinoidมันช่วยผลัดเซลผิว ผิวเกิดใหม่ก็จะไวต่อแสงแดด
 
ข้อสังเกตก็คือว่า ที่เมืองไทยไม่ค่อยมีใครพูดถึงRetinoidกันเลย มีบ้าง แต่น้อยมาก ในขณะที่youtuber ที่อเมริกา ถ้าเป็นสาววัยกลางคนอย่างเรา 90%พูดถึงRetinoidกันหมด เขาแนะนำให้ไปหาหมอ ใช้Retinoidแบบprescription บางคนเวลาไปเที่ยวMexico เขาก็ซื้อมาตุนไว้ในร้านขายยา แต่เราชาวไทยโชคดีกว่า เดินไปซื้อในbootsได้เลยในราคา 118 บาทจ้า
 
ตอนแรกเราก็คิดว่าถู๊กถูก ไม่กล้าทาหน้า แต่อย่าโดนราคาหลอก ของแพงไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป ส่วนของถูกแล้วดี ก็มีจริงนะะ
 
เขาต้องทากันถึง 6 เดือนถึงจะเห็นผล แต่ยังไงก็แนะนำว่าคนวัยกลางคนควรเริ่มใช้Retinoidได้แล้ว ถ้ารู้สึกว่าอันนี้มันถูกไป เป็นยา น่ากลัว ก็ไปซื้อDrunk Elephant Retinol ที่Sephoraได้จ้าา
 
เพิ่มเติม - เอามาทาที่ท้องแขนก่อนทาหน้านะ เผื่อแพ้ และ ไปศึกษาเพิ่ม https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2699641/ เอ้า เอาmedical article ไปอ่าน (เราก็ไม่อยากดูแต่blogger และอ่านในเว็บของพวกMagazineอย่างเดียว เป็นคนจริงจังเรื่องหน้าน่ะ)
 
เราไม่สามารถupload รูปได้ เพราะว่ายืนยันตัวตนไม่ได้ซักที แต่ในเพจเรามีอยู่นะคะ https://www.facebook.com/PayPenThailand/