สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
ขอออกความเห็นส่วนตัวในแง่ลบหน่อยนะคะ
หากเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้หรือแค่ไม่จริงจังอะไร การที่เดทแรกเจอกันแล้วอยากนัดต่อก็เพราะยังใหม่แล้วต้องการให้น้องสบายใจและเข้าใจว่าเขามีใจให้ พอเดทสองที่ไปลอยกระทงกัน เขาเลี้ยงอาหารมื้อหรู (สำหรับน้องนะ เพราะสำหรับคนทำงานอายุ 30+ เนี่ย บางคนไม่ถือว่าหรูอะไร) เขาก็พยายามเอ็นเตอร์เทนให้น้องมีความสุขที่สุด เพราะเขาคาดหวังว่าเขาจะได้ แอ้ม ซึ่งถ้าน้องยอม มันก็จะเป็นการแอ้มที่สมยอมทั้งคู่แล้วมันจะฟินกว่าการหลอกอีกฝ่ายอ่ะค่ะ แล้วการที่เขาหายไปในวันถัดๆไปนั้น พี่มองว่า 1) ได้แอ้มแล้ว ปิดจ็อบได้ 2) ยังไม่ได้แอ้ม แล้วน้องก็ไม่ได้เป็นสเปกที่เขาจะต้องใช้ความพยายามต่อให้ปิดจ็อบ (อารมณ์แบบได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร) เขาก็ไปหาสาวคนใหม่ แค่นั้นเองค่ะ แต่ทำไมเขาเลือกที่จะเงียบ เพราะการเงียบหมายความว่า ถ้าเขาจะกลับมาใหม่ เพื่อสานต่อสิ่งที่ค้าง มันกลับมาต่อง่ายค่ะ แล้วสาวบางคนทีมีใจมากๆเนี่ย บางคนนะคะ เขาจะทรมานในช่วงที่ผู้ชายหายไปแบบนี้ล่ะ แล้วก็จะพยายามเรียกร้องความสนใจในหลายๆวิธี อาทิเช่น อ่อย เอาตัวเข้าแลก (มาหาหน่อยสิคะ) มันก็เป็นอะไรที่ง่ายในการปิดจ็อบ โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอ่ะค่ะ (แสร้งปล่อยเพื่อจับ)
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไรเนอะ อันนี้ก็จะแนวคิดลบๆ แต่อิงจากเรื่องจริง ของคนที่มีเพื่อนเป็นผู้ชายเจ้าชู้ค่ะ
หากเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้หรือแค่ไม่จริงจังอะไร การที่เดทแรกเจอกันแล้วอยากนัดต่อก็เพราะยังใหม่แล้วต้องการให้น้องสบายใจและเข้าใจว่าเขามีใจให้ พอเดทสองที่ไปลอยกระทงกัน เขาเลี้ยงอาหารมื้อหรู (สำหรับน้องนะ เพราะสำหรับคนทำงานอายุ 30+ เนี่ย บางคนไม่ถือว่าหรูอะไร) เขาก็พยายามเอ็นเตอร์เทนให้น้องมีความสุขที่สุด เพราะเขาคาดหวังว่าเขาจะได้ แอ้ม ซึ่งถ้าน้องยอม มันก็จะเป็นการแอ้มที่สมยอมทั้งคู่แล้วมันจะฟินกว่าการหลอกอีกฝ่ายอ่ะค่ะ แล้วการที่เขาหายไปในวันถัดๆไปนั้น พี่มองว่า 1) ได้แอ้มแล้ว ปิดจ็อบได้ 2) ยังไม่ได้แอ้ม แล้วน้องก็ไม่ได้เป็นสเปกที่เขาจะต้องใช้ความพยายามต่อให้ปิดจ็อบ (อารมณ์แบบได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร) เขาก็ไปหาสาวคนใหม่ แค่นั้นเองค่ะ แต่ทำไมเขาเลือกที่จะเงียบ เพราะการเงียบหมายความว่า ถ้าเขาจะกลับมาใหม่ เพื่อสานต่อสิ่งที่ค้าง มันกลับมาต่อง่ายค่ะ แล้วสาวบางคนทีมีใจมากๆเนี่ย บางคนนะคะ เขาจะทรมานในช่วงที่ผู้ชายหายไปแบบนี้ล่ะ แล้วก็จะพยายามเรียกร้องความสนใจในหลายๆวิธี อาทิเช่น อ่อย เอาตัวเข้าแลก (มาหาหน่อยสิคะ) มันก็เป็นอะไรที่ง่ายในการปิดจ็อบ โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอ่ะค่ะ (แสร้งปล่อยเพื่อจับ)
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไรเนอะ อันนี้ก็จะแนวคิดลบๆ แต่อิงจากเรื่องจริง ของคนที่มีเพื่อนเป็นผู้ชายเจ้าชู้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อเดทแรกผู้ชายออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็หายไป
เราเคยเจอกันแล้วครั้งนึง รอบแรกที่เจอเราอยู่กับเพื่อนๆ ด้วยแต่เค้าก็มาหา สภาพวันนั้นคือแย่มากแต่งตัวแบบชุดอยู่บ้านปกติเลยค่ะ พอเจอกับเค้าก็ไปกินชาบูด้วยกัน แต่การที่ไปงานลอยกระทงนับเป็นเดทแรกเพราะว่าเราไปกันแค่ 2 คนเป็นครั้งแรก
การที่เขาหายไปก็คงเป็นเพราะบุคลิกของเรานั่นแหละค่ะ ก็คงมีนิสัยบางอย่างที่เขาคงรับไม่ได้ บุคลิกเราห้าวๆ ดูไม่ค่อยเป็นผู้หญิงในส่วนนี้เขาก็พอรู้อยู่แล้ว แต่คงมีบางจุดที่เขารับไม่ได้แหละค่ะ ส่วนฝ่ายชายมีความเป็นผู้ใหญ่ สุภาพ และให้เกียรติมากค่ะ วันที่ไปเดทเราไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันแม้แต่นิดเดียว ตอนทานอาหารเค้าก็เทคแคร์ ตักอาหารให้ เราประทับใจในส่วนนี้มาก
แต่เรื่องที่ยังคงรู้สึกไม่โอเคก็คือที่เขาต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี่แหละค่ะ กินก็กินด้วยกันแท้ๆ เราถึงเลือกไม่สั่งอาหารและให้เขาเลือกเมนูเองเพราะเราเกรงใจเขา ก็ไม่อยากให้เค้าต้องมาเสียเงินอะไรกับเรามากมาย และการที่เรามีเงินติดตัวแค่ 80 บาท จริงๆ แล้วก็ไม่ควรจะออกไปไหนด้วยซ้ำนั่นแหละค่ะ เราไม่รู้ว่าการให้เงินเป็นค่ารถจะเป็นการทำให้ผู้ชายรู้สึกไม่ดี เพราะตอนนั้นคิดเพียงแค่อยากช่วยเค้าออกบ้างก็แค่นั้น ถึงเป็นเงินแค่น้อยนิดก็ตาม และเราก็บอกเขาแล้วด้วยว่ารอบหน้าขอเลี้ยงคืนบ้างนะคะ
และจนถึงตอนนี้เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกค่ะ ส่วนเรื่องที่เขามีครอบครัวอยู่แล้วหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ และนิสัยลึกๆแล้วเขาเป็นคนยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ยอมรับค่ะว่ามีประสบการณ์ทางด้านนี้น้อยมาก ตั้งแต่เกิดมานี่ก็เป็นการไปไหนกับผู้ชายที่ไม่ใช่เพื่อนหรือคนรู้จักเป็นครั้งแรก คนอื่นอาจคิดว่าปัญญาอ่อนหรือเปล่าที่มาตั้งกระทู้อะไรแบบนี้ แต่สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ละเอียดอ่อนสำหรับเรา ก็ขอเก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วกันนะคะ