สวัสดีครับชาวพันทิป ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์การซื้อทาวเฮ้าส์มือสองมา renovate นะครับ
เกริ่นนำก่อนเลยคือ ผมเป็นคนต่างจังหวัด เริ่มมาทำงาน กทม. ปี 2557 มาแรกๆ ก็เช่า apartment อยู่แถว BTS อ่อนนุช เพราะไม่ไกลที่ทำงาน apartment ที่อยู่ก็ดีมาก เงียบสงบ ไม่ไกลจาก BTS ผมอยู่ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่อยากซื้อบ้านก็เพราะสวัสดิการของบริษัทนี่แหละ คือบริษัทที่ผมทำงานจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้านให้ไม่เกิน 5% ซึ่งดอกบ้านก็ประมาณนี้อยู่แล้ว สรุปคือผมจะซื้อบ้านได้โดยแทบจะผ่อนแค่เงินต้น เลยตัดสินใจซื้อครับ ถือว่าได้สินทรัพย์ด้วย ถึงเช่าอยู่ต่อก็เสียค่าเช่ารายเดือนเท่ากับผ่อนเงินต้นอย่างเดียวอยู่ดี
ผมขอแบ่งขั้นตอนทั้งหมดตามนี้ครับ
1. กำหนดความต้องการและหาบ้าน
2. ขั้นตอนการซื้อบ้าน
3. คุยกับสถาปนิกและหา ผรม
4. เริ่มงานรีโนเวท
กำหนดวามต้องการและหาบ้าน
เริ่มหาจากอินเตอร์เน็ต google ดู ก็ได้เข้าไปดูเว็ป ddproperty, thaihometown กรมบังคับคดี และอื่นๆ อีกหลายเว็ป โดยโจทย์ของผมคือผมอยากได้บ้านที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมาก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า และราคาไม่แรงมาก ด้วย condition แบบนี้จากที่ผมหาๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะเอาบ้านมือหนึ่ง ก็เลยมองทาวเฮ้าส์มือสอง กะว่าจะรีโนเวตเอา ดูอยู่หลายที่ครับ โทรไปขอดูบ้านไม่น่าจะต่ำกว่า 15 ที่ ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน สุดท้ายก็มาลงเอยที่หมู่บ้านๆ หนึ่ง ใกล้ๆ BTS อุดมสุข หมู่บ้านเงียบสงบ ต้นไม้เยอะ ไม่ห่าง BTS มาก (ไม่เกิน 2 กิโล) ใกล้ทางด่วน โดยผมซื้อบ้านหลังนี้จากการที่เห็นป้ายติดหน้าบ้าน เลยโทรไปหาเจ้าของ คุยๆ แล้วดีล ก่อนหน้านี้กะจะเอาอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะไปดูหลังนั้นก่อน เห็นจากอินเตอร์เน็ต เข้าไปดู วางเงินมัดจำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ดันมาเจอหลังที่ซื้อจริงๆ ตอนหลัง เนื้อที่เยอะกว่า แล้วได้ราคาดีกว่า เลยจำใจยอมเสียเงินมัดจำหลังแรก ดีว่ามัดจำไปไม่กี่หมื่น
นี่เป็นรุปตอนเข้าไปดูครั้งแรกๆ เลย (เละนิดหนึ่ง แต่คิดว่าไม่แย่มาก)
ระเบียงชั้น 3
หลังบ้าน พอมี พท. ต่อครัวนิดหน่อย
มีน้ำรั่วตรงห้องนอนชั้น 2 ด้วย แบบนองพื้นเลย เครียดอยู่เหมือนกัน แต่ ผรม กับวิศวะบอกว่าแก้ได้ตรงได้ เด๋วไปไล่หาจุดรั่วแล้วอุดได้
ห้องน้ำชั้น 1 เล็กมาก เลยบอกสถาปนิกว่าจะขยาย
ขั้นตอนการซื้อบ้าน
การซื้อบ้านก็ไม่ได้ยากอะไรครับ ผมก็หาๆอ่านจากอินเตอร์เน็ต หลักๆ ก็คือ
- ติดต่อผู้ขาย ดีลราคาให้ลงตัว
- ทำสัญญาจะซื้อจะขาย (อันนี้จะทำไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ แต่ผมแนะนำว่าทำดีกว่า เพราะว่าทุกอย่างจะได้ชัดเจนและมีหลักประกัน) วางเงินมัดจำบ้านก็วางตอนเซ็นสัญญานี้นะครับ
- ไปโอนที่สำนักงานที่ดิน แนะนำให้ไปแต่เช้าและไม่ใช่ช่วงปลายไตรมาส ผมไปช่วงใกล้ปิดไตรมาสซึ่งพวกคอนโดพยายามปิดยอดกัน เลยมีการโอนเยอะ ผมไปเที่ยง เสร็จเกือบสามทุ่ม ขั้นตอนการโอนที่สำนักงานที่ดินจริงๆ แปปเดียวครับ ไม่เกิน 20 นาที ที่นานคือรอคิว รอจนหลับไปหลายตื่นเลย
- พอได้บ้านมาเป็นชื่อเราแล้ว ก็จัดการย้ายชื่อเราเข้าในทะเบียนบ้าน และไปขอมิเตอร์น้ำไฟใหม่ให้เรียบร้อยครับ ตอนเซ็นจะซื้อจะขายกันสัญญาผมเขียนไว้ว่าผู้ขายมีหน้าที่โอนมิเตอร์น้ำไฟมาให้ผม แต่ปรากฏว่าพอผมไปติดต่อการไฟฟ้ากับการประปาปรากฏว่ามิเตอร์มันถูกตัดไปหมดแล้ว เพราะบ้านไม่มีใครอยู่มาจะ 10 ปีแล้ว ผมก็เลยจัดการติดตั้งใหม่ เสียเงินไปราวๆ หมื่นบาท รวมค่าน้ำไฟค้างชำระ โดยจำนวนเงินนี้ผมเอาไปเบิกกับผู้ขายภายหลัง เค้าก็โอนมาให้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ
คุยกับสถาปนิกและหา ผรม
ผมมีเพื่อนเป็นสถาปนิกก็เลยใช้บริการเพื่อน ก็บอกความต้องการไป ว่าอยากได้สไตล์ไหน เจอรูปไอเดียบ้านสวยๆ ในอินเตอร์เน็ตก็เซฟๆ ไว้ แล้วส่งให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่าง คุยเสร็จเพื่อนสถาปนิกก็เข้ามาวัดบ้านและเขียนแบบครับ โดยเขียนแบบนี่ใช้เวลาประมาณเดือนกว่า ของผมค่าสถาปนิกไม่แพง เพราะเป็นเพื่อนกัน สิ่งที่ได้คือ แบบ sketchup แบบ 3 มิติ แล้วก็แบบ interior ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเพื่อนผมเค้าไปจ้าง interior เขียนอีกที แบบ interior นี่จะมีผังไฟ ผังเฟอร์นิเจอร์ สเปค ค่อนข้างละเอียดเลยครับ
ส่วนเรื่องผู้รับเหมา ผมได้ยินได้อ่านมาเยอะ ว่าหาดีๆ ยาก บางเจ้าถึงขั้นทิ้งงาน เชิดเงินหนีไป อ่านแล้วก็กลัวครับ ผมก็เลยพยายามเอาผู้รับเหมาที่พอจะมี connection กับเพื่อนทีเป็นสถาปนิก โดยเอา ผรม เข้ามาดูและตีราคา 3 เจ้า คิดว่าจะได้เปรียบเทียบกัน 2 เจ้าเป็น ผรม ที่มี connection กับเพื่อนสปานิกผม ส่วนอีกเจ้าผมหามาเองจาก Facebook ผมมีราคาในใจไว้ว่าไม่อยากให้เกิน 1.3 ล้าน แต่ ผรมทั้ง 3 รายตีออกมา 1.6-1.7 ล้านหมดเลย ก็ทำไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมครับ จะทำปริมาณงานขนาดนี้ก็คงต้องยอมเสียแล้วแหละ แล้วในเมื่อตีราคามาเท่าๆ กัน ผมเลยเลือก ผรม ที่เพื่อนรู้จักดี อย่างน้อยๆ ก็น่าจะไม่ทิ้งงานและคุยกันง่าย ตัดสินใจได้แล้วก็ไปเซ็นสัญญารีโนเวทกับ ผรม ครับ หลังจากเซ็นประมาณครึ่งเดือนก็เริ่มงานเลย
เริ่มรีโนเวทบ้าน
ตรงนี้จะขอเล่าไปด้วยภาพละกันนะครับ
อันดับแรกก็เริ่มจากงานรื้อเลยครับผม
มีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน เอาแบคโฮมาจัดการเลยครับ
รื้อไปรื้อมาไปเจอว่าท่อน้ำที่ถ่ายน้ำเสียออกนอกบ้านแตก ทุกวันนี้น้ำไหลลงใต้บ้านตลอด เลยจำใจต้องวางท่อใหม่ด้วย
ขั้นตอนการรื้อไม่นานครับ 4-5 วันก็เสร็จ หลังจากรื้อแล้วถ้าจำไม่ผิดก็จะเป็นการทำงานโครงสร้างหลักๆ บ้านผมไม่ได้เปลี่ยน layout อะไรมาก เนื่องด้วยงบประมาณที่จำกัด จะมีหลักๆ ก็คือการต่อห้องครัวขนาด 4*3 เมตรออกไปตรงหลังบ้าน และต่อห้องนอนชั้น 3 ออกไปตรงระเบียง เพราะพื้นที่ห้องนอนชั้น 3 เล็กมาก วางเตียง 6 ฟุตแทบจะไม่ได้
เริ่มด้วยครัวเลย
ลงเสา 6 เหลี่ยม ยาว 6 เมตร จำไม่ได้แล้วว่ากี่ต้น เท่าที่อ่านมาถ้าลงเป็นไมโครไพล์ 15-21 นิ้ว ให้ถึงชั้นดินแข็งเลยจะดีกว่า เสา 6 เมตรยังอยู่ในชั้นดินอ่อนอยู่ ในอนาคตมีโอกาสทรุด
หลังจากลงเสาแล้วก็ก่อโครงเหล้ก หลังคาจะเป็นเมทัลชีทครับ
เริ่มมีโครงละๆ ก่อครัวใช้อิฐบวลเบาหมดครับ เพราะเสาไม่ได้ลงลึก ไม่อยากให้หนักมาก เด๋วระยะยาวจะทรุดเยอะ
ห้องนอนชั้น 3 ที่ต่อออกไป
หลังจากนั้นก็เริ่มเดินไฟ แล้วก็ใส่ฝ้า จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบฝ้าสักเท่าไร่ เพราะมันลงมาถึงระดับคานเลย วัดจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.5 เมตร ผมรู้สึกมันอึดอัดไป อาจะเพราะผมเป็นคนตัวสูงด้วย สูง 186 ซม. แต่ถ้าไม่ทำฝ้าลงมาถึงระดับคานสถาปนิกบอกว่ามันจะไม่ค่อยสวย ต้องทำใจครับ 2.5 เมตรก็ไม่แย่มาก คอนโดก็ประมาณนี้
พื้นผมเลือกเป็นกระเบื้องยางลายไม้ เพราะจากที่อ่านมาเบื้องต้นน่าจะดูแลรักษาง่ายกว่าลามิเนต และมีโอกาสบวมต่ำกว่า ก่อนจะปูกระเบื้องยางก็ทำการปรับพื้นผิวให้เรียบครับ
มาถึงขั้นตอนท้ายๆ แล้ว คือการใส่วงกบหน้าต่าง แล้วก็ทาสี
บันไดเอาลูกตั้งมาปิดครับ ถ้าโล่งๆ แล้วดูแปลกๆ สงสัยผมฝังใจกับหนังผีตอนเด็กๆ มากไป ที่เดินขึ้นบันไดแล้วมีผียื่นมือมาจับขา 555+ พท ใต้บันใดปิดทึบและทำเป็นที่เก็บของ ตรงผนังที่เก็บของทำเป็นที่แขวนทีวี
หลังจากทำรวมๆ กันแล้วประมาณ 5-6 เดือนก็เสร็จครับ อาจจะช้าหน่อย เพราะว่าติดช่วงสงกรานต์ที่ช่างกลับบ้านไปครึ่งเดือนเลย เสร็จสักที !!!
โซนนั่งกินข้าว เนื่องจากผมอยู่คนเดียว เลยซื้อโต๊ะกินข้าวตัวเล็กๆ จาก Ikea ไม่อยากให้โต๊ะใหญ่จนกิน พท บ้านมากครับ เพราะตัวบ้านก็ไม่ได้ใหญ่อะไรอยุ่แล้ว แต่โต๊ะตัวนี้ถ้าเพื่อนหรือครอบครัวมา ก็ขยายออกได้ครับ
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำไม่ค่อยสวยเท่าไร่ เพราะหลังๆ งบเริ่มหมด
โถงทางเดินชั้น 2
ห้องนอนชั้น 2 ห้องนี้ผมค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เพราะแสงเข้าดีมาก และเวลาเปิดหน้าต่างนี่เย็นสบายจนแทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย สำหรับแขกมานอนครับ หรือเผื่อมีลูก เอาไว้ให้ลูกนอน
ห้องนอนใหญ่ชั้น 3
ห้องทำงานชั้น 2 ยังไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์อะไรมาก ยังคิดไม่ออกจะเอาไรมาใส่ครับ กำลังคิดๆ ว่าจะเอาชั้นวางหนังสือหรือตู้โชว์มาใส่
พ่อแม่มาเยี่ยมหา ถ่ายรูปกันไว้หน่อย happy family
จบละครับสำหรับการแชร์ประสบการณ์การซื้อทาวเฮ้าส์มือสองมารีโนเวท อาจจะยังดูไม่ค่อยสมบูรณ์บ้าง เพราะพึ่งเข้าอยู่ได้ไม่นาน ยังไม่ได้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ข้าเต็มที่ บวกกับงบประมาณตอนหลังที่เริ่มจะจำกัดด้วย หวังว่ากระทุ้ผมจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะรีโนเวทบ้านบ้างครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ
รีโนเวททาวเฮ้าส์เก่า 30 ปี ให้กลับมามีชีวิต ตามแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน
เกริ่นนำก่อนเลยคือ ผมเป็นคนต่างจังหวัด เริ่มมาทำงาน กทม. ปี 2557 มาแรกๆ ก็เช่า apartment อยู่แถว BTS อ่อนนุช เพราะไม่ไกลที่ทำงาน apartment ที่อยู่ก็ดีมาก เงียบสงบ ไม่ไกลจาก BTS ผมอยู่ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่อยากซื้อบ้านก็เพราะสวัสดิการของบริษัทนี่แหละ คือบริษัทที่ผมทำงานจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้านให้ไม่เกิน 5% ซึ่งดอกบ้านก็ประมาณนี้อยู่แล้ว สรุปคือผมจะซื้อบ้านได้โดยแทบจะผ่อนแค่เงินต้น เลยตัดสินใจซื้อครับ ถือว่าได้สินทรัพย์ด้วย ถึงเช่าอยู่ต่อก็เสียค่าเช่ารายเดือนเท่ากับผ่อนเงินต้นอย่างเดียวอยู่ดี
ผมขอแบ่งขั้นตอนทั้งหมดตามนี้ครับ
1. กำหนดความต้องการและหาบ้าน
2. ขั้นตอนการซื้อบ้าน
3. คุยกับสถาปนิกและหา ผรม
4. เริ่มงานรีโนเวท
กำหนดวามต้องการและหาบ้าน
เริ่มหาจากอินเตอร์เน็ต google ดู ก็ได้เข้าไปดูเว็ป ddproperty, thaihometown กรมบังคับคดี และอื่นๆ อีกหลายเว็ป โดยโจทย์ของผมคือผมอยากได้บ้านที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมาก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า และราคาไม่แรงมาก ด้วย condition แบบนี้จากที่ผมหาๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะเอาบ้านมือหนึ่ง ก็เลยมองทาวเฮ้าส์มือสอง กะว่าจะรีโนเวตเอา ดูอยู่หลายที่ครับ โทรไปขอดูบ้านไม่น่าจะต่ำกว่า 15 ที่ ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน สุดท้ายก็มาลงเอยที่หมู่บ้านๆ หนึ่ง ใกล้ๆ BTS อุดมสุข หมู่บ้านเงียบสงบ ต้นไม้เยอะ ไม่ห่าง BTS มาก (ไม่เกิน 2 กิโล) ใกล้ทางด่วน โดยผมซื้อบ้านหลังนี้จากการที่เห็นป้ายติดหน้าบ้าน เลยโทรไปหาเจ้าของ คุยๆ แล้วดีล ก่อนหน้านี้กะจะเอาอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะไปดูหลังนั้นก่อน เห็นจากอินเตอร์เน็ต เข้าไปดู วางเงินมัดจำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ดันมาเจอหลังที่ซื้อจริงๆ ตอนหลัง เนื้อที่เยอะกว่า แล้วได้ราคาดีกว่า เลยจำใจยอมเสียเงินมัดจำหลังแรก ดีว่ามัดจำไปไม่กี่หมื่น
นี่เป็นรุปตอนเข้าไปดูครั้งแรกๆ เลย (เละนิดหนึ่ง แต่คิดว่าไม่แย่มาก)
ระเบียงชั้น 3
หลังบ้าน พอมี พท. ต่อครัวนิดหน่อย
มีน้ำรั่วตรงห้องนอนชั้น 2 ด้วย แบบนองพื้นเลย เครียดอยู่เหมือนกัน แต่ ผรม กับวิศวะบอกว่าแก้ได้ตรงได้ เด๋วไปไล่หาจุดรั่วแล้วอุดได้
ห้องน้ำชั้น 1 เล็กมาก เลยบอกสถาปนิกว่าจะขยาย
ขั้นตอนการซื้อบ้าน
การซื้อบ้านก็ไม่ได้ยากอะไรครับ ผมก็หาๆอ่านจากอินเตอร์เน็ต หลักๆ ก็คือ
- ติดต่อผู้ขาย ดีลราคาให้ลงตัว
- ทำสัญญาจะซื้อจะขาย (อันนี้จะทำไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ แต่ผมแนะนำว่าทำดีกว่า เพราะว่าทุกอย่างจะได้ชัดเจนและมีหลักประกัน) วางเงินมัดจำบ้านก็วางตอนเซ็นสัญญานี้นะครับ
- ไปโอนที่สำนักงานที่ดิน แนะนำให้ไปแต่เช้าและไม่ใช่ช่วงปลายไตรมาส ผมไปช่วงใกล้ปิดไตรมาสซึ่งพวกคอนโดพยายามปิดยอดกัน เลยมีการโอนเยอะ ผมไปเที่ยง เสร็จเกือบสามทุ่ม ขั้นตอนการโอนที่สำนักงานที่ดินจริงๆ แปปเดียวครับ ไม่เกิน 20 นาที ที่นานคือรอคิว รอจนหลับไปหลายตื่นเลย
- พอได้บ้านมาเป็นชื่อเราแล้ว ก็จัดการย้ายชื่อเราเข้าในทะเบียนบ้าน และไปขอมิเตอร์น้ำไฟใหม่ให้เรียบร้อยครับ ตอนเซ็นจะซื้อจะขายกันสัญญาผมเขียนไว้ว่าผู้ขายมีหน้าที่โอนมิเตอร์น้ำไฟมาให้ผม แต่ปรากฏว่าพอผมไปติดต่อการไฟฟ้ากับการประปาปรากฏว่ามิเตอร์มันถูกตัดไปหมดแล้ว เพราะบ้านไม่มีใครอยู่มาจะ 10 ปีแล้ว ผมก็เลยจัดการติดตั้งใหม่ เสียเงินไปราวๆ หมื่นบาท รวมค่าน้ำไฟค้างชำระ โดยจำนวนเงินนี้ผมเอาไปเบิกกับผู้ขายภายหลัง เค้าก็โอนมาให้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ
คุยกับสถาปนิกและหา ผรม
ผมมีเพื่อนเป็นสถาปนิกก็เลยใช้บริการเพื่อน ก็บอกความต้องการไป ว่าอยากได้สไตล์ไหน เจอรูปไอเดียบ้านสวยๆ ในอินเตอร์เน็ตก็เซฟๆ ไว้ แล้วส่งให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่าง คุยเสร็จเพื่อนสถาปนิกก็เข้ามาวัดบ้านและเขียนแบบครับ โดยเขียนแบบนี่ใช้เวลาประมาณเดือนกว่า ของผมค่าสถาปนิกไม่แพง เพราะเป็นเพื่อนกัน สิ่งที่ได้คือ แบบ sketchup แบบ 3 มิติ แล้วก็แบบ interior ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเพื่อนผมเค้าไปจ้าง interior เขียนอีกที แบบ interior นี่จะมีผังไฟ ผังเฟอร์นิเจอร์ สเปค ค่อนข้างละเอียดเลยครับ
ส่วนเรื่องผู้รับเหมา ผมได้ยินได้อ่านมาเยอะ ว่าหาดีๆ ยาก บางเจ้าถึงขั้นทิ้งงาน เชิดเงินหนีไป อ่านแล้วก็กลัวครับ ผมก็เลยพยายามเอาผู้รับเหมาที่พอจะมี connection กับเพื่อนทีเป็นสถาปนิก โดยเอา ผรม เข้ามาดูและตีราคา 3 เจ้า คิดว่าจะได้เปรียบเทียบกัน 2 เจ้าเป็น ผรม ที่มี connection กับเพื่อนสปานิกผม ส่วนอีกเจ้าผมหามาเองจาก Facebook ผมมีราคาในใจไว้ว่าไม่อยากให้เกิน 1.3 ล้าน แต่ ผรมทั้ง 3 รายตีออกมา 1.6-1.7 ล้านหมดเลย ก็ทำไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมครับ จะทำปริมาณงานขนาดนี้ก็คงต้องยอมเสียแล้วแหละ แล้วในเมื่อตีราคามาเท่าๆ กัน ผมเลยเลือก ผรม ที่เพื่อนรู้จักดี อย่างน้อยๆ ก็น่าจะไม่ทิ้งงานและคุยกันง่าย ตัดสินใจได้แล้วก็ไปเซ็นสัญญารีโนเวทกับ ผรม ครับ หลังจากเซ็นประมาณครึ่งเดือนก็เริ่มงานเลย
เริ่มรีโนเวทบ้าน
ตรงนี้จะขอเล่าไปด้วยภาพละกันนะครับ
อันดับแรกก็เริ่มจากงานรื้อเลยครับผม
มีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน เอาแบคโฮมาจัดการเลยครับ
รื้อไปรื้อมาไปเจอว่าท่อน้ำที่ถ่ายน้ำเสียออกนอกบ้านแตก ทุกวันนี้น้ำไหลลงใต้บ้านตลอด เลยจำใจต้องวางท่อใหม่ด้วย
ขั้นตอนการรื้อไม่นานครับ 4-5 วันก็เสร็จ หลังจากรื้อแล้วถ้าจำไม่ผิดก็จะเป็นการทำงานโครงสร้างหลักๆ บ้านผมไม่ได้เปลี่ยน layout อะไรมาก เนื่องด้วยงบประมาณที่จำกัด จะมีหลักๆ ก็คือการต่อห้องครัวขนาด 4*3 เมตรออกไปตรงหลังบ้าน และต่อห้องนอนชั้น 3 ออกไปตรงระเบียง เพราะพื้นที่ห้องนอนชั้น 3 เล็กมาก วางเตียง 6 ฟุตแทบจะไม่ได้
เริ่มด้วยครัวเลย
ลงเสา 6 เหลี่ยม ยาว 6 เมตร จำไม่ได้แล้วว่ากี่ต้น เท่าที่อ่านมาถ้าลงเป็นไมโครไพล์ 15-21 นิ้ว ให้ถึงชั้นดินแข็งเลยจะดีกว่า เสา 6 เมตรยังอยู่ในชั้นดินอ่อนอยู่ ในอนาคตมีโอกาสทรุด
หลังจากลงเสาแล้วก็ก่อโครงเหล้ก หลังคาจะเป็นเมทัลชีทครับ
เริ่มมีโครงละๆ ก่อครัวใช้อิฐบวลเบาหมดครับ เพราะเสาไม่ได้ลงลึก ไม่อยากให้หนักมาก เด๋วระยะยาวจะทรุดเยอะ
ห้องนอนชั้น 3 ที่ต่อออกไป
หลังจากนั้นก็เริ่มเดินไฟ แล้วก็ใส่ฝ้า จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบฝ้าสักเท่าไร่ เพราะมันลงมาถึงระดับคานเลย วัดจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.5 เมตร ผมรู้สึกมันอึดอัดไป อาจะเพราะผมเป็นคนตัวสูงด้วย สูง 186 ซม. แต่ถ้าไม่ทำฝ้าลงมาถึงระดับคานสถาปนิกบอกว่ามันจะไม่ค่อยสวย ต้องทำใจครับ 2.5 เมตรก็ไม่แย่มาก คอนโดก็ประมาณนี้
พื้นผมเลือกเป็นกระเบื้องยางลายไม้ เพราะจากที่อ่านมาเบื้องต้นน่าจะดูแลรักษาง่ายกว่าลามิเนต และมีโอกาสบวมต่ำกว่า ก่อนจะปูกระเบื้องยางก็ทำการปรับพื้นผิวให้เรียบครับ
มาถึงขั้นตอนท้ายๆ แล้ว คือการใส่วงกบหน้าต่าง แล้วก็ทาสี
บันไดเอาลูกตั้งมาปิดครับ ถ้าโล่งๆ แล้วดูแปลกๆ สงสัยผมฝังใจกับหนังผีตอนเด็กๆ มากไป ที่เดินขึ้นบันไดแล้วมีผียื่นมือมาจับขา 555+ พท ใต้บันใดปิดทึบและทำเป็นที่เก็บของ ตรงผนังที่เก็บของทำเป็นที่แขวนทีวี
หลังจากทำรวมๆ กันแล้วประมาณ 5-6 เดือนก็เสร็จครับ อาจจะช้าหน่อย เพราะว่าติดช่วงสงกรานต์ที่ช่างกลับบ้านไปครึ่งเดือนเลย เสร็จสักที !!!
โซนนั่งกินข้าว เนื่องจากผมอยู่คนเดียว เลยซื้อโต๊ะกินข้าวตัวเล็กๆ จาก Ikea ไม่อยากให้โต๊ะใหญ่จนกิน พท บ้านมากครับ เพราะตัวบ้านก็ไม่ได้ใหญ่อะไรอยุ่แล้ว แต่โต๊ะตัวนี้ถ้าเพื่อนหรือครอบครัวมา ก็ขยายออกได้ครับ
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำไม่ค่อยสวยเท่าไร่ เพราะหลังๆ งบเริ่มหมด
โถงทางเดินชั้น 2
ห้องนอนชั้น 2 ห้องนี้ผมค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เพราะแสงเข้าดีมาก และเวลาเปิดหน้าต่างนี่เย็นสบายจนแทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย สำหรับแขกมานอนครับ หรือเผื่อมีลูก เอาไว้ให้ลูกนอน
ห้องนอนใหญ่ชั้น 3
ห้องทำงานชั้น 2 ยังไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์อะไรมาก ยังคิดไม่ออกจะเอาไรมาใส่ครับ กำลังคิดๆ ว่าจะเอาชั้นวางหนังสือหรือตู้โชว์มาใส่
พ่อแม่มาเยี่ยมหา ถ่ายรูปกันไว้หน่อย happy family
จบละครับสำหรับการแชร์ประสบการณ์การซื้อทาวเฮ้าส์มือสองมารีโนเวท อาจจะยังดูไม่ค่อยสมบูรณ์บ้าง เพราะพึ่งเข้าอยู่ได้ไม่นาน ยังไม่ได้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ข้าเต็มที่ บวกกับงบประมาณตอนหลังที่เริ่มจะจำกัดด้วย หวังว่ากระทุ้ผมจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะรีโนเวทบ้านบ้างครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ