เรื่องสั้น "คลั่ง"

เรื่อง           คลั่ง
เรื่องโดย     นัฐพันธ์
 
           เสียงเอะอะโวยวาย ดังขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งในชุมชนแออัด ไฟบนบ้านไม้เก่าที่หลังคามุงสังกะสีเปิดสว่าง บ้านๆข้างๆต้องลุกมาชะโงกหน้ามองดูเพราะเสียงดังจนนอนไม่ไหว

ร่างของต๋อง ชายไม่สมประกอบที่เมาสุราเดินตัวเอนไปมา กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว เขาเห็นร่างของสายใจเท้าสะเอวยืนจ้อง พร้อมกับเสียงตะเบ็งด่าออกมาจนขนลุกไปทั้งกาย  มันก็เป็นเช่นนี้อยู่ทุกครา เมื่อเขากลับมาไม่ตรงเวลา และเมากลับมาบ้าน สายใจเป็นพี่สาวของเขา อายุห่างกับเขาราวกับแม่ลูก ต๋องน่ะ ใครๆก็บอกว่าไม่เต็มเต็งตั้งแต่เด็ก เพราะเคยได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองเมื่อตอนอายุสิบขวบนับแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็นคนสติสตังไม่สมปฤดีเท่าใด

เพื่อนบ้านถ้าทางจะคุ้นชินกับเสียงด่าของบ้านหลังนี้ แม้จะมีคนเคยตักเตือนบ้างว่า อย่าส่งเสียงดังในเวลากลางค่ำกลางคืน เพราะเขาหลับเขานอนกันอยู่
 
“สมองก็ไม่เต็ม ยังริอาจไปแด...เหล้าอีกนะมึ..  เมื่อไหร่กูจะหมดเวรหมดกรรมไปซะที ที่ทนนะเพราะพ่อแม่สั่งไว้ก่อนตาย ไม่งั้นรึ เผ่นไปที่อื่นแล้ว ไม่มาอยู่เช็ดขี้เยี่ยวหรอกโว้ย”  

สายใจตะคอกใส่ด้วยความไม่พอใจ ต๋อง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกของสายใจ ห่างกันอยู่สีห้าปีเห็นจะได้ สายใจมีสามีแต่ก็ไม่เอาไหนอีกนั้นแหละ มีลูกสองคน คนโตอายุยี้สิบสอง คนเล็กสิบแปด ทั้งสองไปทำงานที่ต่างอำเภอ  ส่วนต๋องอายุยี่สิบหก การศึกษาก็ไม่มีเพราะสติสตังไม่สมประกอบตังแต

“ผมขอโทษ” เวลาที่ต๋องทำผิด เขาก็มักจะพูดขอโทษด้วยด้วยการไหว้ปลกๆ

“เป็นไงล่ะ แด..มันเข้าไปเหล้านะ จะยิ้มกันทั้งบ้าน มีเงินนะลงขวดลงขวด ไอ้ที่จะเอามาเข้าบ้านนะไม่มี ใครละที่เช็ดขี้เยี่ยว จะตายโหงตายห่าก็กู คนเดียวที่ต้องทำ”

ร่างของโชค เดินโซซัดโซเซอย่างคนเมาก้าวขึ้นมาบนบ้าน สายใจปลายตาไปมอง โชคทำหูทวนลมเดินเข้าไป ทำเป็นไม่สนใจคำบ่นด่าของภรรยาที่ด่าไล่หลัง 

“ มีผัวก็อีกคน ผัวก็แสนจะขี้เกียจ เอาแต่อยู่วงเหล้าไม่ทำมาหาแด...หรอก กูนี่แหละต้องหาเลี้ยง ง่อย-ันทั้งบ้าน”  ทำให้สายใจหันมาเล่นงานน้องชายต่อ

“มีน้องก็โง่เหมือนควายแถมปัญญาอ่อน ชีวิตอีสายใจนี้มันมีบาปเวรอะไรนักหนา ถึงต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้” สายใจนะด่ากราดไม่ยั้ง ก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้ต๋องมองด้วยแววตาที่แปลกไป 
                 

ตั้งแต่เด็กเขาถูกพี่สาว ที่ซึ่งเสมือนแม่อีกคน กระทำ อย่างกับเขาไม่ใช่คน เขาเคยโดยไม้พายฟาดจนสลบไปสามวัน เคยโดนจับล่ามโซ่จับขังเอาไว้ใต้ถุนบ้าน แถมบ้างครั้งก็เอาข้าวเทราดที่ถาด ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เป็นเหมือนหมูเหมือนหมา ความนึกคิดของคนนะมันมีด้วยกันทั้งนั้น แม้จะสติไม่ดี แต่ไม่ได้ปัญญาอ่อนอย่างที่โดนด่า ความเจ็บช้ำน้ำใจมันมีด้วยกันทั้งทุกคน มันสะสม สะสม และบางทีหากมันถึงจุดหนึ่งแล้วมันก็อาจจะปะทุ หรือบางทีอาจจะระเบิดออกมาก็เป็นได้

ได้ยินเสียง สายใจแวดๆอยู่ในห้องนอน สามีที่นอนหลับทำทีไม่สนใจ ก่อนที่ไฟในบ้านจะถูกปิดลงไปพร้อมๆกับ............

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงตะโกนก้องดังลั่นไปทั่วบริเวณ  แสงเพลิงลุกเผาพลาญ มันโชติช่วงจนสว่างจ้า ใครหลายคนเปิดหน้าต่าง ประตูออกมา ต่างกรีดเสียงร้องด้วยความตกใจกับเพลิงที่เผาวอดวายอยู่เบื้องหน้า มันลามไปทั่วจากบ้านหลังที่หนึ่ง สอง และสามสี่ห้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลากสายยางเข้ามาช่วยเหลือ ก็กินเวลาไปนานร่วมครึ่งชั่วโมง

ศพที่นอนอยู่ดำเป็นตอตะโก ร่างของสายใจนอนแน่นิ่งอยู่เพียงลำพัง ตำรวจและเจ้าหน้าที่ต่างเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต และศพที่เหลือ เสียงชาวบ้านหลายต่างมามุงดูวิพากวิจารณ์กันหนาหู ส่วนมาก ติติงไปในทางไม่สู้ดีนัก

“ไอ้ต๋องแน่ๆ ไอ้ต๋องแน่ๆ เมื่อคืนเห็นมันทะเลาะกันอยู่ ไอ้บ้านนี้นะ วันไหนมันไม่ทะเลาะกันลั่นบ้าน ไม่ใช่บ้านมัน เสียงนี้ดังลั่นไปทั่ว ลองถามบ้านข้างๆมันสิ ได้ยินมั้ย”  คนพูดพยักหน้าไปเพื่อนบ้านที่ตาแดงเพราะบ้านถูกไฟไหม้ เธอเล่าด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น     
     
“จะมีใครทำ หากไม่ใช่ไอ้ปัญญาอ่อนนั่น นังสายใจนะมันด่าทุกวันเรื่องกินเหล้า พอกลับมาก็เป็นภาระนังสายใจมัน  เมื่อวาน ฉันโผล่หน้าออกมาดู เห็นมันทะเลาะกับพี่สาว เสียงเอะอะมะเทิ่ง ฉันไม่คิดว่ามันจะโกรธจนเผาบ้าน โถ่ แล้วฉันจะไปอาศัยที่ไหน ลำพังหาเช้ากินค่ำก็แทบไม่ไหว บ้านช่องห้องหับก็มามีอันไฟไหม้  เพราะมันแท้ๆไอ้บ้า ไอปัญญาอ่อน”

นายตำรวจจดถ่อยคำของผู้เห็นเหตุการณ์เอาไว้ทุกอย่าง 

“แล้วใครเห็นนายต๋อง ผู้ต้องสงสัยหรือเปล่า”

“มันคงหนีไปแล้ว”

“ให้มันตายๆไปเถอะค่ะคุณตำรวจ พี่สาวมันตายแล้ว ใครจะอยู่ดูมัน ไอ้ฆาตกร” 
นายตำรวจสีหน้าครุ่นคิด

“จ่าๆเดี๋ยวช่วยกันค้นหานายต๋องอีกหน ถ้าไม่เจอศพ แสดงว่าหนีไปแล้ว”
และนายตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ก็ช่วยกันตามหา
“สายใจ นังสายใจ โถ ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย” เสียงโชคดังขึ้น เขาส่างเมาแต่ยังเดินโซเซร้องไห้ออกมา หลายคนนะเห็นใจเขา ที่เมียตายในกองเพลิง โชคเป็นไอ้ขี้เมา แต่เขาก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน อยู่กินกับสายใจมาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ทะเลาะกันบ้างตามประสาผัวเมีย

“ผมผัวนังสายใจเองครับคุณตำรวจ”“เสียใจด้วยนะคุณ ว่าแต่คุณไปอยู่ไหนมา ทำไมปล่อยให้....” นายตำรวจมองหน้า
โชคหลบตา เขาปาดน้ำตา พร้อมกับสะอื้นป่านจจะขาดใจ

“ผมเมากับมา ได้ยินเสียงสายใจมันด่าน้องมันเรื่องไปเมามาขี้เยี่ยวเต็มบ้าน ผมไม่ได้สนใจเลยเข้าไปนอน พอซักพักไม่นาน ได้ยินเสียงสายใจมันร้องเสียงดัง ผมก็คิดว่าไม่มีอะไร พอซักพัก บ้านก็ไฟไหม้ ผมนะรีบปีนหน้าต่างหนีออกมา”

“แล้วทำไมคุณสายใจถึงไม่หนีออกมา”  ตำรวจหนุ่มตั้งข้อสงสัย

“โถ่คุณตำรวจ แค่ลำพังเอาตัวรอดยังยา“แล้วนายต๋องหายไปไหนหลังจากนั้น”


โชคยังคงร้องไห้ ปาดน้ำตา ใครหลายคนคงเวทนาเขาเป็นอย่างยิ่ง ตำรวจและเจ้าหน้าที่ต่างก็ทำงานของตนเองต่อไป แม้ไฟที่ลุกโชคช่วงจะดับวูบลงไปแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังอยากเรียกร้องอะไรบางอย่าง

ลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาจนเย็นยะเยือก หน่วยกู้ภัย ค้นร่างพบต๋องนอนตายใต้ซากปรักหักพัง ดำเป็นตอตะโก มือหงิกงอ มือป้ายปาดเหมือนจะทุรนทุรายพยายามหาทางรอด  ใครหลายคนเห็นก็เวทนา แต่ก็มีอีกหลายคนที่ก่นด่าสาดเสียเทเสีย   ที่ต๋องเป็นคนฆ่าพี่สาวและเผาบ้านทิ้ง เพียงเพราะเขาโกรธแค้นที่พี่สาวดุด่า จึงบันดาลโทสะฆ่าพี่สาวและอำพรางศพ  แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่า ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของโชค มันแฝงอะไรบางอย่างที่หลายคนไม่รู้  เสียงพึมพำในใจของเขาดังขึ้น

“ขอบใจนะไอ้ต๋อง ที่เอ็งเป็นแพะแทนข้า”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่