【Manga Adaptation: ตอนที่ 129-131 ^{*มีบางฉากในตอนที่ 131 ยังไม่ได้ใส่ไว้ในอนิเมะตอนนี้}】
 
กลับมาอีกครั้งกับอนิเมะมายฮีโร่หลังจากที่สัปดาห์ก่อนได้งดฉายไป ตอนนี้เป็นตอนที่ให้ความรู้สึกกดดัน แต่ก็เหมือนจะมีแสงแห่งความหวังเล็กน้อยในช่วงท้ายตอนอยู่เหมือนกัน
 
ความเดิม : เดกุและมิลิโอะได้ออกมาทำภารกิจเดินตรวจตราผู้คนในเมือง แต่บังเอิญมีสาวน้อยปริศนาชื่อว่าเอริวิ่งเข้าชนเดกุ และ คนที่ตามล่าเธอนั้นก็ดันไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชิซากิคนที่สำนักไนท์อายได้ทำการเฝ้าระวังอยู่ ณ เวลานั้น

---

ธีมหลักของตอนนี้ก็คือ : ชะตากรรม
ตามชื่อของกระทู้นี้เลยครับ หัวข้อหลักๆที่ผมจะมาวิเคราะห์ก็คือชะตากรรมของเอริและออลไมท์นั้นเอง
 
มาเริ่มกันที่พลอตของน้องเอริ(ช่วงครึ่งแรก)กันก่อน 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มตอนมาที่เหตุการณ์ก่อนที่เดกุและมิลิโอะจะเผชิญหน้ากับชิซากิ

 
ระหว่างที่เดกุและมิลิโอะเดินตรวจตรา ได้มีพลเมืองคุ้นๆหน้าเดกุเพราะเคยดูถ่ายทอดสดงานกีฬายูเอ (ฉากพูดพลเมืองนี้ไม่มีในมังงะนะครับ แต่ใจความสำคัญจริงๆคืออยากจะบอกว่าคาแรคเตอร์ดีไซน์ในมังงะของสองสาวดูไม่เหมือนอ.โฮริโคชิวาดเท่าไร ใครมีเล่ม 15 ไปลองเปิดดูกันได้ คาดว่าคุณผู้ช่วยน่าจะวาดให้ในส่วนนี้)


แต่ก็นะ.. เดกุมันโคตรจะ Mad Man(ฉายาตัวละครที่ยอมเจ็บตัวหนักๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ) เล่นโชว์เลือดโชกต่อหน้าคนดูจำนวนมากใน match โทโดโรกิ ผมเลยไม่แปลกใจเท่าไรที่สาวๆจะเดินผ่านเดกุไปแบบไม่ขออะไรเพิ่ม หรือไม่ก็คงไม่อยากรบกวนตอนทำงานเฉยๆ
.
แน่นอนว่าการจะทำงานอินเทิร์นจำเป็นจะต้องรู้จักฮีโร่เนมของคนที่ทำงานร่วมกันด้วย เดกุและมิลิโอะจึงแลกเปลี่ยนฮีโร่เนม...
 


มิโดริยะ อิซูคุ [ฮีโร่เนม : เดกุ] ชื่อเรียบง่าย ซึ่งความหมายที่เจ้าตัวต้องการจะสื่อคือความเพียรพยายาม แต่มันก็ยังตีความได้เป็นความไม่เอาไหน มิลิโอะที่ได้ยินไปยังแซวเลยว่า “เป็นตอไม้รึไง”
 
ถ้าถามผม ชื่อเดกุฟังดูไม่สมกับเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพเหมือนชื่อออลไมท์เลยครับ ไม่สิ...มันไม่เหมาะกับการจะเป็นชื่อฮีโร่ด้วยซ้ำ  จริงอยู่ที่ว่ามันสามารถสื่อความหมายในทางบวกได้ แต่ทางที่ดีผมว่าเดกุควรจะเลือกชื่ออื่นที่มีความหมายตายตัวไปในทางดีน่าจะดีกว่า  
 
อย่าลืมนะครับว่าพวกสื่อmediaในมายฮีโร่ ไม่ได้สนับสนุนฝั่งฮีโร่เสมอไป เดกุจะต้องถูกตั้งคำถามและถูกนำไปเปรียบเทียบอย่างหนักอย่างแน่นอน ฮีโร่เนมก็เปรียบเสมือนอิมเมจเปลือกนอกของคนๆนั้นได้เหมือนกัน หากเดกุยังคิดจะใช้ชื่อนี้ต่อไป เขาจะต้องแสดงให้เห็นด้วยการกระทำอย่างชัดเจน เพียงพอที่จะทำให้คนมองชื่อนั้นไปในทางที่ดีได้

แต่หากเดกุเป็นสุดยอดฮีโร่ได้สำเร็จ(ซึ่งเดกุในอนาคตได้มาคอนเฟริมเสียเอง) ชื่อเดกุอาจจะสร้างความหวังให้กับกลุ่มคนที่หมดไฟหรือคิดว่าตัวเองไม่เอาไหนลูกขึ้นสู้ ก็ในเมื่อคนที่มีชื่อไม่เอาไหนอย่างเดกุได้เป็นสุดยอดฮีโร่ได้ คนประเภทเดียวกันก็อาจจะทำอะไรซักอย่างได้เหมือนกัน 
 
 
โทคาตะ มิลิโอะ [ฮีโร่เนม : เลอมิเลียน] ชื่อนี้มิลิโอะตั้งไว้เพื่อที่จะสื่อว่า แม้ตัวเขาจะไม่สามารถช่วยเหลือได้ครบทุกคน แต่อย่างน้อยเขาก็จะช่วยให้ได้ซักล้านคน (มิลเลียน) และนำไปดัดแปลงให้เท่คล้ายชื่อวงร็อคญี่ปุ่นวงร็อคญี่ปุ่น “Remioromen”
 
แม้จะเป็นชื่อที่ดูตั้งเป้าสูงไป แต่ชื่อนี้เป็นชื่อที่ดูเรียลตรงที่มิลิโอะยังเข้าใจว่าเขานั้นไม่สามารถช่วยทุกๆคนได้ แต่จะช่วยให้ได้มากถึงล้านคน
 
จบฉากย้อนเพียงเท่านี้

---

 
ชิซากิแก้ตัวเดกุไปว่าเอริคือลูกสาวของเขา และ ผ้าพันแผลรอบตัวของเธอได้มาจากการที่เธอมักจะเล่นซนอยู่บ่อยๆ

เดกุเผลอชักสีหน้าตกใจเพราะไม่คิดว่าตัวเขาจะต้องมาเจอกับชิซากิได้ไวขนาดนี้

แต่มิลิโอะรีบควบคุมสถานการณ์อย่างใจเย็น สวมฮู้ดหูกระต่ายปิดบังใบหน้าให้เดกุ เพื่อปกปิดการชักสีหน้ากังวล และ ยังช่วยไม่ให้ชิซากิจดจำใบหน้าของเดกุได้ชัดเจน นอกจากนี้แล้วมิลิโอะยังสนทนาแบบชิลๆกับชิซากิ คุยเรื่องหน้ากากที่ชิซากิสวมใส่ เพื่อลดบรรยากาศที่อาจจะตึงเครียดขึ้นได้

ชิซากิได้บอกมิลิโอะไปว่าเขานั้นสวมหน้ากากไปเพราะอ่อนไหวต่อสิ่งสกปรก (ดูจากที่เฮียแกผื่นขึ้นตอนที่สัมผัสกับเลือดแม็กเนเป็นตัวอย่าง) จากนั้นชิซากิได้ถามทั้งคู่ไปว่าเป็นเด็กใหม่หรือ? ฝึกอยู่ในสำนักงานไหนล่ะ? 

มิลิโอะควบคุมสถานการณ์ไว้อีกครั้ง ด้วยการบอกไปว่าเขาทั้ง 2 คนยังเป็นเด็กใหม่อยู่เลยกำลังเดินลาดตระเวนขอเข้าสำนักงานที่ต่างๆอยู่ และ ได้บอกให้เดกุลุยลาดตระเวนต่อได้แล้ว

แต่เอริไม่อยากให้เดกุไปไหน ทำให้ hero syndrome ของเดกุทำงาน ไม่ยอมปล่อยเอริคืนไปได้ง่ายๆ


ลูกสาวคุณกำลังกลัวน่าดูเลยน่ะครับ

ชิซากิแก้ตัวไปว่าเธอพึ่งจะโดนดุไป

เดกุเลิกเล่นละครตบตาเพราะมองว่ามันเลยขั้นที่ชิซากิจะไม่ระแวงไปแล้ว พร้อมบอกชิซากิไปว่าแค่เด็กเล่นซนคงจะไม่ได้แผลถึงขนาดนี้
ฮีโร่จะไม่ปล่อยเด็กที่กำลังกลัวออกไปเด็ดขาด มิลิโอะเองเมื่อเห็นว่ามันแก้ตัวไม้ได้แล้ว เลยพยักหน้าใส่เดกุเป็นสัญญาณว่าเขาจะช่วยรับมือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเอง 

(^เมื่อก่อนผมใช้รูปนี้เวอร์ชั่นมังงะเป็นรูปโปรพันทิปด้วยล่ะ ฮาๆ) ชิซากิจึงบอกไปว่าฮีโร่เนี่ยชอบใส่ใจพวกรายละเอียดปลีกย่อยจังนะ เรื่องมันน่าอาย ถ้าจะให้อธิบายไปคุยกันในตรอกเงียบๆดีกว่า

มิลิโอะและเดกุเดินตามเข้าไป(สำหรับใครที่ดูแล้วหงุดหงิดว่าจะตามเข้าไปทำไมฟระ? คือ..... สู้ในตรอกมันก็ยังดีกว่าที่ๆมีประชาชนเดินผ่านไปผ่านมานั้นแหละครับ ทั้ง 2 คนทำถูกแล้ว) 

ในขณะที่ชิซากิตัดพ้อว่าเลี้ยงลูกนี่มันยากจริงๆ ชิซากิได้เตรียมดึงถุงมือออกและเผยจิตสังหารทำให้เอริเกิดอาการเกรงกลัว

แม้เอริจะกลัวสุดขีด แต่เธอนั้นก็มีความเป็นฮีโร่อยู่ในตัว ไม่อยากให้คนอื่นต้องเจ็บตัวเพราะตัวเอง จึงเสียสละยอมกลับไปหาชิซากิแต่โดยดี
 
แต่ฉากนี้ผมมชอบแบบในมังงะมากกว่านะ

ชิซากิและเอริหายกลับเข้าไปในเงามืด มิลิโอะห้ามไม่ให้เดกุตามตัวไป เพราะเดี๋ยวจะจับหางได้ยาก เอริก็อยู่กับชิซากิแล้วด้วยเดี๋ยวเธอจะบาดเจ็บเอาระหว่างสู้ 

ในขณะเดียวกัน เซอร์ไนท์อายและบับเบิ้ลเกริลได้มาสอดแนมบ้านหลังหนึ่งของยากูซ่าชิเอะฮันไซ ซึ่งบ้านหลังนี้มีความผิดปกติตรงที่ไม่มีคนเข้าออกเลยตั้งแต่สำนักไนท์อายเริ่มเฝ้าระวัง

บับเบิ้ลเกริลได้แจ้งไนท์อายว่าฝั่งมิลิโอะได้เจอกับชิซากิเข้าให้แล้ว 

หลังจากนั้น ทั้ง 2 ฝั่งจึงนัดเจอกัน ไนท์อายขอโทษที่ไม่ได้ใช้อัตลักษณ์เช็คดูเดกุกับมิลิโอะเสียก่อนเพราะไม่คิดว่าอะไรแบบนี้มันจะเกิดขึ้นในช่วงที่เดินลาดตระเวนกลางวันแสกๆ แถมเกิดกับเด็กใหม่อีก (จริงๆในส่วนนี้ไม่ใช่เพราะไนท์อายประมาทนะครับ ให้สังเกตไปก่อนว่าไนท์อายไม่ชอบที่จะใช้อัตลักษณ์เช็คใครเท่าไร) 

ไนท์อายได้เล่าเรื่องกลุ่ม Team Reservoir Dogs (กลุ่มที่ปล้นตู้ ATM และโดนกลุ่มชิซากิจับผสมกับเศษซากรถไปเมื่อซีซั่นก่อน)
แต่เรื่องเหลือเชื่อเลยก็คือสมาชิก Team Reservoir Dogs กลับรอดชีวิตคืนร่างกับมาสมส่วน ร่างกายสะอาด โรคประจำตัวต่างๆก็หายตามไปด้วย?

เงินที่ Team Reservoir Dogs ปล้นมา บับเบิ้ลเกริลระบุไว้ว่าโดนเพลิงเผาไปหมด (แต่เอาจริงๆผมว่าน่าจะโดนปล้นซ้อนไปมากกว่า เพราะชิซากิบ่นเรื่องขาดเงินอยู่) จึงทำให้ไม่สามารถตั้งข้อหาให้ชิเอะฮัสไซ ณ ตอนนั้นได้ แต่ทางสำนักไนท์อายไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงเริ่มจับตาดูความเคลื่อนไหวตั้งแต่นั้นมา 

มิลิโอะเล่าเบาะแสเพิ่มเติมว่าชิซากิมีลูกสาวด้วย เดกุจึงเสริมไปด้วยความเจ็บใจว่าถ้าช่วยมาได้ก็คงจะดี

ไนท์อายที่ได้ยินไปจึงสวนกลับเดกุไปว่า สิ่งที่แกทำนั้นมันไม่อวดดีไปหน่อยรึ? 

ไนท์อายได้วิจารณ์การกระทำของเดกุหลักๆไปคือดังนี้

"ไม่มีใครเป็นเหมือนออลไมท์ที่จะสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างทันทีทันใด"  การช่วยเหลือในกรณีนี้นำมาซึ่งความเสี่ยง และ อาจเกิดผลลัพธ์ที่จะทำให้แย่กว่าเดิมก็ได้

สมมุตินะครับ เดกุเข้าโหมด full cowl รีบพาเอริหนีไปตอนนี้เลยจะเกิดความเสี่ยงอะไรขึ้นบ้าง?

1.ประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมาตายเพราะชิซากิไล่ล่าเดกุ เพราะไม่ได้ทำการอพยพผู้คนไปก่อน
2.บ้านเมืองเสียหายอย่างหนัก 
3. ชิเอะฮัสไซไม่ได้มีแค่ชิซากิคนเดียว แบบกรณีของสมาพันธ์วิลเลินมีความเสี่ยงที่มิลิโอะและเดกุจะโดนรุมแน่ๆ
4.หากชิซากิได้ตัวเอริไป คราวนี้จะต้องยิ่งงมหาตัวยากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะจะต้องมีการเผ่นย้ายถิ่นฐานไปอย่างไวหลังจากนี้แน่ๆ

โดยเฉพาะคนที่อ่านมังงะตอนหน้าๆมาจะยิ่งเข้าใจไปอีกว่า สิ่งที่เดกุคิดจะทำเนี่ยมันเป็นความผิดพลาดจริงๆ 

นอกจากเดกุจะพลาดอย่างหนักแล้ว ผมว่ามิลิโอะก็พลาดเช่นกันที่เขาหยิบประเด็นหน้ากากยากูซ่ามาพูดจนทำให้ชิซากิต้องจับจุดได้ว่า เด็กพวกนี้ต้องมีฐานข้อมูลพวกตรูมาก่อนแน่ๆ ทำให้เกิดความระแวง แถมช่วงท้ายมิลิโอะเองก็ยอมสนับสนุนสิ่งที่เดกุคิดจะทำด้วย

เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญของเดกุและมิลิโอะ เป็นฮีโร่จะมีความตั้งใจอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องใช้เวลา วิเคราะห์วางแผนให้รอบคอบยิ่งกว่านี้

เหมือนกับเวลามีคนโดนจับเป็นตัวประกันน่ะครับ คุณจะเข้าไปช่วยส่งเดชไม่ได้ ต้องควบคุมสถานการณ์ วางแผนดีๆก่อนเช่นจ้างให้สไนเปอร์มายิงผู้ร้ายทีหลังอะไรเงี่ย รู้ว่าเหยื่อกลัวก็จริง แต่การกระทำแบบฮีโร่ส่งเดชอาจทำให้เรื่องมันเลวร้ายกว่าเดิมได้
.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้เดกุจะโดนวิจารณ์ไปเยอะ ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เขาได้ช่วยเอริไป (ใบ้ไว้ก่อน เฉลยในตอนหน้าๆ)

ครึ่งแรกยังไม่จบ ข้อความตัวอักษรเกิน lol
ต่อความเห็น 1