ผมมานั่งดูคลิป เวียดนาม เยาวชน เจอ ญี่ปุ่น การเล่นเขายกระดับไปอีกขั้นแล้วจริง(หากเทียบกับเยาวชนไทยปัจจุบัน)
ผมมานั่งฟังรายการฟุตบอลวาไรตี้ มีจุดหนึ่งที่พูดถึงการทำลีค เยาวชนขึ้นมา ไม่ใช่แค่ บอล 7สี มณีเจ็ดแสง หรือ โค้กคัพ ทัวร์นาเม้นท์สั้น ที่ไม่ต่อเนื่อง และ ผมก็เห็นด้วยในแระเด็นที่ว่า วันหนึ่งที่ พวกทีทชุดใหญ่โรยรา U-19,U-23 ชุดที่เราเห็นๆกันเนี่ยละ จะต้องไปทดแทน คำถาม คือ ณ ตอนนี้ ยังไม่มีใครใกล้เคียงรุ่น เจ ชนาธิป หรือ แค่ใกล้แต่ก็ยังอีกไกล ที่จะสร้างความแตกต่าง
ผมมานั่งดูจริงๆจังๆ ถึงเรื่อง ลีค จะสร้างคน ซึ่งมันก็จริง เราต้องยอมรับว่า เพราะ เอกนิษฏ์ ไต่ขึ้นมาด้วยการมีแมตช์ ลงเล่น,สุภโชค,พิธิวัช หรือ ใครต่อใครอีกหลายคนที่แจ้งเกิดในระบบ นิชิโนะ เหตุเพราะ มีไทยลีค ที่อย่างน้อย มีการแข่งขัน และ การซ้อมที่เป็นอาชีพ รอบต่อที่มาจาก U-19,U-23 ที่บางคนสอบตก พอไม่ได้มีแมตช์พอสูจน์ตัวเอง โอกาสจึงหายไป
(จักกฤษณ์ เวชภิรมย์ ที่ยาดเจ็บอยู่ตอนนี้ คือ ตัวอย่างหนึ่งของเพชรที่น่าจะเกิด แต่ โชคร้าย)
คำถามต่อไป คือ แล้ว เยาวชนที่เหลือละ? ครับ ก็อย่างที่เห็น ฟอร์ม U-23 ที่เจอจีน เราอาจจะไม่มีทรงมาก แต่มันก็ถูก ค้ำช่วย ด้วยตัวผู้เล่น ที่มีสโมสรอยู่ และ มีแมตช์ลงเล่นในสโมสร ในไทยลีค ซึ่งมันก็ยังช่วยได้มาก
แต่พอกล่าวลงไปถึงU-19,U-16 ณ ตอนนี้ มันเริ่มเห็นรอยต่อที่ ไม่มีรอยเชื่อม ไม่มีสะพาน ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หมดจากยุคดรีมทีม เข้าสู่อาชีพ แต่ เราระบบพัฒนาแค่ชุดใหญ่ และ ที่สำคัญ ลีคไทย ช่วยยกมาตรฐานนักเตะ
แต่เยาวชน ถ้าไม่ได้แจ้งเกิด หรือ มีคนไปคว้ามาเข้าสโมสร จริงจัง
โอกาสแทบจะหมดไปในทันที ต้องบอกว่า จริงๆเราพัฒนาครับ แต่เราก็พัฒนาในลักษณะ กรุงเทพมหานคร เมืองโตเดี่ยว(Metropolitant) คือ
กระจุกอยู่ในกลุ่มหนึ่ง ณ ตอนนี้รัศมีมันเริ่มพัฒนาก้าวไกลมากขึ้นก็จริง แต่ การแข่งขันเดิมพันมันสูงลิบ ลีคมาเลเซียมีเงิน และ คนดูซัพพอร์ท ล้นหลาม เวียดนาม เอาความเจ็บปวดทนที่จะวางรากฐานให้ยาวโดยแลกกับความผิดหวังที่เกือบจะสิบยี่สิบปี
ผมเชื่อว่า เขาจะทำแบบนี้ได้แปลว่า มันต้องมีบางอย่างที่เราไม่รู้หมด การพัฒนาแบบเป็นโครงสร้างเงียบๆ เชื่อมโยงผลผลิตจากโรงงานนักเตะเยาวชน ขนส่งสู่ชุดใหญ่ โดย มีรูปแบบที่แกมบังคับ มันก็คล้ายๆวิถี เกาหลี ญี่ปุ่น
ไทยแลนด์เวย์มันไม่ผิด และ มันดี หากแต่มันอาจจะต้องชัดเจนไม่ใช่ในแง่ของกระดาษหรือเปล่า จำได้ไม่ผิดว่า ในหนึ่งข้อกำหนด บอกว่า นักเตะที่จะคัดเข้ามา ต้องมีทักษะที่ดี ณ วันนี้เราทุกคนได้เห็นแล้วว่า ข้อกำหนดบางอย่าง มันไม่ตรงเสป็คในโลกจริง
ดังนั้น ผมมองว่า อาจถึงเวลาที่ สมาคมต้องขยับ และ อาจต้องยอมเจ็บลงทุนอีกครั้ง เพราะ การนำหัวแบบ นิชิโนะ มาถือว่าสุดยอด แต่ ในแง่หนึ่งมันเหมือน บังคับตัวเองให้ทำอะไรตาม หัวโขนที่จ้างมา หมายความว่า
เอาคนคุณภาพและค่อนข้างไร้ที่ติมาแล้ว ทีนี้มันก็จะบังคับคุณ ให้ทำงานแบบเป็นภาพรวมไปในตัว
เพราะอะไรที่ยังย้อนแย้ง มันก็จะไปขัดกับหัวโขนที่คุณสร้างไว้เอง แต่มันก็ดี เพราะมันมีแต่การบังคับให้ทำอะไรไปข้างหน้า คล้ายกับที่เอา ศุภณัฐ เหมือนตา มาฆ่าใน U-19 เมื่อเอาคนคุณภาพที่รับการพิสูจน์ในสังคมแล้วมาใส่ในระบบ ข้ออ้างของคนทำทีมก็จะน้อยลง สุดท้ายมันก็สะท้อน แล้ว บีบให้คุณทำงานอย่างที่ควรทำ การคัดคนโดยไม่ใช่การยัดรายชื่อ ขายฝัน
แต่ถ้าคุณยังอยากไปทางนั้น หัวโขนคุณก็จะขาดออกไปเอง ซึ่งจะทางไหนผมว่ามันก็ดี และ จะพิสูจน์ว่า สมาคมจริงๆ กำลังทำอะไร เพื่อใคร
ถ้าคิดจะทำเพื่อสร้าง บอลลีคเยาวชน คือ ก้าวต่อไป ที่หลีกหนีไม่พ้นจริงๆครับ ขอบคุณ นิชิโนะ ที่มานะ
ตาสว่างกันทั้งประเทศเลยทีนี้
คงถึงเวลาจริงๆแล้ว ที่เราต้องมีลีคเยาวชน
ผมมานั่งฟังรายการฟุตบอลวาไรตี้ มีจุดหนึ่งที่พูดถึงการทำลีค เยาวชนขึ้นมา ไม่ใช่แค่ บอล 7สี มณีเจ็ดแสง หรือ โค้กคัพ ทัวร์นาเม้นท์สั้น ที่ไม่ต่อเนื่อง และ ผมก็เห็นด้วยในแระเด็นที่ว่า วันหนึ่งที่ พวกทีทชุดใหญ่โรยรา U-19,U-23 ชุดที่เราเห็นๆกันเนี่ยละ จะต้องไปทดแทน คำถาม คือ ณ ตอนนี้ ยังไม่มีใครใกล้เคียงรุ่น เจ ชนาธิป หรือ แค่ใกล้แต่ก็ยังอีกไกล ที่จะสร้างความแตกต่าง
ผมมานั่งดูจริงๆจังๆ ถึงเรื่อง ลีค จะสร้างคน ซึ่งมันก็จริง เราต้องยอมรับว่า เพราะ เอกนิษฏ์ ไต่ขึ้นมาด้วยการมีแมตช์ ลงเล่น,สุภโชค,พิธิวัช หรือ ใครต่อใครอีกหลายคนที่แจ้งเกิดในระบบ นิชิโนะ เหตุเพราะ มีไทยลีค ที่อย่างน้อย มีการแข่งขัน และ การซ้อมที่เป็นอาชีพ รอบต่อที่มาจาก U-19,U-23 ที่บางคนสอบตก พอไม่ได้มีแมตช์พอสูจน์ตัวเอง โอกาสจึงหายไป
(จักกฤษณ์ เวชภิรมย์ ที่ยาดเจ็บอยู่ตอนนี้ คือ ตัวอย่างหนึ่งของเพชรที่น่าจะเกิด แต่ โชคร้าย)
คำถามต่อไป คือ แล้ว เยาวชนที่เหลือละ? ครับ ก็อย่างที่เห็น ฟอร์ม U-23 ที่เจอจีน เราอาจจะไม่มีทรงมาก แต่มันก็ถูก ค้ำช่วย ด้วยตัวผู้เล่น ที่มีสโมสรอยู่ และ มีแมตช์ลงเล่นในสโมสร ในไทยลีค ซึ่งมันก็ยังช่วยได้มาก
แต่พอกล่าวลงไปถึงU-19,U-16 ณ ตอนนี้ มันเริ่มเห็นรอยต่อที่ ไม่มีรอยเชื่อม ไม่มีสะพาน ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หมดจากยุคดรีมทีม เข้าสู่อาชีพ แต่ เราระบบพัฒนาแค่ชุดใหญ่ และ ที่สำคัญ ลีคไทย ช่วยยกมาตรฐานนักเตะ
แต่เยาวชน ถ้าไม่ได้แจ้งเกิด หรือ มีคนไปคว้ามาเข้าสโมสร จริงจัง
โอกาสแทบจะหมดไปในทันที ต้องบอกว่า จริงๆเราพัฒนาครับ แต่เราก็พัฒนาในลักษณะ กรุงเทพมหานคร เมืองโตเดี่ยว(Metropolitant) คือ
กระจุกอยู่ในกลุ่มหนึ่ง ณ ตอนนี้รัศมีมันเริ่มพัฒนาก้าวไกลมากขึ้นก็จริง แต่ การแข่งขันเดิมพันมันสูงลิบ ลีคมาเลเซียมีเงิน และ คนดูซัพพอร์ท ล้นหลาม เวียดนาม เอาความเจ็บปวดทนที่จะวางรากฐานให้ยาวโดยแลกกับความผิดหวังที่เกือบจะสิบยี่สิบปี
ผมเชื่อว่า เขาจะทำแบบนี้ได้แปลว่า มันต้องมีบางอย่างที่เราไม่รู้หมด การพัฒนาแบบเป็นโครงสร้างเงียบๆ เชื่อมโยงผลผลิตจากโรงงานนักเตะเยาวชน ขนส่งสู่ชุดใหญ่ โดย มีรูปแบบที่แกมบังคับ มันก็คล้ายๆวิถี เกาหลี ญี่ปุ่น
ไทยแลนด์เวย์มันไม่ผิด และ มันดี หากแต่มันอาจจะต้องชัดเจนไม่ใช่ในแง่ของกระดาษหรือเปล่า จำได้ไม่ผิดว่า ในหนึ่งข้อกำหนด บอกว่า นักเตะที่จะคัดเข้ามา ต้องมีทักษะที่ดี ณ วันนี้เราทุกคนได้เห็นแล้วว่า ข้อกำหนดบางอย่าง มันไม่ตรงเสป็คในโลกจริง
ดังนั้น ผมมองว่า อาจถึงเวลาที่ สมาคมต้องขยับ และ อาจต้องยอมเจ็บลงทุนอีกครั้ง เพราะ การนำหัวแบบ นิชิโนะ มาถือว่าสุดยอด แต่ ในแง่หนึ่งมันเหมือน บังคับตัวเองให้ทำอะไรตาม หัวโขนที่จ้างมา หมายความว่า
เอาคนคุณภาพและค่อนข้างไร้ที่ติมาแล้ว ทีนี้มันก็จะบังคับคุณ ให้ทำงานแบบเป็นภาพรวมไปในตัว
เพราะอะไรที่ยังย้อนแย้ง มันก็จะไปขัดกับหัวโขนที่คุณสร้างไว้เอง แต่มันก็ดี เพราะมันมีแต่การบังคับให้ทำอะไรไปข้างหน้า คล้ายกับที่เอา ศุภณัฐ เหมือนตา มาฆ่าใน U-19 เมื่อเอาคนคุณภาพที่รับการพิสูจน์ในสังคมแล้วมาใส่ในระบบ ข้ออ้างของคนทำทีมก็จะน้อยลง สุดท้ายมันก็สะท้อน แล้ว บีบให้คุณทำงานอย่างที่ควรทำ การคัดคนโดยไม่ใช่การยัดรายชื่อ ขายฝัน
แต่ถ้าคุณยังอยากไปทางนั้น หัวโขนคุณก็จะขาดออกไปเอง ซึ่งจะทางไหนผมว่ามันก็ดี และ จะพิสูจน์ว่า สมาคมจริงๆ กำลังทำอะไร เพื่อใคร
ถ้าคิดจะทำเพื่อสร้าง บอลลีคเยาวชน คือ ก้าวต่อไป ที่หลีกหนีไม่พ้นจริงๆครับ ขอบคุณ นิชิโนะ ที่มานะ
ตาสว่างกันทั้งประเทศเลยทีนี้