▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวญี่ปุ่น
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์
[CR] เที่ยวเมืองอาริมะออนเซ็น (Arima Onsen) พร้อมแช่ออนเซ็นน้ำแร่สีทองและน้ำแร่สีเงิน
สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน พอดีช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปประชุมที่โอซาก้า ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบายเลยครับ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 18-21 องศาเซลเซียส และกิจกรรมที่เหมาะกับช่วงอากาศเย็นๆแบบนี้ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการได้แช่ออนเซ็นอุ่นๆใช่ไมละครับ ดังนั้นวันนี้ผมจะมาพูดถึงเมืองออนเซ็นระดับตำนานจักรพรรดิของภูมิภาคคันไซ ซึ่งเป็นเมืองออนเซ็นเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับคนชอบการแช่ออนเซ็น หรืออยากจะลองมาแช่ออนเซ็นดูซักครั้ง นั่นก็คือเมืองอาริมะออนเซ็นนั่นเองครับ เมืองอาริมะออนเซ็นมีความเก่าแก่นับ 1000 ปี โดยมีน้ำแร่ออนเซ็นสีทองและสีเงินเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ
การเดินทางมาเมืองอาริมะออนเซ็นนั้นก็ไม่ยากเลย สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถไฟและรถบัส และสามารถออกเดินทางจากเมืองใหญ่ได้หลายเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมืองโอซาก้า เกียวโต โกเบ โดยส่วนตัวผมนั้นพักที่เมืองโอซาก้า จึงเริ่มเดินทางจากสถานีโอซาก้า ด้วยรถบัส hankyu เนื่องจากรถบัสสายนี้วิ่งตรงถึงเมืองอาริมะออนเซ็นเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ (ค่าโดยสาร 1400 เยนต่อเที่ยว) สำหรับคนที่มีเวลาจำกัดอยากมาเที่ยวเมืองอาริมะออนเซ็นแบบเดย์ทริปก็ไม่มีปัญหา หรือใครมีเวลามากหน่อย จะนอนเรียวกังออนเซ็นซักคืน รับรองก็ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ผมออกเดินทางจากโอซาก้าช่วงสายๆ นั่งรถบัส hankyu ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงปากทางเข้าเมืองอาริมะออนเซ็น จุดสังเกตุง่ายๆคือ จะมีคลองน้ำที่มีสะพานแดง (Nene bridge) ทอดผ่าน ส่วนรถบัส hankyu จะจอดที่สถานี hankyu ซึ่งจะเลยสะพานแดงไปหน่อยครับ
ฝั่งตรงข้าวสถานีรถบัส hankyu จะมีร้านขายขนมเซ็มเบ้ชื่อดัง ซึ่งทำขนมเซ็มเบ้กันแบบสดๆจากเตาเลยทีเดียว ใครสนใจก็ไปลองซื้อ หรือลองชิมได้ครับ เคล็ดลับอร่อยของขนมเซ็มเบ้ที่เมืองอาริมะออนเซ็น คือ จะใช้น้ำแร่โซดาเป็นส่วนผสมในการทำขนมด้วย แต่โดยส่วนตัวพอได้ลองชิมขนมเซ็มเบ้แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงกับชอบเป็นพิเศษ ผมว่ารสชาติมันคล้ายๆขนมทองม้วนกรอบบ้านเราเลยครับ
จากนั้นผมเดินขึ้นเนินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอคินโนยุ (Kin No Yu) ซึ่งเป็นสถานที่แช่ออนเซ็นแบบสาธารณะที่ดังมากของเมืองอาริมะออนเซ็น น้ำแร่ออนเซ็นของบ่อนี้จะมีสีน้ำตาลทอง มีส่วนประกอบของธาตุเหล็กและเกลือจำนวนมาก ซึ่งมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ และยังช่วยในการฟื้นฟูผิวพรรณบรรเทาอาการผด ผื่น คันผิวหนังอีกด้วยครับ สำหรับใครจะแช่ออนเซ็นที่นี่ก็สามารถเข้าไปซื้อตั๋วและผ้าเช็ดตัวด้านในได้เลยครับ ส่วนตัวขอสารภาพว่าชอบน้ำแร่สีทองนี้มาก เพราะแช่เสร็จผิวนุ่มขึ้นจนรู้สึกได้จริงๆ และอุณหภูมิน้ำแร่ก็กำลังพอดี ไม่ร้อนจนเกินไป
สำหรับใครที่ไม่สะดวกเข้าไปแช่ออนเซ็นใน bath house บริเวณด้านข้างจะมีบ่อออนเซ็นเล็กๆ สำหรับแช่เท้าไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยครับ ใครสนใจก็ลองแวะได้ แต่บางช่วงคนจะเยอะหน่อย อาจจะต้องนั่งรอคิวครับ
ผมใช้เวลาแช่ออนเซ็นบ่อสีทองประมาณ 30 นาที จากนั้นก็เดินขึ้นเนินต่อไปเรื่อยๆตามถนนยุโมะโตะซากะ ที่ขนาบข้างด้วยบ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งเป็นร้านขายของฝากบ้าง เป็นร้านขายอาหารบ้าง บรรยากาศก็จะอารมณ์ประมาณญี่ปุ่นสมัยโบราณเลยครับ
เดินมาเรื่อยๆก็จะเจอร้านขายเม็นจิคัตสึ (เนื้อบดชุบแป้งทอด) ซึ่งเป็นร้านชื่อดังของเมืองอาริมะออนเซ็น ร้านนี้มีคนต่อคิวซื้อเยอะมากครับ ปกติผมไม่ค่อยทานเนื้อ แต่ก็ลองซื้อมาชิมดู รสชาติก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ไม่คาวมาก ส่วนแป้งด้านนอกก็กรอบดี ถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมน่าลองของที่นี่เลยครับ
ถัดจากร้านขายเม็นจิคัตสึ ก็จะมีร้านขายไอศครีมชาเขียวชื่อดังของเมืองอาริมะออนเซ็นอีกเช่นกัน ร้านนี้มีคนต่อคิวซื้อเยอะมากเหมือนกันครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าไอศครีมชาเขียวที่ไหนก็คงเหมือนกัน แต่บังเอิญฝนดันตกลงมาพอดี ผมวิ่งเข้าไปหลบฝนในร้านไอศครีมนี้ เลยได้ลองสั่งไอศครีมชาเขียวมาชิมดู อยากจะบอกว่ามันสุดมากกก คือมันละมุน มันอร่อย แบบหาที่ไหนไม่ได้แล้ว ถั่วแดงเชื่อมมีรสอมเปรี้ยวนิดๆก็เข้ากันได้ดีมาก แนะนำให้มาลองกันครับ ถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ไม่ควรพลาดครับ
หลังจากเริ่มอยู่ท้องแล้ว จุดหมายต่อไปคือบ่อออนเซ็นจินโนยู (Gin No Yu) หรือบ่อออนเซ็นน้ำแร่สีเงินนั่นเองครับ ผมเดินวนๆตามป้ายลูกศรบอกทาง ผลุบๆโผล่ๆตามตรอกซอกซอย แป๊บเดียวก็มาถึงจินโนยู (Gin No Yu) แล้วครับ ขั้นตอนการซื้อตั๋วแช่ออนเซ็นก็เหมือนกับที่คินโนยู (Kin No Yu) เลย ส่วนน้ำแร่ออนเซ็นสีเงินนี้จะใสไม่มีสี ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ น้ำแร่ที่มีส่วนผสมของกรดคาร์บอนิก หรือที่เรียกกันว่าน้ำแร่โซดา มีสรรพคุณในการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และน้ำแร่อีกประเภทหนึ่ง คือน้ำแร่ที่มีส่วนประกอบของธาตุเรเดียม ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับเซลล์ในร่างกายครับ โดยส่วนตัวคิดว่า คุณภาพของน้ำแร่สีเงินก็ดีไม่แพ้น้ำแร่สีทอง แช่เสร็จนี่คือสบายตัวมากเลยครับ
หลังจากแช่ออนเซ็นสีทองและสีเงินเสร็จเรียบร้อย ก็เกือบบ่าย 3 แล้วครับ ถึงเวลาต้องเข้าเช๊คอินที่โรงแรม ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกพักที่ Arima Onsen Hotel Hanakoyado ราคาห้องพักตีเป็นเงินไทยตกคืนละประมาณ 8500 บาท ราคาดูเหมือนจะแพง แต่ถ้าเทียบกับสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก สปาออนเซ็น อาหารการกินถือว่าคุ้มมากเลยครับ อีกอย่างโรงแรมสวยและบรรยากาศดีมาก ผมพยายามถ่ายรูปโรงแรมมาหลายรูป แต่ก็ถ่ายไม่สวยเหมือนสถานที่จริง เลยขออนุญาตเอารูปภาพจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งสวยเหมือนสถานที่จริง มาประกอบการรีวิวแล้วกันนะครับ
Cr. https://www.orbitz.com
Cr. https://www.hotel.info/en/hotel
Cr. https://sg.hotels.com
ช่วงเย็นเริ่มมีฝนตกปรอยๆ ประกอบกับร่างกายเริ่มล้าจากการเดินมาทั้งวัน ผมเลยไม่ได้ออกไปไหนต่อ อีกอย่างที่โรงแรมก็บรรยากาศดีและสวยมาก ผมเลยใช้เวลาถ่ายรูปและดื่มด่ำกับบรรยายกาศของโรงแรมมากกว่าครับ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ผมก็ลงไปแช่ออนเซ็นที่สปาของโรงแรม อากาศเย็นๆ พอได้แช่น้ำแร่สีทองและสีเงินอุ่นๆ มันรู้สึกผ่อนคลายและสบายเนื้อสบายตัวอย่างบอกไม่ถูกครับ พอกลับจากแช่ออนเซ็น ผมกระโดดขึ้นที่นอนนุ่มๆของโรงแรม ขอบอกว่าที่นอนนอนสบายมาก หลับยาวถึงเช้าเลยครับ พอตื่นเช้ามาผมก็ไปแช่ออนเซ็นที่สปาของโรงแรมต่ออีกรอบ ค่อยไปทานอาหารเช้า แล้วก็ทำการเช๊คเอาท์ ผมถามพนักงานของโรงแรมว่า “มีร้านขายของที่ระลึกแนะนำไม” พนักงานโรงแรมแนะนำร้าน Yoshitakaya ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกเก่าแก่ของเมืองอาริมะออนเซ็น
ร้าน Yoshitakaya จะอยู่ใกล้ๆสะพานตรงทางเข้าเมืองอาริมะออนเซ็น คือต้องเดินย้อนมาจาก Kin No Yu ประมาณ 700 เมตร ร้านจะอยู่ตรงหัวมุมถนนตามวงกลมด้านล่างครับ
ถึงแล้วครับร้านขายของที่ระลึก Yoshitakaya ร้านใหญ่มาก มีของให้เลือกซื้อเยอะแยะเลยครับ แต่ที่ชอบที่สุดคือ ร้านนี้จะขายพวกผงออนเซ็นที่ทำมาจากน้ำแร่สีทองและสีเงินด้วย ซึ่งผมก็ไม่พลาดที่จะจัดมาอย่างละขวด ส่วนราคานั้นก็แพงใช้ได้เลยครับ นอกจากนี้ในร้านยังขายพวกของน่ารักๆอีกมากมาย เช่น กรอบรูป พวงกุญแจ รวมถึงพวกโปสการ์ดสวยๆอีกด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งไอเทมของเมืองอาริมะออนเซ็นที่อยากให้ทุกคนได้ลอง นั่นคือ Arima Cider Teppo Water ซึ่งเป็นเครื่องดื่มผสมคาร์บอเนตออริจินัลของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ รสชาติจะออกหวานๆซ่าๆ ดื่มแล้วสดชื่นดีครับ ผมซื้อกลับไปโอซาก้าด้วย 5 ขวด เพราะน่าจะไม่มีขายทั่วไป ขวดจะเป็นสีฟ้าใส มีสติกเกอร์ภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษแปะอยู่ด้านหน้าตามรูปด้านล่างเลยครับ
หลังจากซื้อของที่ระลึกเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินมาสถานีรถบัส hankyu เพื่อขึ้นรถบัสกลับโอซาก้า โดยเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเหมือนเดิม รถบัสจะจอดแถวสถานีโอซาก้า ใครมีเวลาเหลือก็เดินช๊อบปิ้งแถวนั้นต่อก็ได้ครับ อย่างช่วงที่ผมไปยูนิโคลฝั่งตรงข้ามสถานีรถบัส มีงาน big sale เสื้อผ้าถูกกว่าที่เมืองไทยเยอะมาก ผมได้เสื้อกันหนาวมาเป็น 10 ตัวเลย เพราะราคามันถูกอย่างไม่น่าเชื่อครับ สายช๊อปปิ้งห้ามพลาดเด็ดขาด
Cr. www. hankyubus.co.jp
โดยสรุปแล้ว เมืองอาริมะออนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นเล็กๆที่น่าสนใจของภูมิภาคคันไซ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ที่น้ำแร่สีทองและน้ำแร่สีเงิน ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ส่วนการเดินทางก็ถือว่าสะดวกสะบาย สามารถเดินทางได้จากเมืองใหญ่หลายเมือง ทั้งเกียวโต โกเบ โอซาก้า จะมาเที่ยวแบบวันเดย์ทริปก็ได้ หรือจะค้างซักคืนก็ดีครับ แต่ข้อเสียคือ ที่พักของเมืองอาริมะออนเซ็นจะราคาค่อนข้างสูง แต่โดยส่วนตัวมองว่าคุ้ม เพราะเป็นคนที่ชอบการแช่ออนเซ็นและนอนเรียวกังอยู่แล้ว สำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะมาเที่ยวอาริมะออนเซ็นดีไม ผมแนะนำว่าลองมาเที่ยวดูซักครั้งเพราะที่นี่บรรยากาศดี มีสตอรี่น่าสนใจ รับรองคุณจะหลงรักเมืองอาริมะออนเซ็นแบบผมก็เป็นได้ สำหรับรีวิวเมืองอาริมะออนเซ็นของผมมีเพียงเท่านี้ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้