'นพดล' ชี้ความจริงใจทำกติกาให้เป็นธรรมสำคัญกว่าตัวคนนั่งปธ.กมธ.ศึกษาแก้ รธน.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1747421
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน นาย
นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สะสมประสบการณ์การร่างรัฐธรรมนูญ มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และเรายังไปศึกษารัฐธรรมนูญของหลายๆ ประเทศ และนำแนวคิดของเขามาใช้แบบถูกบ้าง ผิดบ้าง ซึ่งตนเชื่อว่าเราไม่ขาดแคลนองค์ความรู้ในการทำให้กติกาดีขึ้น แต่ที่ยากคือ อาจยังไม่ตระหนักว่า กติกาที่เป็นธรรมจะนำความรุ่งเรืองมาสู่ประเทศไทยได้อย่างไร การแก้ รธน จึงมีความท้าทายอยู่ 3 เรื่อง
1. ทำอย่างไรจะมีการเสียสละความได้เปรียบทางการเมืองของตนเพื่อทำให้ประเทศไทยได้เปรียบและมีกติกาที่เอื้อให้เกิดการเมืองสุจริตและมีประสิทธิภาพ การเลือกตั้งที่เป็นธรรมและมีความหมาย ทำให้การเข้าสู่อำนาจบริหารและนิติบัญญัติยึดโยงกับประชาชน
2. ทำอย่างไรจะมีกระบวนการรับฟังความต้องการของประชาชนว่าต้องการเห็นการแก้ไขในเรื่องใดบ้าง
3. ทำอย่างไรจะไม่กล่าวหาใส่ร้ายกันในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเนื่องจากมนุษย์สามารถใช้เหตุผล และแลกเปลี่ยนความเห็นโดยใช้ ปัญญาและลดการกล่าวหาได้ เพราะท้ายที่สุดการแก้จะสำเร็จหรือไม่ต้องใช้เสียงจากทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ในรัฐสภาอันทรงเกียรติ
“ส่วนตัวเห็นว่าความจริงใจและความพร้อมที่จะร่วมทำกติกาให้เป็นธรรม และบรรลุเป้าประสงค์ข้างต้นสำคัญกว่าตัวผู้จะมานั่งเป็นประธาน กมธ. พี่น้องประชาชนคงจะติดตามท่าทีของแต่ละพรรคการเมืองต่อไปว่า การแก้รัฐธรรมนูญนั้น บรรจุในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเป็น เพียงวาทกรรม หรือเป็นวาระที่จะทำ และจะเปลี่ยนวาระในกระดาษ เป็นวาระแห่งชาติหรือไม่” นาย
นพดล กล่าว
อียูเข้ม "มาตรฐานRSPO" สกัดนำเข้าปาล์มรุกที่ป่า
https://www.prachachat.net/economy/news-389777
“เอกชน” แนะ 4 กระทรวงยกเครื่องปลูกปาล์มยั่งยืนเพื่อส่งออกตามมาตรฐาน “RSPO” อย่าใช้แต่ประกันรายได้ หวังผลระยะสั้น
นาย
ธิตินัย พงศ์พิริยะกิจ หัวหน้าทีมที่ปรึกษาการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (GIZ) กล่าวว่า หลังจากสหภาพยุโรปรณรงค์เรื่องการปลูกปาล์มเพื่อความยั่งยืน โดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมตามมาตรฐาน Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) ส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกปาล์มน้ำมันโลก 3 ประเทศหลัก คือ อินโดนีเซียผลิตได้ 40 ล้านตัน มาเลเซีย 20 ล้านตัน รวมถึงไทยที่ผลิตได้ 3 แสนตัน ซึ่งรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 90% ของผลผลิตโลก
“แม้ไทยไม่ใช่เป้าหมายเรื่องทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ไทยติดอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ด้วย ที่ผ่านมาได้ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รับรองมาตรฐาน RSPO ทำให้ผู้ผลิตสินค้าจากทั่วโลกหันมานำเข้าปาล์มน้ำมันจากไทย เช่น บอดี้ช็อปซื้อไปเพื่อผลิตเครื่องสำอาง ช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาสูง มีต้นทุนการผลิตลดลง และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จากนี้ได้ประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมวิชาการเกษตรช่วยผลักดันเกษตรกรไทยปลูกปาล์มภายใต้มาตรฐานนี้มากขึ้น”
นาย
ศาณินทร์ ตริยานนท์ กรรมการ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด กล่าวว่า แม้จะมีมาตรการประกันรายได้เกษตรกรปลูกปาล์มแต่เป็นมาตรการระยะสั้นและไม่ยั่งยืน รัฐควรเร่งกำหนดมาตรการระยะยาวแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ต้องส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตปาล์มน้ำมันให้ได้ตามทิศทางและกฎระเบียบของตลาดโลก ซึ่งจะเน้นเรื่องความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่การผลิตเพื่อผลักดันการส่งออกให้มากขึ้น
“ปัจจุบันไทยไม่สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มได้ ผู้ประกอบการในประเทศกังวลว่า หากส่งออกมากจะทำให้ขาดวัตถุดิบในการผลิตสินค้า จึงยอมซื้อปาล์มเก็บสต๊อกไว้ส่งผลให้ไทยมีปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบจำนวนมาก และยังมีราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สูงกว่าประเทศคู่แข่งทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย กก.ละ 2 บาท ที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่ดูแลยังไม่เข้าใจระบบ กลไกอุตสาหกรรม ขาดการบูรณาการ แต่ในอนาคตจำเป็นต้องยกระดับแปลงใหญ่ ผลักดันมาตรฐานความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาสูงและมีรายได้มากขึ้น”
นาย
ดาโต๊ะ ดาร์เรล เวเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ RSPO กล่าวในการประชุมน้ำมันปาล์มยั่งยืนปีนี้ว่า ขณะนี้มีเกษตรกรผ่านมาตรฐาน RSPO เพิ่มขึ้น 52% โดยจำนวนเกษตรกรรายย่อยทั้งหมดเพิ่มขึ้น 165% ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้าอย่างน่าพอใจในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ ปัจจุบันพื้นที่ที่ผ่านการรับรอง RSPO เพิ่มขึ้น 22% ปีต่อปี หรือประมาณ 24.3 ล้านไร่ ใน 16 ประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มที่ได้รับการรับรองอย่างยั่งยืน (CSPO) 14.29 ล้านตัน และน้ำมันจากเนื้อในเมล็ดปาล์มที่ได้รับการรับรองอย่างยั่งยืน (CSPK) อีก 3.21 ล้านตัน และปีนี้ RSPO ได้อนุมัติสมาชิกผู้ปลูกน้ำมันปาล์มใหม่อีก 19 ราย ส่งผลให้มีองค์กรเกษตรกรที่ผ่านมาตรฐานแล้วรวม 71 ราย
JJNY : 'นพดล' ชี้ความจริงใจทำกติกาให้เป็นธรรมสำคัญกว่าตัวปธ.ฯ/อียูเข้ม"มาตรฐานRSPO"ฯ/ฮิวแมนไรท์วอทช์ชมมาเลย์-ตำหนิไทยฯ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1747421
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สะสมประสบการณ์การร่างรัฐธรรมนูญ มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และเรายังไปศึกษารัฐธรรมนูญของหลายๆ ประเทศ และนำแนวคิดของเขามาใช้แบบถูกบ้าง ผิดบ้าง ซึ่งตนเชื่อว่าเราไม่ขาดแคลนองค์ความรู้ในการทำให้กติกาดีขึ้น แต่ที่ยากคือ อาจยังไม่ตระหนักว่า กติกาที่เป็นธรรมจะนำความรุ่งเรืองมาสู่ประเทศไทยได้อย่างไร การแก้ รธน จึงมีความท้าทายอยู่ 3 เรื่อง
1. ทำอย่างไรจะมีการเสียสละความได้เปรียบทางการเมืองของตนเพื่อทำให้ประเทศไทยได้เปรียบและมีกติกาที่เอื้อให้เกิดการเมืองสุจริตและมีประสิทธิภาพ การเลือกตั้งที่เป็นธรรมและมีความหมาย ทำให้การเข้าสู่อำนาจบริหารและนิติบัญญัติยึดโยงกับประชาชน
2. ทำอย่างไรจะมีกระบวนการรับฟังความต้องการของประชาชนว่าต้องการเห็นการแก้ไขในเรื่องใดบ้าง
3. ทำอย่างไรจะไม่กล่าวหาใส่ร้ายกันในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเนื่องจากมนุษย์สามารถใช้เหตุผล และแลกเปลี่ยนความเห็นโดยใช้ ปัญญาและลดการกล่าวหาได้ เพราะท้ายที่สุดการแก้จะสำเร็จหรือไม่ต้องใช้เสียงจากทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ในรัฐสภาอันทรงเกียรติ
“ส่วนตัวเห็นว่าความจริงใจและความพร้อมที่จะร่วมทำกติกาให้เป็นธรรม และบรรลุเป้าประสงค์ข้างต้นสำคัญกว่าตัวผู้จะมานั่งเป็นประธาน กมธ. พี่น้องประชาชนคงจะติดตามท่าทีของแต่ละพรรคการเมืองต่อไปว่า การแก้รัฐธรรมนูญนั้น บรรจุในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเป็น เพียงวาทกรรม หรือเป็นวาระที่จะทำ และจะเปลี่ยนวาระในกระดาษ เป็นวาระแห่งชาติหรือไม่” นายนพดล กล่าว
อียูเข้ม "มาตรฐานRSPO" สกัดนำเข้าปาล์มรุกที่ป่า
https://www.prachachat.net/economy/news-389777
“เอกชน” แนะ 4 กระทรวงยกเครื่องปลูกปาล์มยั่งยืนเพื่อส่งออกตามมาตรฐาน “RSPO” อย่าใช้แต่ประกันรายได้ หวังผลระยะสั้น
นายธิตินัย พงศ์พิริยะกิจ หัวหน้าทีมที่ปรึกษาการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (GIZ) กล่าวว่า หลังจากสหภาพยุโรปรณรงค์เรื่องการปลูกปาล์มเพื่อความยั่งยืน โดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมตามมาตรฐาน Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) ส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกปาล์มน้ำมันโลก 3 ประเทศหลัก คือ อินโดนีเซียผลิตได้ 40 ล้านตัน มาเลเซีย 20 ล้านตัน รวมถึงไทยที่ผลิตได้ 3 แสนตัน ซึ่งรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 90% ของผลผลิตโลก
“แม้ไทยไม่ใช่เป้าหมายเรื่องทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ไทยติดอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ด้วย ที่ผ่านมาได้ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รับรองมาตรฐาน RSPO ทำให้ผู้ผลิตสินค้าจากทั่วโลกหันมานำเข้าปาล์มน้ำมันจากไทย เช่น บอดี้ช็อปซื้อไปเพื่อผลิตเครื่องสำอาง ช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาสูง มีต้นทุนการผลิตลดลง และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จากนี้ได้ประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมวิชาการเกษตรช่วยผลักดันเกษตรกรไทยปลูกปาล์มภายใต้มาตรฐานนี้มากขึ้น”
นายศาณินทร์ ตริยานนท์ กรรมการ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด กล่าวว่า แม้จะมีมาตรการประกันรายได้เกษตรกรปลูกปาล์มแต่เป็นมาตรการระยะสั้นและไม่ยั่งยืน รัฐควรเร่งกำหนดมาตรการระยะยาวแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ต้องส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตปาล์มน้ำมันให้ได้ตามทิศทางและกฎระเบียบของตลาดโลก ซึ่งจะเน้นเรื่องความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่การผลิตเพื่อผลักดันการส่งออกให้มากขึ้น
“ปัจจุบันไทยไม่สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มได้ ผู้ประกอบการในประเทศกังวลว่า หากส่งออกมากจะทำให้ขาดวัตถุดิบในการผลิตสินค้า จึงยอมซื้อปาล์มเก็บสต๊อกไว้ส่งผลให้ไทยมีปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบจำนวนมาก และยังมีราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สูงกว่าประเทศคู่แข่งทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย กก.ละ 2 บาท ที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่ดูแลยังไม่เข้าใจระบบ กลไกอุตสาหกรรม ขาดการบูรณาการ แต่ในอนาคตจำเป็นต้องยกระดับแปลงใหญ่ ผลักดันมาตรฐานความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาสูงและมีรายได้มากขึ้น”
นายดาโต๊ะ ดาร์เรล เวเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ RSPO กล่าวในการประชุมน้ำมันปาล์มยั่งยืนปีนี้ว่า ขณะนี้มีเกษตรกรผ่านมาตรฐาน RSPO เพิ่มขึ้น 52% โดยจำนวนเกษตรกรรายย่อยทั้งหมดเพิ่มขึ้น 165% ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้าอย่างน่าพอใจในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ ปัจจุบันพื้นที่ที่ผ่านการรับรอง RSPO เพิ่มขึ้น 22% ปีต่อปี หรือประมาณ 24.3 ล้านไร่ ใน 16 ประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มที่ได้รับการรับรองอย่างยั่งยืน (CSPO) 14.29 ล้านตัน และน้ำมันจากเนื้อในเมล็ดปาล์มที่ได้รับการรับรองอย่างยั่งยืน (CSPK) อีก 3.21 ล้านตัน และปีนี้ RSPO ได้อนุมัติสมาชิกผู้ปลูกน้ำมันปาล์มใหม่อีก 19 ราย ส่งผลให้มีองค์กรเกษตรกรที่ผ่านมาตรฐานแล้วรวม 71 ราย