เรื่องจริง ประกันชีวิต
ครอบครัวของเราได้ทำประกันกับตัวแทนซึ่งเป็นคนสนิท ที่เรียกว่าซื้อกับคนนี้ทั้งบ้าน ด้วยเบื้ยสมัย 20 ปีที่แล้วก็คนละ 4 หมื่นกว่าสำหรับคนอายุ 35 - 40 (ถ้าเทียบเป็นเงินสมัยนี้ เบี้ยก็น่าจะเป็นแสน ๆ ) ทุกคนก็สบายใจว่าได้มีเงินก้อนไว้ให้คนข้างหลังพร้อมค่ารักษาไว้ใช้เมื่อเจ็บป่วยยามแก่ เมื่อต้นปีคุณแม่เริ่มป่วย เป็นจังหวะเดียวที่ประกันหมดสัญญา และทางประกันไม่ยอมต่อสัญญาแล้วเนื่องจากคุณแม่เริ่มมีโรคเบาหวานและความดัน ทั้ง ๆ ที่ตอนคุณแม่เริ่มทำประกัน คุณแม่มีอายุ 30 กว่า ๆ ที่ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย แต่พอครบสัญญา (20 ปี) ทางประกันก็ไม่ให้ต่อแล้ว ยังมีเคสของลุง กับ ป้า ที่เข้า รพ. แล้วได้ค่าห้องเพียง 400 บาท ซึ่งสำหรับสมัยนี้มันไม่พออะไรเลย ทางบ้านจึงต่อต้านการทำประกันไปเลยย อีกทั้งกรมธรรพ์สมัยก่อนเป็นแบบจ่ายตามตาราง ซึ่งแปลว่า แทบไม่มีทางที่ประกันจะจ่ายค่ารักษาให้เราเต็มจำนวนเลย พูดง่าย ๆ เช่น เราเป็นไส้ติ่ง เสียค่าผ่าตัด 30000 บาท เปิดตารางจ่าย 50 % แปลว่า ประกันรับผิดชอบแค่ 15000 บาท เป็นต้น
มีคนบอกว่า การทำประกันนั้นดี ทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ แต่ต้องใช้ให้เป็น เราจึงเริ่มหันมาศึกษาอย่างจริงจัง
จึงอยากนำมาแชร์ ดังนี้
ทำประกันชีวิต จะได้เงิน (ทุนประกันภัย) เมื่อเสียชีวิต หรือ มีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา แล้วแต่แบบที่เลือก
ทำประกันสุขภาพ เป็นเงินจ่ายทิ้ง มีไว้เพื่อใช้รักษาตัวเมื่อต้องแอดมิทที่ รพ. (IPD) เท่านั้น
เราควรดูเงื่อนไขก่อนทำประกันทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทีหลัง เช่น ไม่คุ้มครองโรคอะไรบ้าง / รับประกันการอายุถึงเมื่อไหร่ เช่น ถึง อายุ 60 เพราะส่วนใหญ่มันจะเป็นแบบ 20 ปี ซึ่งพอมันหมดสัญญา มันจะพอดีกับที่เราเริ่มมีโรคแล้วตามอายุ และก็จะไม่มีประกันบริษัทไหนรับเราอีก
ประกันมะเร็ง concept คือ เจอ (มะเร็ง) > จ่าย > จบ !! ควรดูให้ดีว่าเป็นมะเร็งขั้น 1 2 3 จ่ายเงินก้อนเท่ากันมั้ย เพราะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นขั้น 1 หรือ 2 จะจ่ายแค่ 50 %
ในความเห็นส่วนตัว ทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ เป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องรู้จักใช้ให้ถูกกับความต้องการจริง ๆ ของเรา ซึ่งมันจะช่วยให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดก้อนใหญ่ เช่น เงินก้อนที่ต้องจ่ายจากการรักษาตัวใน รพ. หรือ ช่วยให้ภรรยาได้มีเงินก้อนไว้เลี้ยงดูครอบครัวและเป็นทุนการศึกษาเมื่อสามuจากไปก่อนวัยอันควร หรือ นำไปช่วยลดหย่อนภาษีได้นะคะ
สำหรับใครที่มีความกังวลและไม่แน่ใจในรายละเอียดของประกันในแต่ละรูปแบบ ทั้งสุขภาพ ประกันชีวิต และมะเร็ง สามารถติดต่อมาเพื่อปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line Id : poomsmile
ประกันชีวิต 101
ครอบครัวของเราได้ทำประกันกับตัวแทนซึ่งเป็นคนสนิท ที่เรียกว่าซื้อกับคนนี้ทั้งบ้าน ด้วยเบื้ยสมัย 20 ปีที่แล้วก็คนละ 4 หมื่นกว่าสำหรับคนอายุ 35 - 40 (ถ้าเทียบเป็นเงินสมัยนี้ เบี้ยก็น่าจะเป็นแสน ๆ ) ทุกคนก็สบายใจว่าได้มีเงินก้อนไว้ให้คนข้างหลังพร้อมค่ารักษาไว้ใช้เมื่อเจ็บป่วยยามแก่ เมื่อต้นปีคุณแม่เริ่มป่วย เป็นจังหวะเดียวที่ประกันหมดสัญญา และทางประกันไม่ยอมต่อสัญญาแล้วเนื่องจากคุณแม่เริ่มมีโรคเบาหวานและความดัน ทั้ง ๆ ที่ตอนคุณแม่เริ่มทำประกัน คุณแม่มีอายุ 30 กว่า ๆ ที่ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย แต่พอครบสัญญา (20 ปี) ทางประกันก็ไม่ให้ต่อแล้ว ยังมีเคสของลุง กับ ป้า ที่เข้า รพ. แล้วได้ค่าห้องเพียง 400 บาท ซึ่งสำหรับสมัยนี้มันไม่พออะไรเลย ทางบ้านจึงต่อต้านการทำประกันไปเลยย อีกทั้งกรมธรรพ์สมัยก่อนเป็นแบบจ่ายตามตาราง ซึ่งแปลว่า แทบไม่มีทางที่ประกันจะจ่ายค่ารักษาให้เราเต็มจำนวนเลย พูดง่าย ๆ เช่น เราเป็นไส้ติ่ง เสียค่าผ่าตัด 30000 บาท เปิดตารางจ่าย 50 % แปลว่า ประกันรับผิดชอบแค่ 15000 บาท เป็นต้น
มีคนบอกว่า การทำประกันนั้นดี ทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ แต่ต้องใช้ให้เป็น เราจึงเริ่มหันมาศึกษาอย่างจริงจัง
จึงอยากนำมาแชร์ ดังนี้
ทำประกันชีวิต จะได้เงิน (ทุนประกันภัย) เมื่อเสียชีวิต หรือ มีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา แล้วแต่แบบที่เลือก
ทำประกันสุขภาพ เป็นเงินจ่ายทิ้ง มีไว้เพื่อใช้รักษาตัวเมื่อต้องแอดมิทที่ รพ. (IPD) เท่านั้น
เราควรดูเงื่อนไขก่อนทำประกันทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทีหลัง เช่น ไม่คุ้มครองโรคอะไรบ้าง / รับประกันการอายุถึงเมื่อไหร่ เช่น ถึง อายุ 60 เพราะส่วนใหญ่มันจะเป็นแบบ 20 ปี ซึ่งพอมันหมดสัญญา มันจะพอดีกับที่เราเริ่มมีโรคแล้วตามอายุ และก็จะไม่มีประกันบริษัทไหนรับเราอีก
ประกันมะเร็ง concept คือ เจอ (มะเร็ง) > จ่าย > จบ !! ควรดูให้ดีว่าเป็นมะเร็งขั้น 1 2 3 จ่ายเงินก้อนเท่ากันมั้ย เพราะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นขั้น 1 หรือ 2 จะจ่ายแค่ 50 %
ในความเห็นส่วนตัว ทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ เป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องรู้จักใช้ให้ถูกกับความต้องการจริง ๆ ของเรา ซึ่งมันจะช่วยให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดก้อนใหญ่ เช่น เงินก้อนที่ต้องจ่ายจากการรักษาตัวใน รพ. หรือ ช่วยให้ภรรยาได้มีเงินก้อนไว้เลี้ยงดูครอบครัวและเป็นทุนการศึกษาเมื่อสามuจากไปก่อนวัยอันควร หรือ นำไปช่วยลดหย่อนภาษีได้นะคะ
สำหรับใครที่มีความกังวลและไม่แน่ใจในรายละเอียดของประกันในแต่ละรูปแบบ ทั้งสุขภาพ ประกันชีวิต และมะเร็ง สามารถติดต่อมาเพื่อปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line Id : poomsmile