_/\_ สวัสดีค่า เพื่อนๆ ชาว Pantip ปั้นหยารายงานตัว
อดีตเป็นนักศึกษาป.โท ปัจจุบันทำงานแล้ว
วันนี้ก็อยากจะมาบอกเล่า+แชร์ประสบการณ์ที่ได้จากการไป Study Trip ดูงานหลังบ้านบริษัทใหญ่ระดับโลกที่เยอรมันมา 5 วัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชา Consulting Practice ตอนเรียนปริญญาโทที่วิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดล หรือ CMMU ค่ะ ทริปนี้ไปมาเมื่อปีที่แล้ว ผ่านมาหนึ่งปีพอดิบพอดีแต่ยังรู้สึกประทับใจอยู่ เป็นอะไรที่เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ และคุ้มค่ามากกกกกกกก ได้ประโยชน์กลับมาปรับใช้กับหน้าที่การงานของตัวเองด้วย
ดังนั้นก็เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังกันว่าแต่ละบริษัทที่เราไปดูงาน เค้ามี Process มีระบบการทำงานเป็นยังไง ปกติเราก็จะเห็นภาพความสำเร็จ งานหน้าบ้านที่เนี๊ยบๆ แต่งานหลังบ้านถ้าเราไม่ได้ไปกับทริปนี้ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็นเลย อย่างบริษัท Goldhofer ที่เราไป สารภาพตรงๆ เลยว่าก่อนไปไม่รู้จัก TvT แต่พอไปถึงแล้ว ร้องอั๊ยย่ะดังมาก บริษัทใหญ่มากกกกกกกก อลังการดาวล้านดวง ใหญ่แบบไม่คิดว่ามันจะมีธุรกิจแบบนี้ด้วยหรอในโลกนี้
ก่อนเล่าเกี่ยวกับ Study Trip ปั้นหยาขอย้อนเล่าถึงการเลือกเรียนปริญญาโทที่ CMMU หรือชื่อเต็มๆ คือ วิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดลก่อน เผื่อเป็นไกด์เล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจหาที่เรียนต่อปริญญาโทกันอยู่นะคะ
สำหรับสาขาที่ปั้นหยาเลือกเรียน มีชื่อว่า Entrepreneurship Management (EN) หลักสูตรภาคอินเตอร์ เรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ ที่ตัดสินใจลงเรียนที่นี่ สาขานี้ ก็เพราะว่าที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัว บวกกับอยากอัปเกรดภาษาอังกฤษตัวเองให้ดีขึ้น หลักสูตรตรงกับความต้องการ นอกจากนี้ก็คือ เรื่อง Ranking มหาวิทยาลัย การเดินทางที่สะดวกมาก อยู่ต้นถนนวิภาวดีเลย ลงจากทางด่วนปุ๊บ เลี้ยวซ้าย เข้าตึกเลย ดีงาม
ถ้าใครสนใจลองเข้าไปดูสาขาเพิ่มเติมได้ที่
https://www.cm.mahidol.ac.th/cmmu มีทั้งหลักสูตรไทย หลักสูตรอินเตอร์ โปรแกรมปริญญาโท Double Degree ได้ใบปริญญาสองใบทั้งจากที่นี่และที่ต่างประเทศ
บรรยากาศตึกเรียนที่ CMMU ค่ะ
อย่างที่บอกว่า Study Trip เป็นส่วนหนึ่งของวิชา Consulting Practice ซึ่งวิชานี้ทาง CMMU จะไม่ได้บังคับ นศ. จะลงทะเบียนไปหรือไม่ไปก็ได้ตามแต่สะดวก ซึ่งปั้นหยาว่าแบบนี้แฟร์ดี บางคนก็อาจจะมีธุระ หรือลางานหลายวันไม่ได้ก็จะได้ไม่มีปัญหา
แพลนทริป 5 วัน 4 คืน ตาม Schedule จะไปทั้งหมด 4 บริษัท ได้แก่ BMW , Goldhofer , Mandarin Oriental Hotel และ Talentry สารภาพกันตรงนี้แบบไม่อ้อมค้อมเลยว่า ก่อนไปรู้จัก 2 บริษัทเท่านั้นแหละ ฮ่าๆ คือ BMW และ Mandarin Oriental Hotel ส่วนอีกสองบริษัท Blank Blank เลยค่ะ แต่ก่อนไป อาจารย์ก็จะให้หาข้อมูลว่าแต่ละบริษัทเป็นแบบไหน ทำธุรกิจอะไร เพราะหลังจากจบทริปจะต้องมีการทำ Presentation กลุ่มเพื่อเก็บคะแนนด้วย
เราไปช่วงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่เยอรมันกำลังอากาศดีมากกก ประมาณ 10-15 องศาเท่านั้น หนีร้อนที่ไทยไปหาหนาวที่เยอรมัน ฮ่าๆ การเตรียมตัวก่อนไปก็ตามรีวิวเลยค่ะ ค่าเครื่องบิน ค่าวีซ่าเชงเก้น ประกันสุขภาพ Pocket Money จำได้ว่าทั้งทริปรวมทุกอย่าง บัดเจ็ตจะอยู่ราวๆ 35-40K ขึ้นอยู่กับงบประมาณการกินและช้อปปิ้งของแต่ละคนด้วย ของเราจัดหนักเพราะอร่อยยทุกอย่าง ฮ่าๆ บ้าจริง
โปรแกรมแต่ละวันทางอาจารย์จัดมาให้ครบ มีเที่ยวสลับกับไปดูงาน วันแรกไม่มีอะไรมากค่ะ อาจารย์ก็จะนัดให้ทุกคนมาเจอกันที่โรงแรมที่ Munich เช็กอินที่พัก ทานข้าว ตรงนี้จะเป็นแบบต่างคนต่างมานะคะ แล้วค่อยมาเจอกัน ซึ่งแบบนี้เราว่าสะดวกดี สามารถ Manage ได้เองว่าจะไปยังไง หรือถ้าใครจะไปเที่ยวที่ไหนก่อนแล้วค่อยมาเจอกันก็ได้
แพลนไปดูงานแต่ละวัน จะเป็นดังนี้
Day 1 นัดเจอกันที่โรงแรม
Day 2 Technical University of Munich (TUM) + walking tours
Day 3 Mandarin Oriental Hotel
Day 4 Talentry + Goldhofer
Day 5 BMW
พอจบกิจกรรมแต่ละวัน ช่วงเย็นก็จะเป็นเวลา Free time เดินเล่น City tour ดูพระราชวัง ซึ่งที่พักเราอยู่ใจกลางเมืองพอดี จะไปไหนก็สะดวกหมด ทางอาจารย์ก็จะมี ticket ให้ไว้ด้วยสำหรับขึ้น Subway เท่ากับเซฟค่าเดินทาง ที่เหลือก็เป็นเงินชิมช้อปใช้ ฮ่าๆ
วันที่สองของทริป แต่เป็นวันแรก Study Trip เริ่มต้นขึ้น ไม่งงกันเนอะ ฮ่าๆ ตามโปรแกรมก็จะแบ่งเป็นครึ่งวันเช้ากับครึ่งวันบ่ายค่ะ ตอนเช้าอาจารย์จะให้ทุกคนไปเข้าคลาส Cross-cultural Training ที่ Technical University of Munich (TUM) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัย Ranking ต้นๆ ของเยอรมันค่ะ อารมณ์อุ่นเครื่องก่อนไปเจอของจริง ที่คลาสก็สนุกดีค่ะ ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก
ช่วงบ่ายเป็นซิตี้ทัวร์ ไปกันเป็นกลุ่มๆ อาจารย์ก็จะพาเดินเที่ยวแล้วก็เล่า History ตรงสถานที่นั้น สถานที่นี้ให้เราฟังค่ะ อากาศดีนี่เดินถึงไหนถึงกัน ไม่มีหวั่น ปั้นหยาเองเคยมา Exchange ที่เยอรมัน 1 ปีตอนมัธยม พอได้กลับมาอีกรอบก็เพลินเลย แบบตรงนู้นเคยมีอันนี้ ตรงนี้เปลี่ยนไปแล้วจ้า สุดท้ายตบท้ายมื้อเย็นด้วยของกิน
วันที่สาม จำได้ว่าวันนี้มีความตื่นเต้นเพราะจะได้ไปดูงานหลังบ้าน Mandarin Oriental Hotel งานหน้าบ้านใครๆ ก็เห็นได้ แต่งานหลังบ้านนี่เราว่าน้อยมากกกกกกที่จะได้เห็น ได้รู้ ได้สัมผัส
Mandarin Oriental Hotel เราใช้วิธีเดินจากที่พักไปได้เลยค่ะ ไม่ไกล ตัวอาคารตึกถูกสร้างตั้งแต่ปี 1880 แต่เดิมเป็นโรงละครโอเปร่าเฮ้าส์ค่ะ และต่อมาก็กลายมาเป็นโรงแรม
Staff ของ Mandarin Oriental ต้อนรับดีมาก ความที่สมาชิกทริปมีเกือบ 20 คน ทาง Staff ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ทีม เพื่อที่จะแยกกันไปในแต่ละส่วน ทำให้นักศึกษาตาใสๆ แบบเราดูได้ทั่วถึง
เริ่มจากเดินพาชมห้องขนาดเล็ก ห้องขนาดใหญ่ ห้องสวีท พาทัวร์ดู Hall ดูแปลนนิ่งของโรงแรมแล้ว Staff ก็จะอธิบายถึงเรื่อง Process การทำงาน ความเป็นโรงแรมระดับห้าดาว Key หลักของการเป็นโรงแรมที่อยู่มาร้อยกว่าปีคืออะไร เค้าก็จะเน้นเรื่อง Service เป็นหลัก ขนาดเราไม่ใช่ Guest ที่มาพัก ยังรู้สึกว่าเค้าดูแลค่อนข้างดีมากค่ะ บางอย่างถ้าเราเป็นแค่แขกที่มาพัก ก็จะไม่รู้ว่ามันต้องทำอย่างไร อะไรยังไง พอเราได้มาเห็นงานหลังบ้านแล้ว เออรู้สึกว่า งานที่ทำมันไม่ใช่แค่นี้นะ มันมีดีเทล ปลีกย่อยเยอะเลย
ออกจาก Mandarin Oriental Hotel ตอนบ่ายก็จะเป็น Section ท่องเที่ยว ไปชม Nymphenburg Palace เป็นพระราชวังในสมัยศตวรรษที่ 18 ไฮไลต์จะอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์รถม้า ที่มีเพียงแห่งเดียวในเยอรมัน นอกจากนั้นก็จะชมภาพเขียน ห้องบรรทม ห้องเก็บของใช้ส่วนตัว
พระราชวังสวยมากกกก หลงรักเบาๆ <3
ตอนเย็นก็เป็นเวลา Free time โตแล้วจะไปไหนก็ได้ ดังนั้นเราเลยเลือกที่จะไปกินค่ะ ใช่แล้วค่ะ เปรมปรีด์กันเลยทีเดียว ซึ่งช่วงที่เราไปมันใกล้จะเป็นช่วงก่อน Oktoberfest ของที่นี่ ดังนั้นก็เลยจะมีงานอีเวนต์เล็กๆ ให้เดินเที่ยวด้วย
[BR] รีวิว Study Trip ไปดูงานที่เยอรมัน ช่วงเรียนป.โทที่ CMMU อินเตอร์
อดีตเป็นนักศึกษาป.โท ปัจจุบันทำงานแล้ว
วันนี้ก็อยากจะมาบอกเล่า+แชร์ประสบการณ์ที่ได้จากการไป Study Trip ดูงานหลังบ้านบริษัทใหญ่ระดับโลกที่เยอรมันมา 5 วัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชา Consulting Practice ตอนเรียนปริญญาโทที่วิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดล หรือ CMMU ค่ะ ทริปนี้ไปมาเมื่อปีที่แล้ว ผ่านมาหนึ่งปีพอดิบพอดีแต่ยังรู้สึกประทับใจอยู่ เป็นอะไรที่เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ และคุ้มค่ามากกกกกกกก ได้ประโยชน์กลับมาปรับใช้กับหน้าที่การงานของตัวเองด้วย
ดังนั้นก็เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังกันว่าแต่ละบริษัทที่เราไปดูงาน เค้ามี Process มีระบบการทำงานเป็นยังไง ปกติเราก็จะเห็นภาพความสำเร็จ งานหน้าบ้านที่เนี๊ยบๆ แต่งานหลังบ้านถ้าเราไม่ได้ไปกับทริปนี้ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็นเลย อย่างบริษัท Goldhofer ที่เราไป สารภาพตรงๆ เลยว่าก่อนไปไม่รู้จัก TvT แต่พอไปถึงแล้ว ร้องอั๊ยย่ะดังมาก บริษัทใหญ่มากกกกกกกก อลังการดาวล้านดวง ใหญ่แบบไม่คิดว่ามันจะมีธุรกิจแบบนี้ด้วยหรอในโลกนี้
ก่อนเล่าเกี่ยวกับ Study Trip ปั้นหยาขอย้อนเล่าถึงการเลือกเรียนปริญญาโทที่ CMMU หรือชื่อเต็มๆ คือ วิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดลก่อน เผื่อเป็นไกด์เล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจหาที่เรียนต่อปริญญาโทกันอยู่นะคะ
สำหรับสาขาที่ปั้นหยาเลือกเรียน มีชื่อว่า Entrepreneurship Management (EN) หลักสูตรภาคอินเตอร์ เรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ ที่ตัดสินใจลงเรียนที่นี่ สาขานี้ ก็เพราะว่าที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัว บวกกับอยากอัปเกรดภาษาอังกฤษตัวเองให้ดีขึ้น หลักสูตรตรงกับความต้องการ นอกจากนี้ก็คือ เรื่อง Ranking มหาวิทยาลัย การเดินทางที่สะดวกมาก อยู่ต้นถนนวิภาวดีเลย ลงจากทางด่วนปุ๊บ เลี้ยวซ้าย เข้าตึกเลย ดีงาม
ถ้าใครสนใจลองเข้าไปดูสาขาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cm.mahidol.ac.th/cmmu มีทั้งหลักสูตรไทย หลักสูตรอินเตอร์ โปรแกรมปริญญาโท Double Degree ได้ใบปริญญาสองใบทั้งจากที่นี่และที่ต่างประเทศ
อย่างที่บอกว่า Study Trip เป็นส่วนหนึ่งของวิชา Consulting Practice ซึ่งวิชานี้ทาง CMMU จะไม่ได้บังคับ นศ. จะลงทะเบียนไปหรือไม่ไปก็ได้ตามแต่สะดวก ซึ่งปั้นหยาว่าแบบนี้แฟร์ดี บางคนก็อาจจะมีธุระ หรือลางานหลายวันไม่ได้ก็จะได้ไม่มีปัญหา
แพลนทริป 5 วัน 4 คืน ตาม Schedule จะไปทั้งหมด 4 บริษัท ได้แก่ BMW , Goldhofer , Mandarin Oriental Hotel และ Talentry สารภาพกันตรงนี้แบบไม่อ้อมค้อมเลยว่า ก่อนไปรู้จัก 2 บริษัทเท่านั้นแหละ ฮ่าๆ คือ BMW และ Mandarin Oriental Hotel ส่วนอีกสองบริษัท Blank Blank เลยค่ะ แต่ก่อนไป อาจารย์ก็จะให้หาข้อมูลว่าแต่ละบริษัทเป็นแบบไหน ทำธุรกิจอะไร เพราะหลังจากจบทริปจะต้องมีการทำ Presentation กลุ่มเพื่อเก็บคะแนนด้วย
เราไปช่วงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่เยอรมันกำลังอากาศดีมากกก ประมาณ 10-15 องศาเท่านั้น หนีร้อนที่ไทยไปหาหนาวที่เยอรมัน ฮ่าๆ การเตรียมตัวก่อนไปก็ตามรีวิวเลยค่ะ ค่าเครื่องบิน ค่าวีซ่าเชงเก้น ประกันสุขภาพ Pocket Money จำได้ว่าทั้งทริปรวมทุกอย่าง บัดเจ็ตจะอยู่ราวๆ 35-40K ขึ้นอยู่กับงบประมาณการกินและช้อปปิ้งของแต่ละคนด้วย ของเราจัดหนักเพราะอร่อยยทุกอย่าง ฮ่าๆ บ้าจริง
โปรแกรมแต่ละวันทางอาจารย์จัดมาให้ครบ มีเที่ยวสลับกับไปดูงาน วันแรกไม่มีอะไรมากค่ะ อาจารย์ก็จะนัดให้ทุกคนมาเจอกันที่โรงแรมที่ Munich เช็กอินที่พัก ทานข้าว ตรงนี้จะเป็นแบบต่างคนต่างมานะคะ แล้วค่อยมาเจอกัน ซึ่งแบบนี้เราว่าสะดวกดี สามารถ Manage ได้เองว่าจะไปยังไง หรือถ้าใครจะไปเที่ยวที่ไหนก่อนแล้วค่อยมาเจอกันก็ได้
แพลนไปดูงานแต่ละวัน จะเป็นดังนี้
Day 1 นัดเจอกันที่โรงแรม
Day 2 Technical University of Munich (TUM) + walking tours
Day 3 Mandarin Oriental Hotel
Day 4 Talentry + Goldhofer
Day 5 BMW
พอจบกิจกรรมแต่ละวัน ช่วงเย็นก็จะเป็นเวลา Free time เดินเล่น City tour ดูพระราชวัง ซึ่งที่พักเราอยู่ใจกลางเมืองพอดี จะไปไหนก็สะดวกหมด ทางอาจารย์ก็จะมี ticket ให้ไว้ด้วยสำหรับขึ้น Subway เท่ากับเซฟค่าเดินทาง ที่เหลือก็เป็นเงินชิมช้อปใช้ ฮ่าๆ
วันที่สองของทริป แต่เป็นวันแรก Study Trip เริ่มต้นขึ้น ไม่งงกันเนอะ ฮ่าๆ ตามโปรแกรมก็จะแบ่งเป็นครึ่งวันเช้ากับครึ่งวันบ่ายค่ะ ตอนเช้าอาจารย์จะให้ทุกคนไปเข้าคลาส Cross-cultural Training ที่ Technical University of Munich (TUM) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัย Ranking ต้นๆ ของเยอรมันค่ะ อารมณ์อุ่นเครื่องก่อนไปเจอของจริง ที่คลาสก็สนุกดีค่ะ ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก
ช่วงบ่ายเป็นซิตี้ทัวร์ ไปกันเป็นกลุ่มๆ อาจารย์ก็จะพาเดินเที่ยวแล้วก็เล่า History ตรงสถานที่นั้น สถานที่นี้ให้เราฟังค่ะ อากาศดีนี่เดินถึงไหนถึงกัน ไม่มีหวั่น ปั้นหยาเองเคยมา Exchange ที่เยอรมัน 1 ปีตอนมัธยม พอได้กลับมาอีกรอบก็เพลินเลย แบบตรงนู้นเคยมีอันนี้ ตรงนี้เปลี่ยนไปแล้วจ้า สุดท้ายตบท้ายมื้อเย็นด้วยของกิน
วันที่สาม จำได้ว่าวันนี้มีความตื่นเต้นเพราะจะได้ไปดูงานหลังบ้าน Mandarin Oriental Hotel งานหน้าบ้านใครๆ ก็เห็นได้ แต่งานหลังบ้านนี่เราว่าน้อยมากกกกกกที่จะได้เห็น ได้รู้ ได้สัมผัส
Mandarin Oriental Hotel เราใช้วิธีเดินจากที่พักไปได้เลยค่ะ ไม่ไกล ตัวอาคารตึกถูกสร้างตั้งแต่ปี 1880 แต่เดิมเป็นโรงละครโอเปร่าเฮ้าส์ค่ะ และต่อมาก็กลายมาเป็นโรงแรม
Staff ของ Mandarin Oriental ต้อนรับดีมาก ความที่สมาชิกทริปมีเกือบ 20 คน ทาง Staff ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ทีม เพื่อที่จะแยกกันไปในแต่ละส่วน ทำให้นักศึกษาตาใสๆ แบบเราดูได้ทั่วถึง
เริ่มจากเดินพาชมห้องขนาดเล็ก ห้องขนาดใหญ่ ห้องสวีท พาทัวร์ดู Hall ดูแปลนนิ่งของโรงแรมแล้ว Staff ก็จะอธิบายถึงเรื่อง Process การทำงาน ความเป็นโรงแรมระดับห้าดาว Key หลักของการเป็นโรงแรมที่อยู่มาร้อยกว่าปีคืออะไร เค้าก็จะเน้นเรื่อง Service เป็นหลัก ขนาดเราไม่ใช่ Guest ที่มาพัก ยังรู้สึกว่าเค้าดูแลค่อนข้างดีมากค่ะ บางอย่างถ้าเราเป็นแค่แขกที่มาพัก ก็จะไม่รู้ว่ามันต้องทำอย่างไร อะไรยังไง พอเราได้มาเห็นงานหลังบ้านแล้ว เออรู้สึกว่า งานที่ทำมันไม่ใช่แค่นี้นะ มันมีดีเทล ปลีกย่อยเยอะเลย
ออกจาก Mandarin Oriental Hotel ตอนบ่ายก็จะเป็น Section ท่องเที่ยว ไปชม Nymphenburg Palace เป็นพระราชวังในสมัยศตวรรษที่ 18 ไฮไลต์จะอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์รถม้า ที่มีเพียงแห่งเดียวในเยอรมัน นอกจากนั้นก็จะชมภาพเขียน ห้องบรรทม ห้องเก็บของใช้ส่วนตัว
ตอนเย็นก็เป็นเวลา Free time โตแล้วจะไปไหนก็ได้ ดังนั้นเราเลยเลือกที่จะไปกินค่ะ ใช่แล้วค่ะ เปรมปรีด์กันเลยทีเดียว ซึ่งช่วงที่เราไปมันใกล้จะเป็นช่วงก่อน Oktoberfest ของที่นี่ ดังนั้นก็เลยจะมีงานอีเวนต์เล็กๆ ให้เดินเที่ยวด้วย
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน