หนังเรื่องนี้จะสร้างต่อเนื่องเป็นภาคต่อจากเดอะไชน์นิ่งของคูบริกโดยมีการเดินตามหนังสือส่วนนึงและตามหนังที่ฉายในปี 1980 ด้วย
ผมไม่ทราบว่านวนิยายภาคต่อที่คิงแต่งขึ้นเป็นยังไงเพราะในนวนิยาย โรงแรมถูกไฟไหม้ (เราจะได้เห็นว่าหนังเวอร์ชั่นนี้สานต่อแนวคิดของคิงด้วยเพราะคูบริกดัดแปลงจนต่างจากนิยายเดิม)
ทีนี้ถ้าโรงแรมถูกไฟไหม้หมดอย่างในนิยาย ภาคสองจะเขียนยังไงล่ะ คงไม่ทราบเพราะไม่เคยอ่านแต่ในหนังเราจะได้เห็นว่าโรงแรมยังอยู่(ตามแบบที่คูบริคกำกับ)
ผมเข้าใจว่าที่ต้องเปลี่ยนฉากจบในเวอร์ชั่นคูบริคเพราะฉากโรงแรมเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนฉากจบใหม่ให้พ่อของแดนนี่คือแจ็คตายในหิมะแทน
อาวุธ เบอร์ห้อง ฉากเลือดก็จะเหมือนกับในเวอร์ชั่นคูบริค คิดว่าคิงคงไม่เกลียดหนังเรื่องนี้อีกนะเพราะถ้าไม่ดัดแปลงมันก็ไม่ต่อเนื่องจากภาคก่อน
แต่ที่งงๆ คือหนังไม่ได้พูดถึงลัทธิและสาวกฝ่ายชั่วร้ายว่ามีที่มายังไง น่าจะบอกที่มาให้ทราบบ้าง
ส่วนที่ชอบมากสุดก็คือหนูน้อยคาบรานี่แหละ ชื่อเหมือนคาถาของลอร์ด โวลเดอร์มอร์เลย เธอมั่นมาก สะใจทุกครั้งที่เธอฉะกับตัวร้าย
แต่บางฉากก็รู้สึกหดหู่เหมือนกัน
ดร.สลีป หนังสนุกมาก ต้องไปค้นข้อมูลเดอะไชน์นิ่งเลย
ผมไม่ทราบว่านวนิยายภาคต่อที่คิงแต่งขึ้นเป็นยังไงเพราะในนวนิยาย โรงแรมถูกไฟไหม้ (เราจะได้เห็นว่าหนังเวอร์ชั่นนี้สานต่อแนวคิดของคิงด้วยเพราะคูบริกดัดแปลงจนต่างจากนิยายเดิม)
ทีนี้ถ้าโรงแรมถูกไฟไหม้หมดอย่างในนิยาย ภาคสองจะเขียนยังไงล่ะ คงไม่ทราบเพราะไม่เคยอ่านแต่ในหนังเราจะได้เห็นว่าโรงแรมยังอยู่(ตามแบบที่คูบริคกำกับ)
ผมเข้าใจว่าที่ต้องเปลี่ยนฉากจบในเวอร์ชั่นคูบริคเพราะฉากโรงแรมเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนฉากจบใหม่ให้พ่อของแดนนี่คือแจ็คตายในหิมะแทน
อาวุธ เบอร์ห้อง ฉากเลือดก็จะเหมือนกับในเวอร์ชั่นคูบริค คิดว่าคิงคงไม่เกลียดหนังเรื่องนี้อีกนะเพราะถ้าไม่ดัดแปลงมันก็ไม่ต่อเนื่องจากภาคก่อน
แต่ที่งงๆ คือหนังไม่ได้พูดถึงลัทธิและสาวกฝ่ายชั่วร้ายว่ามีที่มายังไง น่าจะบอกที่มาให้ทราบบ้าง
ส่วนที่ชอบมากสุดก็คือหนูน้อยคาบรานี่แหละ ชื่อเหมือนคาถาของลอร์ด โวลเดอร์มอร์เลย เธอมั่นมาก สะใจทุกครั้งที่เธอฉะกับตัวร้าย
แต่บางฉากก็รู้สึกหดหู่เหมือนกัน