ผมเป็นเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวคนจีน ที่บ้านฐานะดี แต่ไม่ถึงกับร่ำรวย คุณพ่อขยันและมีเงินทุนมากจากระบบกงสี
เปิดร้านคาราโอเกะ ร้านขายอาหาร ย่านฝั่งธน มีรายได้วันละ 5000-8000 มีลูกน้อง 20 กว่าคนจาก 2 ธุรกิจ
ช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง บ้านผมเรามั่งคั่งมาก ถึงขั้นกินเอ็มเคเกือบทุกวัน สมัยก่อนเอ็มเคแพงนะครับ ขั้นต่ำมีเป็นพัน ต่อชุด
หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง คุณพ่อเครียดและทำใจไม่ได้ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ที่บ่อนประเทศเพื่อนบ้าน ต้องขายรถและตึกแถว สมัยนั้น ตึกนึง 5 แสนกว่า
พ่อผมหมดเงินไปกับการพนัน 2 ล้านบาท (สมัยนั้นซื้อตึกแถวได้ 4 ห้อง) จากคนแอคทีฟกลายเป็นติดเหล้า
คุณแม่ผม จากผู้หญิงแม่บ้านใจเย็น กลายเป็นคนแบกภาระทุกอย่าง จากผู้หญิงเรียบร้อย กลายเป็นคนใจร้อน หงุดหงิด พูดคำหยาบ ทั้งที่ก่อนนั้นไม่เป็น
ปี 2541-42 แม่ผมตัดสินใจ แยกบ้านกับพ่อ พาผมไปอยู่แถวปิ่นเกล้า บ้านเก่าแม่ ทิ้งน้องชายให้อยู่กับพ่อ ผมกับน้องชายไม่ได้อยู่ด้วยกันราว 2 ปี
ปี 2543 แม่ผมเปิดร้านอาหารขายก๋วยจั๊บ ต้มเลือดหมู จานละ 20-30 ที่สมุทรสาคร ผมหนีไปเรียนที่สมุทรสาครด้วย ผมตื่นตี 3 ช่วยแม่จ่ายตลาด
ก่อนไปเรียน ผมนอนน้อยมากแต่ละวัน แต่ผมเรียนดีมาก เกรดดีมาก เพราะด้วยความลำบาก
จากเด็กเมืองกรุง มีลุกน้อง (ลุกน้องนอนแอร์) ตอนนี้ผมกลายเป็นเด็กตกระกำลำบากใน จว.ที่มีแต่กลิ่นไอน้ำทะเล
ปี 2544 พ่อผมทนความเหงาไม่ไหว กลับมาอ้อนวอนให้แม่กลับมาอยู่ด้วย พ่อทิ้งกิจการที่ฝั่งธน มาอยู่กับผมและแม่ที่สมุทรสาคร
ปี 2545 เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น จากหนี้สินกลับมา บวก ครอบครัวผมกลับมาปกติ พร้อมหน้า ผมอยู่กับน้องชายตามเดิม
ปี 2546 ผมสอบเป็นนักเรียนทหารที่ รร.ทหารเหล่าทัพหนึ่ง ชีวิตลูกคนจีนแต่มาแวดวงทหาร ปรับตัวมาก ลำบากมาก เคยคิดจะออกหลายครั้ง กัดฟันทนผ่านไปวันๆ แต่พอนึกถึงพ่อแม่ ที่อุตส่าห์ขายของเก็บเงิน ให้เรามาเรียน ทำให้ผมสู้ต่อไป
ปัจจุบันครอบครัวผมไม่ได้ร่ำรวย กลับไปแบบเดิม แต่เราก็ไม่ลำบาก และมีความสุขในแบบพอดี
ผมอยากบอกทุกท่านว่า ทุกคนมีปัญหาของตัวเอง
อยากให้เข้มแข็ง เงินไม่มี แต่ร่างกายครบ 32 เดินได้ กินได้ คือ ลาภอันประเสริฐ
ท้ายสุดนี้ผม รักพ่อกับแม่ผมมาก ถ้าเป็นบางคู่คงหย่าร้างไปนานแล้ว แต่พวกเขายังอดทนกัดฟันปรับตัวใช้เวลาหลายปี กับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พ่อกับแม่เป็นตัวอย่างให้ผม เมื่อพ่อแม่ดี คิดถึงลูก ลูกก็จะคิดถึงพ่อแม่ สายใยไม่ขาด ไม่มีข้ออ้างที่จะกระทำผิด
เล่าชีวิตครอบครัวจากมีอันจะกินเป็น อยู่ไปวันๆ บ้านผมผ่านมาได้อย่างไร
เปิดร้านคาราโอเกะ ร้านขายอาหาร ย่านฝั่งธน มีรายได้วันละ 5000-8000 มีลูกน้อง 20 กว่าคนจาก 2 ธุรกิจ
ช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง บ้านผมเรามั่งคั่งมาก ถึงขั้นกินเอ็มเคเกือบทุกวัน สมัยก่อนเอ็มเคแพงนะครับ ขั้นต่ำมีเป็นพัน ต่อชุด
หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง คุณพ่อเครียดและทำใจไม่ได้ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ที่บ่อนประเทศเพื่อนบ้าน ต้องขายรถและตึกแถว สมัยนั้น ตึกนึง 5 แสนกว่า
พ่อผมหมดเงินไปกับการพนัน 2 ล้านบาท (สมัยนั้นซื้อตึกแถวได้ 4 ห้อง) จากคนแอคทีฟกลายเป็นติดเหล้า
คุณแม่ผม จากผู้หญิงแม่บ้านใจเย็น กลายเป็นคนแบกภาระทุกอย่าง จากผู้หญิงเรียบร้อย กลายเป็นคนใจร้อน หงุดหงิด พูดคำหยาบ ทั้งที่ก่อนนั้นไม่เป็น
ปี 2541-42 แม่ผมตัดสินใจ แยกบ้านกับพ่อ พาผมไปอยู่แถวปิ่นเกล้า บ้านเก่าแม่ ทิ้งน้องชายให้อยู่กับพ่อ ผมกับน้องชายไม่ได้อยู่ด้วยกันราว 2 ปี
ปี 2543 แม่ผมเปิดร้านอาหารขายก๋วยจั๊บ ต้มเลือดหมู จานละ 20-30 ที่สมุทรสาคร ผมหนีไปเรียนที่สมุทรสาครด้วย ผมตื่นตี 3 ช่วยแม่จ่ายตลาด
ก่อนไปเรียน ผมนอนน้อยมากแต่ละวัน แต่ผมเรียนดีมาก เกรดดีมาก เพราะด้วยความลำบาก
จากเด็กเมืองกรุง มีลุกน้อง (ลุกน้องนอนแอร์) ตอนนี้ผมกลายเป็นเด็กตกระกำลำบากใน จว.ที่มีแต่กลิ่นไอน้ำทะเล
ปี 2544 พ่อผมทนความเหงาไม่ไหว กลับมาอ้อนวอนให้แม่กลับมาอยู่ด้วย พ่อทิ้งกิจการที่ฝั่งธน มาอยู่กับผมและแม่ที่สมุทรสาคร
ปี 2545 เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น จากหนี้สินกลับมา บวก ครอบครัวผมกลับมาปกติ พร้อมหน้า ผมอยู่กับน้องชายตามเดิม
ปี 2546 ผมสอบเป็นนักเรียนทหารที่ รร.ทหารเหล่าทัพหนึ่ง ชีวิตลูกคนจีนแต่มาแวดวงทหาร ปรับตัวมาก ลำบากมาก เคยคิดจะออกหลายครั้ง กัดฟันทนผ่านไปวันๆ แต่พอนึกถึงพ่อแม่ ที่อุตส่าห์ขายของเก็บเงิน ให้เรามาเรียน ทำให้ผมสู้ต่อไป
ปัจจุบันครอบครัวผมไม่ได้ร่ำรวย กลับไปแบบเดิม แต่เราก็ไม่ลำบาก และมีความสุขในแบบพอดี
ผมอยากบอกทุกท่านว่า ทุกคนมีปัญหาของตัวเอง
อยากให้เข้มแข็ง เงินไม่มี แต่ร่างกายครบ 32 เดินได้ กินได้ คือ ลาภอันประเสริฐ
ท้ายสุดนี้ผม รักพ่อกับแม่ผมมาก ถ้าเป็นบางคู่คงหย่าร้างไปนานแล้ว แต่พวกเขายังอดทนกัดฟันปรับตัวใช้เวลาหลายปี กับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พ่อกับแม่เป็นตัวอย่างให้ผม เมื่อพ่อแม่ดี คิดถึงลูก ลูกก็จะคิดถึงพ่อแม่ สายใยไม่ขาด ไม่มีข้ออ้างที่จะกระทำผิด