ท้อแท้กับชีวิตจังเลยค่ะ

เนื่องจากตัวเราเองเป็นคนที่เรียนปานกลางมาตลอดไม่ได้เก่งแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ และเป็นคนที่บุคลิกดูเหมือนเฮฮาร่าเริงอยู่สม่ำเสมอมันจึงทำให้เราไม่กล้าพูดอะไรออกไปในเชิงแบบนี้สักเท่าไหร่เรียกได้ว่าไม่กล้าเปิดเผยความอ่อนแอให้ใครเห็น เมื่อก่อนเราเป็นคนที่ไม่เคยเครียดกับการเรียนเลยได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นไม่ว่าเพื่อนจะได้มากกว่าหรืออะไรก็ตามเราชิวๆกับมันมาเสมอ แต่ช่วงหลังมานี้เราเริ่มอยากจริงจังกับมันให้มากขึ้นมีความกดดันจากตัวเอง(รอบข้างเราไม่เท่าไหร่เค้าไม่ได้คาดหวังอะไรจากเรามากหรือคาดหวังเราก็ไม่รู้)และรู้สึกอยากจะประสบความสำเร็จกับเขาบ้างแต่เหมือนมันคงยังไม่พอมั้ง เราสอบเข้าโรงเรียนอื่นแต่ไม่ติดสักที่ตอนนั้นเราก็ปลอบใจตัวเองขำๆ(ขำทั้งนำ้ตา)ให้คนอื่นไม่เครียดไปกับเราทั้งๆที่ความจริงเราแทบอยากจะทรุดแต่เราก็ได้ยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรหรอกอ่อนให้เฉ๊ยๆ(ทั้งที่เครียดกับมันแทบตาย) คำว่าไม่เป็นไรเราใช้คำนี้ในชีวิตเราบ่อยมาก ตอนสอบหรือตอนมีควิซคะแนนเราออกมาก็แย่กว่าเพื่อนในกลุ่มทุกๆครั้งทั้งที่เรารู้สึกว่าเราพยายามมากแต่ทำไมได้แค่นี้ไม่รู้และถ้าเป็นเมื่อก่อนเราก็คงไม่มานั่งเครียดแบบนี้(แต่เพื่อนหรือครอบครัวเราไม่เคยเปรียบเทียบกันเลยนะ เรารู้สึกเราโชคดีตรงนี้)แต่ก็นั่นแหละ เราเริ่มรู้สึกว่าเราทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่างไม่รู้ตัวเองว่าควรทำแบบไหนทำอะไรถึงจะดี อย่างล่าสุดเราสอบเข้าค่ายที่ๆนึงกะเพื่อนอีกคนของเรา เรารู้สึกว่ายังไงเราก็ติดแต่ผลสุดท้ายคือเพื่อนเราติดแต่เราไม่ติดเราไม่ได้เสียใจหรืออิจฉาเพื่อนหรอกนะเรายินดีกะเพื่อนด้วยซ้ำ แต่เราเสียใจตรงที่ว่าทำไมเราทำไม่ได้เหมือนอย่างใครเขาบ้างทำไมไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้สักที อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนคงคิดว่าก็แค่นี้เองนิ ใช่ค่ะ มันแค่นี้เองทั้งๆที่มันแค่นี้ทำไมเราถึงทำไม่ได้ล่ะมันมีความน้อยใจในชีวิตอยู่ อยากทำอะไรให้พ่อแม่ได้ภูมิใจเหมือนคนอื่นบ้างบางทีเราก็อยากหายไปเลยนะ มันรู้สึกกดดันอยู่ในทุกๆวันเลยปกติเราเป็นคนไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้วคีพลุคให้ดูชิวๆแต่รอบนี้เรื่องไปค่ายเรามั่นใจมากว่าเราจะติดแต่ก็ไม่มันทำให้เราเฟลมาก ท้อแท้มากๆเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่