สวัสดีค่า หลายท่านที่ตาม ไอดี นี้อาจตกใจทำไมเป็นผู้หญิง ยืมไอดีพี่ชายมาค่ะ ดังนั้นจะไม่มีเรื่องผีและวิญญาณนะคะ พอดีไปสอบTOEIC มา และตั้งใจว่าถ้าได้คะแนนที่พอใจจะมาแชร์ให้อ่านกันค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า มีเวลาเตรียมตัว 6 วัน แบบไม่เต็ม เพราะทำงานด้วยค่ะ แต่มีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษอยู่บ้าง คือ เรียนป.โท ภาคภาษาอังกฤษ, ชอบดูรายการ LoukGolf’s English Room และดูหนังกับซีรีส์ต่างประเทศบ้าง แต่ยังคงอ่อนด้อยเรื่องของแกรมม่า และได้อ่านreview TOEIC 2019 ->
https://ppantip.com/topic/38463091 ตัดสินใจซื้อหนังสือ ผ่าโจทย์ 1000 ข้อ ข้อสอบ TOEIC ของสำนักพิมพ์ Think Beyond เล่มสีฟ้าๆค่ะ เล่มนี้มีทั้ง CD และ สามารถฟังผ่านมือถือได้ด้วยค่ะ ถ้าทำในหนังสือได้ สอบได้สบาย เพราะในหนังสือ ยากกว่าข้อสอบจริง คหสต นะคะ
ก่อนหน้าจะเริ่มฝึกทำในหนังสือ เราเลยไปลองหา youtube เพื่อศึกษาดูก่อนว่า ข้อสอบเป็นอย่างไร เพราะเคยสอบไปแล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ก็เหมือน สอบครั้งแรกได้เลยค่ะ เราไปเจอคลิปของครูเมย์ ->
https://www.youtube.com/watch?v=b55ewYTG9Z0 สามารถฟังที่เป็น Partๆ พวกนี้ เลือกปี 2018 หน่อยนะ ได้หมดเลย ฟังช่วงกลางวันพักเที่ยง หรือ ระหว่างไป-กลับ ทำงานก็ได้
หลังจากนั้น เราก็เริ่มฝึกทำในหนังสือ ทำวันละ 1 test พอ จะได้ไม่หนักเกินไป เพราะถ้าเราฝืนทำเกินกำลังจะมีแต่ผลเสียนะคะ ทำเสร็จก็ ระหว่างตรวจพาร์ท listening ฟังไปอีกรอบด้วยนะคะ และศัพท์ไหนที่ไม่ได้จดออกมาค่ะ ส่วนการตรวจพาร์ท reading ศัพท์ และแกรมม่าอันนั้นที่ไม่ได้จดออกมาเช่นกันค่ะ การจดจะทำให้เราจำได้มากขึ้นนะคะ
และเราก็ทำมาจนครบ 5 test ในหนังสือค่ะ เวลาที่เราเริ่มฝึกคือ 21.30 – 00.30 น. วันอาทิตย์ที่20 วันจันทร์ที่ 21 และงานก็เข้าค่ะ านเยอะมากจนไม่สามารถทำแบบฝึกหัดต่อได้ เลยต้องหยุด มาเริ่มใหม่ที่ วันจันทร์ที่ 28 และ วันอังคารที่ 29 วันพุธที่ 30 ตุลาคม ค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าจะสอบ วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน แต่ช้าแต่ โทรไปจองวันที่ 31 ทางศูนย์บอกว่าเต็มล๊าววววววววว เลยต้องเป็นวันศุกร์ที่ 1 พ.ย. ช่วงบ่ายแทนค่ะ เลยแบบเอาก็เอา คิดว่า ลองดูก่อน ถ้าเลื่อนมันก็จะไปไกลอีก และถือคติที่ว่า ถ้ารอพร้อม เราก็จะไม่ได้ทำอะไรสักที
อ๋อ ลืมบอกว่า พอเราเห็นสิ่งที่เราทำในแบบฝึกหัดอ่ะ เราก็จะรู้ละว่าเราอ่อนตรงไหน ส่วนเราคือ แกรมม่าจ้า เราเลย ไปหา youtube อีกละ ที่สอนเรื่องแกรมม่า เหลือเวลาที่ 1 วันคือ วันที่ 31 ต.ค. จ้า เลยเจออันนี้ครูดิว
https://www.youtube.com/watch?v=80MNVYYUiFA คือแบบตลกมาก และเข้าใจง่ายด้วย
และก็มาถึงวันสอบ...... มาถึงตึก BB Building เวลา 11.30 น. เลยหาอะไรทาน แต่ทานไม่ลงเพราะความตื่นเต้น ต้องมานั่งสงบสติอารมณ์ แล้วทานไปค่ะ ดื่มน้ำเปล่านะคะ ^^ สมองเราต้องการน้ำเปล่า ให้เราคิดว่า เราเตรียมตัวมาพร้อม อย่างเต็มกำลังที่เราทำได้แล้ว อะไรจะเกิดต่อไปนี้ ก็ช่างมัน พอเที่ยงก็ลงทะเบียนเสร็จสรรพ เอาของไปเก็บ อ๋อลืมบอกว่า ไม่ควรอ่านอะไรก่อนสอบแล้วนะ อย่างน้อย ครึ่งชั่วโมง มือถือก็เช่นกัน เพราะจะรบกวนสมาธิ และทำให้เราลน
พอ 12.30 โดยประมาณ เจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าห้องสอบ จะต้องตรวจโลหะ และหลังหูก่อน แล้วจะบอกว่าให้เราไปนั่งตรงไหน เราว่าส่วนหนึ่ง เราได้ที่นั่งโอเคด้วยอ่ะ F3 คือลำโพงหันมาทางเราพอดี และไม่ชิดกับลำโพง มีอีก 2แถว และทางเดิน ระหว่างนี้ก็ตั้งสติและสมาธิเลยนะคะ หายใจเข้าออกยาวๆ คิดว่าเราทำได้ๆๆๆๆ
และถึงเวลาเริ่มทำข้อสอบ
พาร์ท listening 45นาที มันก็จะมีบางข้อที่หลุด และไม่มั่นใจละ ให้ช่างมันนะคะ อย่าตัดสินใจนาน เพราะมันจะทำให้เราหลุดข้ออื่นไป ให้คิดว่าไม่เป็นไรข้ออื่นยังมี
*listening part 1 หลักการคือ อะไรที่ไม่มีในภาพ ห้ามมโนไปเองว่า น่าจะเป็นแบบนี้
**listening part 2 หลักการคือ ถาม What where who when why ให้ตอบตามคำถาม เช่นถาม when คือเมื่อไหร่ คำตอบจะต้องเกี่ยวข้องกับเวลา อย่าคิดไปเอง จับหัวคำถามให้ได้ ถ้าหลุดนะ ให้เลือกข้อที่ไม่มีศัพท์ หรือ คำพ้องเสียงในคำถาม แต่ใช้ไม่ได้หมดนะ แต่ก็ส่วนใหญ่ค่ะ
*** listening part 3-4 ต้องอ่านคำถามและคำตอบก่อนนะคะ เพราะจะทำให้เราจำบทสนทนาได้ค่ะ และเหมือนเดิมอย่าลังเลนาน ตัดสินใจเลยค่ะ เพราะถ้าเราฝนคำตอบไม่ทัน เราก็จะไม่มีเวลาไปอ่านคำถามและคำตอบข้อถัดไปนะคะ***
Reading Part 75 นาที แนะนำให้ไปทำ *part 7* ก่อนนะคะ เพราะส่วนตัวเคยลองทำตามลำดับแล้ว จะหมดแรงตอน part 7 แล้วเราจะลนลานเวลาเจ้าหน้าที่ขานเวลาค่ะ เริ่มจากคำถาม 195-200 เลยค่ะ เพราะคำตอบมีอยู่ใน บทความแล้วแน่ๆ แต่อันนี้เราใช้เวลาเยอะไปหน่อย เลยทำให้มีเวลาทำ Part 5-6 แค่ 30 นาที
*Part 5* อ่านแล้วตอบเลยค่ะ เพราะมันจะไม่ทัน จะเทสเรื่องศัพท์และแกรมม่าค่ะ
*Part 6* เทสเรื่องศัพท์ และแกรมม่าเหมือนกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่า อ่านแค่ประโยคที่เขา เว้นว่างไว้ก็พอตอบได้แล้วนะคะ ถ้ามีเวลาค่อยกลับมาตรวจทานใหม่ค่ะ
หวังว่า จะมีประโยชน์กับทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะคะ
แชร์ประสบการณ์การสอบ TOEIC สดๆ แต่ไม่ร้อนมาก 1/11/19
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า มีเวลาเตรียมตัว 6 วัน แบบไม่เต็ม เพราะทำงานด้วยค่ะ แต่มีพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษอยู่บ้าง คือ เรียนป.โท ภาคภาษาอังกฤษ, ชอบดูรายการ LoukGolf’s English Room และดูหนังกับซีรีส์ต่างประเทศบ้าง แต่ยังคงอ่อนด้อยเรื่องของแกรมม่า และได้อ่านreview TOEIC 2019 -> https://ppantip.com/topic/38463091 ตัดสินใจซื้อหนังสือ ผ่าโจทย์ 1000 ข้อ ข้อสอบ TOEIC ของสำนักพิมพ์ Think Beyond เล่มสีฟ้าๆค่ะ เล่มนี้มีทั้ง CD และ สามารถฟังผ่านมือถือได้ด้วยค่ะ ถ้าทำในหนังสือได้ สอบได้สบาย เพราะในหนังสือ ยากกว่าข้อสอบจริง คหสต นะคะ
ก่อนหน้าจะเริ่มฝึกทำในหนังสือ เราเลยไปลองหา youtube เพื่อศึกษาดูก่อนว่า ข้อสอบเป็นอย่างไร เพราะเคยสอบไปแล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ก็เหมือน สอบครั้งแรกได้เลยค่ะ เราไปเจอคลิปของครูเมย์ -> https://www.youtube.com/watch?v=b55ewYTG9Z0 สามารถฟังที่เป็น Partๆ พวกนี้ เลือกปี 2018 หน่อยนะ ได้หมดเลย ฟังช่วงกลางวันพักเที่ยง หรือ ระหว่างไป-กลับ ทำงานก็ได้
หลังจากนั้น เราก็เริ่มฝึกทำในหนังสือ ทำวันละ 1 test พอ จะได้ไม่หนักเกินไป เพราะถ้าเราฝืนทำเกินกำลังจะมีแต่ผลเสียนะคะ ทำเสร็จก็ ระหว่างตรวจพาร์ท listening ฟังไปอีกรอบด้วยนะคะ และศัพท์ไหนที่ไม่ได้จดออกมาค่ะ ส่วนการตรวจพาร์ท reading ศัพท์ และแกรมม่าอันนั้นที่ไม่ได้จดออกมาเช่นกันค่ะ การจดจะทำให้เราจำได้มากขึ้นนะคะ
และเราก็ทำมาจนครบ 5 test ในหนังสือค่ะ เวลาที่เราเริ่มฝึกคือ 21.30 – 00.30 น. วันอาทิตย์ที่20 วันจันทร์ที่ 21 และงานก็เข้าค่ะ านเยอะมากจนไม่สามารถทำแบบฝึกหัดต่อได้ เลยต้องหยุด มาเริ่มใหม่ที่ วันจันทร์ที่ 28 และ วันอังคารที่ 29 วันพุธที่ 30 ตุลาคม ค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าจะสอบ วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน แต่ช้าแต่ โทรไปจองวันที่ 31 ทางศูนย์บอกว่าเต็มล๊าววววววววว เลยต้องเป็นวันศุกร์ที่ 1 พ.ย. ช่วงบ่ายแทนค่ะ เลยแบบเอาก็เอา คิดว่า ลองดูก่อน ถ้าเลื่อนมันก็จะไปไกลอีก และถือคติที่ว่า ถ้ารอพร้อม เราก็จะไม่ได้ทำอะไรสักที
อ๋อ ลืมบอกว่า พอเราเห็นสิ่งที่เราทำในแบบฝึกหัดอ่ะ เราก็จะรู้ละว่าเราอ่อนตรงไหน ส่วนเราคือ แกรมม่าจ้า เราเลย ไปหา youtube อีกละ ที่สอนเรื่องแกรมม่า เหลือเวลาที่ 1 วันคือ วันที่ 31 ต.ค. จ้า เลยเจออันนี้ครูดิว https://www.youtube.com/watch?v=80MNVYYUiFA คือแบบตลกมาก และเข้าใจง่ายด้วย
และก็มาถึงวันสอบ...... มาถึงตึก BB Building เวลา 11.30 น. เลยหาอะไรทาน แต่ทานไม่ลงเพราะความตื่นเต้น ต้องมานั่งสงบสติอารมณ์ แล้วทานไปค่ะ ดื่มน้ำเปล่านะคะ ^^ สมองเราต้องการน้ำเปล่า ให้เราคิดว่า เราเตรียมตัวมาพร้อม อย่างเต็มกำลังที่เราทำได้แล้ว อะไรจะเกิดต่อไปนี้ ก็ช่างมัน พอเที่ยงก็ลงทะเบียนเสร็จสรรพ เอาของไปเก็บ อ๋อลืมบอกว่า ไม่ควรอ่านอะไรก่อนสอบแล้วนะ อย่างน้อย ครึ่งชั่วโมง มือถือก็เช่นกัน เพราะจะรบกวนสมาธิ และทำให้เราลน
พอ 12.30 โดยประมาณ เจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าห้องสอบ จะต้องตรวจโลหะ และหลังหูก่อน แล้วจะบอกว่าให้เราไปนั่งตรงไหน เราว่าส่วนหนึ่ง เราได้ที่นั่งโอเคด้วยอ่ะ F3 คือลำโพงหันมาทางเราพอดี และไม่ชิดกับลำโพง มีอีก 2แถว และทางเดิน ระหว่างนี้ก็ตั้งสติและสมาธิเลยนะคะ หายใจเข้าออกยาวๆ คิดว่าเราทำได้ๆๆๆๆ
และถึงเวลาเริ่มทำข้อสอบ
พาร์ท listening 45นาที มันก็จะมีบางข้อที่หลุด และไม่มั่นใจละ ให้ช่างมันนะคะ อย่าตัดสินใจนาน เพราะมันจะทำให้เราหลุดข้ออื่นไป ให้คิดว่าไม่เป็นไรข้ออื่นยังมี
*listening part 1 หลักการคือ อะไรที่ไม่มีในภาพ ห้ามมโนไปเองว่า น่าจะเป็นแบบนี้
**listening part 2 หลักการคือ ถาม What where who when why ให้ตอบตามคำถาม เช่นถาม when คือเมื่อไหร่ คำตอบจะต้องเกี่ยวข้องกับเวลา อย่าคิดไปเอง จับหัวคำถามให้ได้ ถ้าหลุดนะ ให้เลือกข้อที่ไม่มีศัพท์ หรือ คำพ้องเสียงในคำถาม แต่ใช้ไม่ได้หมดนะ แต่ก็ส่วนใหญ่ค่ะ
*** listening part 3-4 ต้องอ่านคำถามและคำตอบก่อนนะคะ เพราะจะทำให้เราจำบทสนทนาได้ค่ะ และเหมือนเดิมอย่าลังเลนาน ตัดสินใจเลยค่ะ เพราะถ้าเราฝนคำตอบไม่ทัน เราก็จะไม่มีเวลาไปอ่านคำถามและคำตอบข้อถัดไปนะคะ***
Reading Part 75 นาที แนะนำให้ไปทำ *part 7* ก่อนนะคะ เพราะส่วนตัวเคยลองทำตามลำดับแล้ว จะหมดแรงตอน part 7 แล้วเราจะลนลานเวลาเจ้าหน้าที่ขานเวลาค่ะ เริ่มจากคำถาม 195-200 เลยค่ะ เพราะคำตอบมีอยู่ใน บทความแล้วแน่ๆ แต่อันนี้เราใช้เวลาเยอะไปหน่อย เลยทำให้มีเวลาทำ Part 5-6 แค่ 30 นาที
*Part 5* อ่านแล้วตอบเลยค่ะ เพราะมันจะไม่ทัน จะเทสเรื่องศัพท์และแกรมม่าค่ะ
*Part 6* เทสเรื่องศัพท์ และแกรมม่าเหมือนกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่า อ่านแค่ประโยคที่เขา เว้นว่างไว้ก็พอตอบได้แล้วนะคะ ถ้ามีเวลาค่อยกลับมาตรวจทานใหม่ค่ะ
หวังว่า จะมีประโยชน์กับทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะคะ