จากกระทู้นี้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://m.ppantip.com/topic/39034998?
แผนคร่าวๆที่เคยว่างคือผ่อนไปเดี๋ยวก็จบเพราะงวดสุดท้ายที่คำนวณคือ ม.ค. 64
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังจากตั้งกระทู้แล้วพอจบเดือน ก.ค. กลายเป็นหนี้ทุกอย่าง บ้าน และเงินกู้ ถูกโอนมาเป็นของเราหลังจากการพูดคุย โดยเราบอกแค่ว่าเราผ่อนบ้านด้วย กรรมสิทธิ์บ้านต้องเป็นของเรา แล้วเราก็จ่ายค่าผ่อนที่พี่สาวผ่อนมาคืน
โดยตอนนี้ค่าใช้จ่ายเป็น
ค่าผ่อนบ้าน 6000 บาท
ผ่อนเงินกู้ 5000 บาท
ส่งให้พ่อเดือนละ 4000 บาท แม่ทำงานอีกจังหวัดไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ส่วนค่าน้ำค่าไฟ คนละครึ่งกับพี่สาว
โดนพี่สาวยืมเงินตลอดตั้งแต่พี่ย้สยเข้ามาอยู่ด้วย เดือนละ 1000- 3000 บาท
มันก็เรื่อยมาจนถึงเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา เมื่อแม่เราโทรมาบอกว่าคิดว่าอยากจะซื้อ เพราะแม่เราลงมาทำงานกับน้าที่อีกจังหวัดค่ะ ได้ค่าจ้างพอใช้อยู่ (เพราะบ้านที่ไปปลูกอยู่ไม่มีที่ทำกิน ร้านที่ขายกับข้าวมันเงียบมากจนต้องปิด แล้วแม่เราไม่สามารถใช้ชีวิตเกษียณแบบอยู่นิ่งๆได้ เพราะเราอาจจะส่งเงินให้น้อย และปัจจัยหลายๆอย่าง) แต่กลายเป็นแยกกันอยู่กับพ่อเรา พ่อเราอายุเยอะแล้วค่ะ ก็เป็นห่วงทั้งคู่
เรื่องที่เข้ามาทำให้คิดว่าการขายออกน่าจะดีที่สุด เป็นเรากับแม่ที่คิด (จริงๆ bias เพราะเรามองว่ามันเป็นภาระไปแล้ว เพราะไม่คิดจะอยู่ต่อแน่ในอนาคต) ที่คุยกันกับแม่คือ ขายบ้านปิดหนี้ทั้งหมด คือ
1. หนี้บ้านที่ผ่อนยังไม่หมด
2. หนี้ป้าที่กู้มา
3. หนี้กยศ.ของพี่สาว
(2 กับ 3 ถือว่าเป็นหนี้ที่แม่ส่งเราเรียนไป)
เหลือเงินเท่าไหร่ก็ให้แม่แบ่งไปซื้อที่ เหลือแล้วก็ค่อยให้แบ่งให้เรากับพี่สาว ตอนแรกเราคิดว่าไม่ต้องแบ่งแต่แม่อยากให้ก็ไม่ขัด เราเลยบอกพี่สาวเราเรื่องนี้กลายเป็นว่าพี่สาวเราโทรไปว่าแม่กับเราว่าเห็นแก่ตัว ให้เค้าย้ายเข้ามาอยู่แล้วก็จะขายบ้าน แล้วครอบครัวเค้าจะไปอยู่ที่ไหน แม่เราโทรมาเล่าให้ฟังนะคะ ตามคำพูด
อยากจะถามว่าจะบอกยังไงดีหละให้พี่ยอมรับการขายบ้านไม่ใช้วิธีเอาบ้านเข้าธนาคารเพื่อกู้เงินเพิ่ม (โดยชื่อผํ้กู้คือชื่อเรา แน่นอนที่สุด) หรือจะใช้วิธีไหนดีที่สุดที่ทุกคน win win
คือที่เราคิดว่าเราจะบอกพี่สาวตามที่เราคิดแหละว่า
บ้าน=เงินเกษียณแม่แหละ มันเป็นสิทธิของแม่ที่จะนำเงินตัวเองมาใช้
หนี้จากการเรียนของลูกทั้งสองคน = หน้าที่ที่ผปค.ที่มีบุตรสมควรจะกระทำโดยการส่งเสียให้เรียนเพื่อที่จะทำมาหากินกันได้นั้นถือเป็นการทำหน้าที่ที่ดีที่สุดของผปค.
เงินที่เหลือ = มรดกที่แม่ให้ก่อนเลยเอาไปตั้งตัว เหมือนของขวัญเรียนจบ
อันนี้เป็นความเห็นเราเองทั้งหมดนะคะ จริงๆที่ตั้งกระทู้มาทั้งอยากระบายและหาคำตอบหรือทางที่เราอาจจะยังมองไม่เห็น
เราเห็นแก่ตัวไหมถ้าเราจะขายบ้าน แล้วแยกออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แผนคร่าวๆที่เคยว่างคือผ่อนไปเดี๋ยวก็จบเพราะงวดสุดท้ายที่คำนวณคือ ม.ค. 64
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องที่เข้ามาทำให้คิดว่าการขายออกน่าจะดีที่สุด เป็นเรากับแม่ที่คิด (จริงๆ bias เพราะเรามองว่ามันเป็นภาระไปแล้ว เพราะไม่คิดจะอยู่ต่อแน่ในอนาคต) ที่คุยกันกับแม่คือ ขายบ้านปิดหนี้ทั้งหมด คือ
1. หนี้บ้านที่ผ่อนยังไม่หมด
2. หนี้ป้าที่กู้มา
3. หนี้กยศ.ของพี่สาว
(2 กับ 3 ถือว่าเป็นหนี้ที่แม่ส่งเราเรียนไป)
เหลือเงินเท่าไหร่ก็ให้แม่แบ่งไปซื้อที่ เหลือแล้วก็ค่อยให้แบ่งให้เรากับพี่สาว ตอนแรกเราคิดว่าไม่ต้องแบ่งแต่แม่อยากให้ก็ไม่ขัด เราเลยบอกพี่สาวเราเรื่องนี้กลายเป็นว่าพี่สาวเราโทรไปว่าแม่กับเราว่าเห็นแก่ตัว ให้เค้าย้ายเข้ามาอยู่แล้วก็จะขายบ้าน แล้วครอบครัวเค้าจะไปอยู่ที่ไหน แม่เราโทรมาเล่าให้ฟังนะคะ ตามคำพูด
อยากจะถามว่าจะบอกยังไงดีหละให้พี่ยอมรับการขายบ้านไม่ใช้วิธีเอาบ้านเข้าธนาคารเพื่อกู้เงินเพิ่ม (โดยชื่อผํ้กู้คือชื่อเรา แน่นอนที่สุด) หรือจะใช้วิธีไหนดีที่สุดที่ทุกคน win win
คือที่เราคิดว่าเราจะบอกพี่สาวตามที่เราคิดแหละว่า
บ้าน=เงินเกษียณแม่แหละ มันเป็นสิทธิของแม่ที่จะนำเงินตัวเองมาใช้
หนี้จากการเรียนของลูกทั้งสองคน = หน้าที่ที่ผปค.ที่มีบุตรสมควรจะกระทำโดยการส่งเสียให้เรียนเพื่อที่จะทำมาหากินกันได้นั้นถือเป็นการทำหน้าที่ที่ดีที่สุดของผปค.
เงินที่เหลือ = มรดกที่แม่ให้ก่อนเลยเอาไปตั้งตัว เหมือนของขวัญเรียนจบ
อันนี้เป็นความเห็นเราเองทั้งหมดนะคะ จริงๆที่ตั้งกระทู้มาทั้งอยากระบายและหาคำตอบหรือทางที่เราอาจจะยังมองไม่เห็น