สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานกับพันทิปเพราะเราไม่ได้ล็อคอินเข้ามาเลย วันนี้เลยจะมารีวิวสั้นๆก่อนการเป็นนักเรียนในประเทศจีนค่ะ

ก่อนอื่นเลยเราต้องบอกว่าคนส่วนใหญ่ที่มาประเทศจีน ถ้าไม่ได้มาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมก็ต้องมาเรียนภาษาจีนแน่นอน และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เริ่มจากเราเรียนสายศิลป์-ภาษาจีน ตอนมัธยมปลายและมีความคิดว่าถ้าเรียนภาษาแล้วไม่ได้ใช้กับเจ้าของภาษาถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงหาข้อมูลการเรียนต่อปริญญาตรีที่จีน (เราไม่ได้เลือกไปแลกเปลี่ยนเพราะตอนนั้นจบม.6แล้ว คิดได้ก็สายไป TT) ปรึกษาครูที่โรงเรียนและรุ่นพี่ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปเรียน ป.ตรี ที่จีนมีทุนให้นะ ตอนนั้นเราคิดว่าเป็นทุนสนับสนุนบางส่วน ที่ไหนได้มันคือทุนเต็มจำนวน ที่มีค่าเทอม ค่าประกันสุขภาพ ค่าหอและค่าใช้จ่ายรายเดือนให้ แถมไม่มีข้อผูกมัดอะไรด้วย

ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนมิถุนายน ทุนต่างๆ ปิดรับสมัครไปแล้ว เพราะ ม.จีนเปิดเดือนกันยายน เราพยายามหาทุกช่องทางการรับทุน ทั้งเว็บไทย เว็บจีน เราต้องไปให้ได้ ทางบ้านจะได้ไม่ต้องส่งเราเรียนด้วย ช่วยทางบ้านอีกแรง  และเราก็ไปเจอโพสต์นึงจากกลุ่มเรียนจีนเป็นโพสต์รับสมัครนักเรียนที่จบม.6และต้องการเรียนสาขาจีนธุรกิจของบริษัทไซโนวาส พาไปเรียนที่ Nanjing University ม.อันดับต้นๆของจีนเลย ตอนแรกเรากลัวมากเพราะม.ดัง เปอร์เซ็นต์การแข่งขันก็สูง ถ้าเราสมัครไปแล้วก็ไม่รู้ตอนประกาศผลจะชนกับม.อื่นมั้ย 

แต่ทำไงได้มันไม่มีเวลาให้คิดแล้วเราเลยติดต่อกับทางเฟซบุคเพจไป เพจชื่อ Nanjing university-th เท่าที่รู้มาไซโนวาสเป็นศูนย์รับสมัครของม.หนานจิงประจำประเทศไทยนะ อย่างที่เราบอก เราขอคำปรึกษากับรายละเอียดเพิ่มเติมไป พี่เขาบอกให้เรากรอกข้อมูลใส่เว็บเรียนต่อของจีนทีละขั้นตอนเลย ช่องไหนใส่อะไรบอกหมด และให้เราส่งเอกสารแบบด่วนเพราะมันใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ดีที่เรามีเอกสารทุกอย่างครบเลยทั้งใบสอบ ＨＳＫใบตรวจสุขภาพ พาสปอร์ต ฯลฯ เพื่อความชัวร์เราเลยไปส่งด้วยตัวเองที่สำนักงานเลย (ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นไปส่งที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์) หลังจากนั้นเราก็จ้องแต่มือถือ เพราะไม่รู้ ม.จะรับเราเข้าเรียนเมื่อไหร่ ต้องเช็คเมลบ่อยๆ
เราเรียนที่คณะนานาชาติ 海外教育学院 สาขาภาษาจีนธุรกิจ (ถ้าใครมาม.นี้ด้วยทุนขงจื๊อ จะได้เรียนสาขาการสอน) 
ปี 1 เราได้อยู่หอเดียวกับเพื่อนคนไทย ห้องนึงนอนสามคน มีห้องนั่งเล่น ห้องน้ำห้องครัวให้พร้อมเลย เรื่องเรียนจะต่างกับม.ที่ไทย เพราะที่จีนเราเรียนเป็นห้องเล็กๆ เหมือนตอนเรียนมัธยม 1 คาบเรียน 50 นาที เบรค 10 นาที วิชานึงเรียน 2 คาบ ก็ 100 นาที วันนึงก็2-3 วิชา วิชาเลือกมีให้เรียนกีฬา ไทเก๊ก เปียโน วาดภาพสีน้ำมัน ดูอะนิเมะ กฎหมายเบื้องต้น  ภาษามือ เป็นต้น ในทุกๆปีคณะจะจัดงานทัศนศึกษา อย่างปีก่อนเราไปเมืองเจิ้นเจียง ดูสถาปัตย์ของวัดวา ส่วนปีนี้ก็ไปเจียงหนิง 牛首山 

ส่วนปี 2019 เราได้อยู่หอเดี่ยวแล้ว เพราะเขาสร้างให้ใหม่สำหรับเด็กต่างชาติที่ได้รับทุนมาเลย มีห้องน้ำในตัว โต๊ะตู้ทีวีwifiส่วนตัวและมีครัวรวมให้ ส่วนใครที่มาทุนตัวเองจะอยู่อีกตึกนึงนะ มาใช้ชีวิตที่จีนต้องเดินอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ2กม.แน่ๆ เพราะเราไปเรียนก็ต้องเดินจากหอ 7-800เมตรเลย โรงอาหารก็ห่างจากตึกเรียนไปอีก500เมตร ยกตัวอย่างเราจะเดินจากหอไปกินข้าวโรงอาหารก็ต้องเดินไปกลับเกือบ 2 กม. เลย แต่ที่จีนก็มีจักรยานให้เช่าปั่นรายครั้ง 1.5หยวน  มี外卖 สั่งอาหารเหมือนฟู้ดแพนด้า
 ข้อดีของการได้ทุนรัฐบาลคือ เราไม่ต้องรักษาระดับของคะแนนสอบให้สูงเหมือนทุนอื่นๆ เกณฑ์ผ่านคือ 60/100 แต่การได้ทุนรัฐมาก็ยากเช่นกัน  ถ้ามีหลายตัวมากก็ไม่ดีต่อการขอทุนในปีถัดไป รักษาระดับคือดีกว่าอยู่แล้ว ขอจบต้องสอบผ่านระดับ 6 การพูดระดับสูงและเขียนวิทยานิพนธ์จบอีกหนึ่งเล่ม