ปัจจุบันผมเป็นพนักงานบริษัทครับ อายุ28
รายได้ต่อเดือนประมาณ38,000บาทครับ
มีผ่อนรถยนต์1คันครับงวดละเกือบๆ15,000บาท ปัจจุบันเหลือประมาณ3ปีนิดๆครับ
แต่ค่าที่พักอาศัยไม่มีครับ
เพราะอยู่บ้านกับพ่อแม่
แต่ปัญหามันเกิดตรงที่เมื่อปี2561 ญาติของผม ขอยืมเงินไปลงทุนเปิดกิจการครับ โดยเสนอจะให้ดอกเบี้ย10%/เดือน
ผมซึ่งมีเงินเก็บอยู่5หมื่นบาท ผมก็เลยให้เขายืมไปลงทุนครับ(ญาติผมค่อนข้างมีฐานะครับ มีธุรกิจหลายอย่าง ผมจึงตัดสินใจให้เขายืมเงินครับ)
2-3เดือนแรกเขาก็ให้ดอกเบี้ยปกติ
ผมจึงไปรูดซื้อสร้อยทอง3บาท ผ่อน10เดือน เดือนละประมาณ68,000ครับโดยที่ผมจ่ายเพิ่มเดือนละประมาณ1,800บาท เพราะตอนแรกคิดว่า
เงินที่ผมได้เป็นค่าดอกเบี้ยต่อเดือนมา ถ้าผมไม่ซื้ออะไรมันก็จะหมดไปกับค่ากินค่าเที่ยว
แล้วปัญหาก็เกิดครับ เดือนนั้นญาติผมมีปัญหาทางธุรกิจครับ หมุนเงินไม่ทัน เขาจึงมาขอยืมเงินผมเพิ่มอีก1แสนบาท เพราะว่าเดือดร้อนจริงๆ ผมเลยนำทองที่พึ่งซื้อมาได้ประมาณ3-4วัน เอาไปขาย แล้วก็กดเงินสดในบัตรเครดิตอีก40,000เพื่อให้เขานำเงินไปหมุนครับ หลังจากเดือนนั้นผมก็ไม่เคยได้ดอกเบี้ยอีกเลยครับ แล้วรายจ่ายต่อเดือนผมก็ไม่พอจ่ายค่ารถ ค่าบัตร หมุนตัวเป็นเกลียว
จนตอนนี้ผ่านมาประมาณ1ปี ผมมีหนี้บัตรเครดิคประมาณ150,000บาทครับ (บัตรเครดิต2ใบครับ ใบแรกเป็นแบบผ่อนของครับ แต่ว่าสามารถกดเงินสดออกมาได้ แล้วผ่อน 6เดือน10เดือนครับ ยอดประมาณ80,000 แต่ใบที่2เป็นบัตรกดเงินสดยอดประมาณ70,000ครับ)ค่าบัตรเครดิตที่ผมต้องจ่ายต่อเดือนประมาณ20,000ครับ
รวมค่ารถค่ากินค่าน้ำมัน ทำให้ต่อเดือนผมไม่พอใช้ พอจ่ายค่าบัตรไป ก็ต้องกดออกมาใช้ใหม่ วนลูบไปเรื่อยๆครับ
ส่วนทางญาติผม ผมก็ขอแค่ต้นคืนครับ แต่ดูแล้วไม่มีวี่แววที่จะได้คืนเลย เพราะว่าผมมารู้ตอนหลังว่าเขาเป็นหนี้นอกระบบด้วยครับ
ผ่านมาปีนึงหนี้ไม่ลดเลยครับ แถมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แล้วผมไปเจอสินเชื่อของธนาคารแห่งนึง ให้กู้ได้5เท่าของเงินเดือนเพื่อเอามาปิดบัตรเครดิตครับ แต่ว่าผ่อนเดือนละประมาณ5,000บาท 5ปีครับ
ผมจึงอยากมาสอบถามพี่ในพันทิปครับ ว่าผมควรจะไปกู้เงินธนาคารเพื่อมาปิดบัตรเครดิตดีไหมครับ หรือควรทำยังไงกับชีวิตดีครับ ยอมรับว่าสาเหตุส่วนนึงมาจากความโลภและไม่ไตร่ตรองให้ดีของผมเองครับ แต่ตอนนี้เหนื่อยและท้อเหลือเกิน เงินเราเขาเอาไปใช้หมดแต่เราต้องมารับปัญหาหนี้สิน
ปล.โพสต์ครั้งแรกครับ ถ้าอ่านแล้วทำให้สับสน หรือเรียบเรียงคำ ประโยคไม่ดี ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ
ทำอย่างไรกับหนี้บัตรเครดิตดีครับ
รายได้ต่อเดือนประมาณ38,000บาทครับ
มีผ่อนรถยนต์1คันครับงวดละเกือบๆ15,000บาท ปัจจุบันเหลือประมาณ3ปีนิดๆครับ
แต่ค่าที่พักอาศัยไม่มีครับ
เพราะอยู่บ้านกับพ่อแม่
แต่ปัญหามันเกิดตรงที่เมื่อปี2561 ญาติของผม ขอยืมเงินไปลงทุนเปิดกิจการครับ โดยเสนอจะให้ดอกเบี้ย10%/เดือน
ผมซึ่งมีเงินเก็บอยู่5หมื่นบาท ผมก็เลยให้เขายืมไปลงทุนครับ(ญาติผมค่อนข้างมีฐานะครับ มีธุรกิจหลายอย่าง ผมจึงตัดสินใจให้เขายืมเงินครับ)
2-3เดือนแรกเขาก็ให้ดอกเบี้ยปกติ
ผมจึงไปรูดซื้อสร้อยทอง3บาท ผ่อน10เดือน เดือนละประมาณ68,000ครับโดยที่ผมจ่ายเพิ่มเดือนละประมาณ1,800บาท เพราะตอนแรกคิดว่า
เงินที่ผมได้เป็นค่าดอกเบี้ยต่อเดือนมา ถ้าผมไม่ซื้ออะไรมันก็จะหมดไปกับค่ากินค่าเที่ยว
แล้วปัญหาก็เกิดครับ เดือนนั้นญาติผมมีปัญหาทางธุรกิจครับ หมุนเงินไม่ทัน เขาจึงมาขอยืมเงินผมเพิ่มอีก1แสนบาท เพราะว่าเดือดร้อนจริงๆ ผมเลยนำทองที่พึ่งซื้อมาได้ประมาณ3-4วัน เอาไปขาย แล้วก็กดเงินสดในบัตรเครดิตอีก40,000เพื่อให้เขานำเงินไปหมุนครับ หลังจากเดือนนั้นผมก็ไม่เคยได้ดอกเบี้ยอีกเลยครับ แล้วรายจ่ายต่อเดือนผมก็ไม่พอจ่ายค่ารถ ค่าบัตร หมุนตัวเป็นเกลียว
จนตอนนี้ผ่านมาประมาณ1ปี ผมมีหนี้บัตรเครดิคประมาณ150,000บาทครับ (บัตรเครดิต2ใบครับ ใบแรกเป็นแบบผ่อนของครับ แต่ว่าสามารถกดเงินสดออกมาได้ แล้วผ่อน 6เดือน10เดือนครับ ยอดประมาณ80,000 แต่ใบที่2เป็นบัตรกดเงินสดยอดประมาณ70,000ครับ)ค่าบัตรเครดิตที่ผมต้องจ่ายต่อเดือนประมาณ20,000ครับ
รวมค่ารถค่ากินค่าน้ำมัน ทำให้ต่อเดือนผมไม่พอใช้ พอจ่ายค่าบัตรไป ก็ต้องกดออกมาใช้ใหม่ วนลูบไปเรื่อยๆครับ
ส่วนทางญาติผม ผมก็ขอแค่ต้นคืนครับ แต่ดูแล้วไม่มีวี่แววที่จะได้คืนเลย เพราะว่าผมมารู้ตอนหลังว่าเขาเป็นหนี้นอกระบบด้วยครับ
ผ่านมาปีนึงหนี้ไม่ลดเลยครับ แถมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แล้วผมไปเจอสินเชื่อของธนาคารแห่งนึง ให้กู้ได้5เท่าของเงินเดือนเพื่อเอามาปิดบัตรเครดิตครับ แต่ว่าผ่อนเดือนละประมาณ5,000บาท 5ปีครับ
ผมจึงอยากมาสอบถามพี่ในพันทิปครับ ว่าผมควรจะไปกู้เงินธนาคารเพื่อมาปิดบัตรเครดิตดีไหมครับ หรือควรทำยังไงกับชีวิตดีครับ ยอมรับว่าสาเหตุส่วนนึงมาจากความโลภและไม่ไตร่ตรองให้ดีของผมเองครับ แต่ตอนนี้เหนื่อยและท้อเหลือเกิน เงินเราเขาเอาไปใช้หมดแต่เราต้องมารับปัญหาหนี้สิน
ปล.โพสต์ครั้งแรกครับ ถ้าอ่านแล้วทำให้สับสน หรือเรียบเรียงคำ ประโยคไม่ดี ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ