หลังจากที่ OPPO ได้ทำการเปิดตัว Reno2 Series นั้นเราได้รีวิวรุ่นน้องไปก่อนหน้านี้ครับ ตอนนี้มาเจอกันสำหรับรุ่นพี่ที่จัดเต็มขึ้นในหลายๆด้านกันบ้าง มาพร้อมกล้อง 4 ตัว 48MP ใช้เซนเซอร์ IMX586 และรองรับการซูมโหดๆที่ 20X และ มี Hybrid Zoom ด้วยนะ ส่วนฟีเจอร์กล้องนั้นจัดเต็มมากทั้งภาพนิ่งและวีดีโอครับงานประกอบวัสดุทำออกมาได้สวยและพรีเมี่ยมอีกรุ่นนะ การวางกล้องรวมถึงวัสดุใช้งาน Gorilla Glass 6 ด้วยในด้านหน้าจอครับ ทางด้านสเปคก็ให้มาดีพอสมควร ใช้งาน Snapdragon 730G และเอาจริงๆรุ่นนี้นั้นส่วนเด่นจริงๆคงจะเป็นกล้องหน้าหลัง และ หน้าจอแบบเต็มตาไม่มีติ่งหน้าจอด้วยครับ ถือว่าสายถ่ายภาพวีดีโอนั้นต้องไม่พลาดเลยจริงๆในรุ่นนี้
OPPO Reno2 ได้ความพรีเมี่ยมและกล้องโหดๆแบบจัดเต็ม และยังคงใช้งานวัสดุสวย งานประกอบเนียนเป็นจุดเด่นเลย อีกทั้งเรื่องกล้องหน้า 16MP เป็นกล้องหน้าแบบ Pivot Rising Camera พร้อมกับมี Soft Front Light กล้องหลังก็จัดเต็มมาให้ครับ SONY IMX586 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.2) + 13MP (f/2.4) + 2MP (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 /Ultra Dark Mode ทางด้านสเปคนั้นจะใช้งาน Snap dragon 830G + RAM 8GB + STORAGE UFS 2.1 256GB และใช้งานแบต 4,000 mAh รองรับการชาร์จไว VOOC 3.0 ถือว่าค่อนข้างจัดเต็มในแง่ของกล้องและเทคโนโลยีการออกแบบการชาร์จ ส่วนหน้าจอนั้นก็ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 6 ด้านหน้าและ Gorilla Glass 5 ในด้านหลังเลยครับถือว่าค่อนข้างดีเลยวัสดุของมัน และ ฟีเจอร์ในการถ่ายวีดีโอจัดเต็มมากครับ ทั้ง Ultra Steady / Audio ZOOM / Bokeh Effect Video / และ ไมค์ที่รองรับการอัดเสียงรอบทิศทาง และ ตัดเสียงลม
OPPO Reno2 เปิดราคาในไทยที่ 17,990 บาทมาพร้อม 2 สีครับ สีดำ Luminous Black / สีชมพู Sunset Pink สเปค Snap dragon 730G RAM 8GB Storage 256GB
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมาในลักษณะแนวยาวๆแบบเดิมครับอุปกรณ์ให้มาค่อนข้างจัดเต็มทั้งเรื่องของเคสและฟิล์มติดมาให้เรียบร้อยและมีหูฟังมาให้ครับส่วนตัวชาร์จก็ให้ตัว VOOC 3.0 มาให้เลยในกล่อง แต่ดีไซน์อะไรตัวที่ชาร์จจะแตกต่างกับรุ่น 2F เพราะในรุ่น 2 นี้นั้นจะเล็กและพกพาได้ง่ายกว่าครับ รวมๆนั้นเรียกได้ว่าอุปกรณ์ในกล่องนั้นครบพร้อมใช้ แต่ที่ชอบคือเคสที่แถมนั้นสวยและดูดีมากๆครับ ดูหรูกว่าเดิมเยอะเลย
- ตัวเครื่อง OPPO Reno2
- เคสกึ่งแข็งสีตามตัวเครื่องพร้อมเล่นลวดลายหนัง
- ฟิล์มกันรอย ติดมาเรียบร้อย
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor VOOC 3.0
- หูฟัง 3.5มม.
- ที่จิ้มซิม คู่มือ
DESIGN
ต้องบอกว่าตระกูลนี้นั้นจะค่อนข้างสวยและพรีเมี่ยมจริงๆ การออกแบบ ดีไซน์ต่อยอดจากรุ่นเดิมแต่ลงตัวขึ้น และในโทนสีชมพูนั้นจะออกด้านๆ สามารถเล่นกับแสงสีแบบมุกๆสวยงาม มองในแต่ละมุมก็สะท้อนแตกต่างกันไป และในการวางกล้องตรงกลาง เรียงกันยาวๆ 4 เลนส์สวยงามและ มี O-Dot ป้องกันเลนส์มาให้ในล่างสุดรวมถึง เขียนชื่อแบรนด์อะไรวางตรงกลางแบบที่คุ้นเคยกัน ถือว่าดีไซน์มีเอกลักษณ์ของตัวเองกันมากขึ้นในหลายๆรุ่นของแบรนด์นี้ครับอันนี้ขอชมว่าไม่เหมือนคนอื่นแล้วด้วยถือว่าเป็นตัวของตัวเองแล้วทั้งการออกแบบและพื้นผิวออกแบบ
หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED Panoramic Screen 6.5 นิ้ว Full HD+ และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.1% ขอบล่างนั้นจะบางกว่าตัว 2F
ด้านขอบบนหน้าจอนั้นไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ และเซนเซอร์ ฝังใต้หน้าจอทั้งหมด
ขอบด้านล่างทำออกมาได้บางมากครับตัวขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นทำได้เต็มกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วยเช่นกันครับ และการควบคุมนั้นสามารถเลือกใช้งานเป็นแบบเต็มหน้าจอ หรือจะเป็นปุ่มปกติก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นรุ่นนี้จะเป็นแบบ Pivot Rising ซึ่งจะเป็นแบบเดียวกับรุ่น 10X Zoom ก่อนหน้าครับส่วนกล้องหน้า 16 MP f/2.0 มาพร้อม AI Beautification และ Soft Front Light ในกล้องหน้าครับ รองรับการ ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า และ ลำโพงสนทนา มีโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน รวมถึงติดตั้ง Proximity Sensor ที่ติดตั้งไว้ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ รองรับการใช้งาน 200,000 ครั้งและใช้เวลา 0.8 วิเท่านั้น
มากันที่ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะขึ้นมา และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงก็อยู่ตรงส่วนนั้นด้วย และการออกแบบนั้นก็จะแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าครับ และมีความบางมากขึ้นและเรียบกว่าเดิมครับ
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะมี ถาดซิมแบบ Hybrid Slot และตัว ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าครับ และยัง รองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant อีกด้วย
ขอบด้านล่างเครื่อง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของช่อง Type-C และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ เเละ มีรูเสียงหูฟังแบบ 3.5 มม. ยังมีการออกแบบโค้งอะไรมาให้เหมือนเดิมทำให้ขอบดูไม่ได้หนาเกินไปด้วยนั้นเอง
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ส่วนการออกแบบฝาหลังจะโค้งลงมารับกับตัวเครื่องได้ดีครับ
ในส่วนของกล้องหลังนั้นยังคงมีเจ้าเม็ดกลมๆ O-Dot ที่จะป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนพื้นและปกป้องรอยขีดข่วนให้ครับแต่จะมาอยู่ตำแหน่งด้านล่างแทนแล้ว และจะเห็นไมค์ตัดเสียงอีกตัวครับ ส่วนกล้องหลังให้มามากถึง 4 ตัว ประกอบด้วยเลนส์หลักเซ็นเซอร์ Sony IMX586 48MP (f/1.7) + เลนส์ซูม 13MP (f/2.4) + เลนส์ Wide Angle 116 องศา 8MP + เลนส์ Mono จับความลึก 2MP และ สามารถใช้งาน Optical ซูมได้ 2X / แบบ Hybrid ได้ 5X / ซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20X
ยังคงจุดเด่นของมันคือการออกแบบ ฝาหลังเรียบไปชิ้นเดียวกันกับเลนส์กล้อง ไม่มีส่วนนูน และให้รูปลักษณ์ที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้กล้องด้านหลังสี่ตัว ได้จัดให้อยู่ตามแนวแกนกลาง เพื่อสร้างความรู้สึกสมมาตรอีกด้วย และยังคงมีเจ้าเม็ดกลมๆ O-Dot ที่จะป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนพื้นและปกป้องรอยขีดข่วนให้ครับ และฝาหลังใช้การออกแบบที่สวยงามในส่วนของสีชมพูนั้นจะชุบแบบสูญญากาศแบบ Nano เพื่อเพิ่มพื้นผิวที่สะท้อนแสงครับ ใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยครับเอาจริงๆก็ยังคงชอบแนวทางการออกแบบและงานประกอบตระกูลนี้มากๆครับ
SPEC
- ระบบ Android 9 + ColorOS 6.1
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว Gorilla Glass 6 สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.1%
- CPU Snap dragon 730G + GPU Adreno 618
- RAM 8GB LPDDR 4x
- STORAGE 256GB UFS 2.1 รองรับ MicroSD card 256GB
- กล้องหลัง Sony IMX586 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.4) + 13MP (f/2.2) + 2MP (f/2.4), OIS + EIS, Ultra Dark Mode
- กล้องหน้า Pivot Rising Camera 16MP + Soft Front Light
- BT 5.0, USB-C
- สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ Hidden Finger print 3.0
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh + VOOC Flash Charge 3.0
- ขนาด / น้ำหนัก 160 x 74.3 x 9.5 มม. / 189 กรัม
- สีดำ Luminous Black / สีชมพู Sunset Pink
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ได้ใช้งาน Snap dragon 730G พร้อมกับใช้งาน RAM 8GB และหน่วยความจุแบบ UFS2.1 ในขนาด 256GB ครับ ในเรื่องของความแรงนั้นทำไปได้สมกับตัว CPU ของมันทำคะแนน Antutu ไปได้ 254558 และในส่วนของ DRM ข้อมูลความปลอดภัยทำได้ L1 ตามมาตรฐานครับ และ UFS ทำความเร็วอ่านเขียนไปได้ 477 และ เขียน 205 และในส่วนของคะแนน Geekbench นั้นทำได้คะแนนในส่วนของ Single Core 526 และ 1486
SOFTWARE UI
หน้าตาระบบรุ่นนี้ Colour OS 6 ร่วมกับ Android 9 การใช้งานทั่วไป แต่หน้าหลักๆนั้นยังคงมีมาคล้ายๆเดิมครับการแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอพอะไรปกติครับไอคอนเป็น ทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับหน้าตาโดยรวมยังคงทำได้ดีแบบเดิมครับเรียบขึ้นเรื่อยๆสวยงามเลยแหละคลีนๆดีครับ
เมื่อปัดนิ้วจากด้านบนลงมาจะเจอ แถบเมนูลัด หน้าตาสวยงามและดูสบายตาขึ้น โดยมีทางลัดสำหรับการตั้งค่าที่เราใข้งานการต่างๆเป็นประจำอย่าง เช่น Wi-Fi, ไฟฉาย , Bluetooth, โหมดเครื่องบิน , NFC , ตัดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ , ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นต้น ส่วนด้านล่างจะแสดงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่างๆ หากปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการขยายเมนู และสามารถใช้งานการแบ่งหน้าจอได้หลากหลายแอพที่รองรับครับผม สามารถใช้งานได้เลย ลาก 3 นิ้วขึ้นไปในแอพที่อย่ากจะแบ่งง่ายๆเลยครับ
แป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่ายและเสถียร ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 256 GB นั้นเหลือใช้งานได้ 224 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 2.92 จาก 8 GB ครับ
ส่วนการโคลนแอพ อะไรทั้งหลายก็มีมาให้ครับผม รวมถึงตัว Game Space มาใหม่อันนี้น่าสนใจยังไงไปดูในหัวข้อ Gaming ได้เลย รวมถึงกล้องหน้าในรุ่นนี้สามารถ เปลี่ยนเสียงได้ด้วย และ ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะมาให้ในการปัดมาด้านขวาในจอหลักจะคอยช่วยในการจัดการแจ้งเตือนอะไรต่างๆ หรือ ดูการใช้งานของเราว่าเน้นอะไรยังไงก็จะเสนอมาให้ใช้งานกันเลย อีกทั้งยังมีโหมดช่วยขับรถมาให้จะดูแลการแจ้งเตือน ขณะขับขี่ ในการตั้งค่าเพิ่มเติมครับ
[SR] รีวิว OPPO Reno2 พร้อม 4 กล้องหลัง จัดเต็มคุณภาพวีดีโอ และ ภาพนิ่ง !
หลังจากที่ OPPO ได้ทำการเปิดตัว Reno2 Series นั้นเราได้รีวิวรุ่นน้องไปก่อนหน้านี้ครับ ตอนนี้มาเจอกันสำหรับรุ่นพี่ที่จัดเต็มขึ้นในหลายๆด้านกันบ้าง มาพร้อมกล้อง 4 ตัว 48MP ใช้เซนเซอร์ IMX586 และรองรับการซูมโหดๆที่ 20X และ มี Hybrid Zoom ด้วยนะ ส่วนฟีเจอร์กล้องนั้นจัดเต็มมากทั้งภาพนิ่งและวีดีโอครับงานประกอบวัสดุทำออกมาได้สวยและพรีเมี่ยมอีกรุ่นนะ การวางกล้องรวมถึงวัสดุใช้งาน Gorilla Glass 6 ด้วยในด้านหน้าจอครับ ทางด้านสเปคก็ให้มาดีพอสมควร ใช้งาน Snapdragon 730G และเอาจริงๆรุ่นนี้นั้นส่วนเด่นจริงๆคงจะเป็นกล้องหน้าหลัง และ หน้าจอแบบเต็มตาไม่มีติ่งหน้าจอด้วยครับ ถือว่าสายถ่ายภาพวีดีโอนั้นต้องไม่พลาดเลยจริงๆในรุ่นนี้
OPPO Reno2 ได้ความพรีเมี่ยมและกล้องโหดๆแบบจัดเต็ม และยังคงใช้งานวัสดุสวย งานประกอบเนียนเป็นจุดเด่นเลย อีกทั้งเรื่องกล้องหน้า 16MP เป็นกล้องหน้าแบบ Pivot Rising Camera พร้อมกับมี Soft Front Light กล้องหลังก็จัดเต็มมาให้ครับ SONY IMX586 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.2) + 13MP (f/2.4) + 2MP (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 /Ultra Dark Mode ทางด้านสเปคนั้นจะใช้งาน Snap dragon 830G + RAM 8GB + STORAGE UFS 2.1 256GB และใช้งานแบต 4,000 mAh รองรับการชาร์จไว VOOC 3.0 ถือว่าค่อนข้างจัดเต็มในแง่ของกล้องและเทคโนโลยีการออกแบบการชาร์จ ส่วนหน้าจอนั้นก็ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 6 ด้านหน้าและ Gorilla Glass 5 ในด้านหลังเลยครับถือว่าค่อนข้างดีเลยวัสดุของมัน และ ฟีเจอร์ในการถ่ายวีดีโอจัดเต็มมากครับ ทั้ง Ultra Steady / Audio ZOOM / Bokeh Effect Video / และ ไมค์ที่รองรับการอัดเสียงรอบทิศทาง และ ตัดเสียงลม
OPPO Reno2 เปิดราคาในไทยที่ 17,990 บาทมาพร้อม 2 สีครับ สีดำ Luminous Black / สีชมพู Sunset Pink สเปค Snap dragon 730G RAM 8GB Storage 256GB
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมาในลักษณะแนวยาวๆแบบเดิมครับอุปกรณ์ให้มาค่อนข้างจัดเต็มทั้งเรื่องของเคสและฟิล์มติดมาให้เรียบร้อยและมีหูฟังมาให้ครับส่วนตัวชาร์จก็ให้ตัว VOOC 3.0 มาให้เลยในกล่อง แต่ดีไซน์อะไรตัวที่ชาร์จจะแตกต่างกับรุ่น 2F เพราะในรุ่น 2 นี้นั้นจะเล็กและพกพาได้ง่ายกว่าครับ รวมๆนั้นเรียกได้ว่าอุปกรณ์ในกล่องนั้นครบพร้อมใช้ แต่ที่ชอบคือเคสที่แถมนั้นสวยและดูดีมากๆครับ ดูหรูกว่าเดิมเยอะเลย
- ตัวเครื่อง OPPO Reno2
- เคสกึ่งแข็งสีตามตัวเครื่องพร้อมเล่นลวดลายหนัง
- ฟิล์มกันรอย ติดมาเรียบร้อย
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor VOOC 3.0
- หูฟัง 3.5มม.
- ที่จิ้มซิม คู่มือ
DESIGN
ต้องบอกว่าตระกูลนี้นั้นจะค่อนข้างสวยและพรีเมี่ยมจริงๆ การออกแบบ ดีไซน์ต่อยอดจากรุ่นเดิมแต่ลงตัวขึ้น และในโทนสีชมพูนั้นจะออกด้านๆ สามารถเล่นกับแสงสีแบบมุกๆสวยงาม มองในแต่ละมุมก็สะท้อนแตกต่างกันไป และในการวางกล้องตรงกลาง เรียงกันยาวๆ 4 เลนส์สวยงามและ มี O-Dot ป้องกันเลนส์มาให้ในล่างสุดรวมถึง เขียนชื่อแบรนด์อะไรวางตรงกลางแบบที่คุ้นเคยกัน ถือว่าดีไซน์มีเอกลักษณ์ของตัวเองกันมากขึ้นในหลายๆรุ่นของแบรนด์นี้ครับอันนี้ขอชมว่าไม่เหมือนคนอื่นแล้วด้วยถือว่าเป็นตัวของตัวเองแล้วทั้งการออกแบบและพื้นผิวออกแบบ
หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED Panoramic Screen 6.5 นิ้ว Full HD+ และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.1% ขอบล่างนั้นจะบางกว่าตัว 2F
ด้านขอบบนหน้าจอนั้นไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ และเซนเซอร์ ฝังใต้หน้าจอทั้งหมด
ขอบด้านล่างทำออกมาได้บางมากครับตัวขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นทำได้เต็มกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วยเช่นกันครับ และการควบคุมนั้นสามารถเลือกใช้งานเป็นแบบเต็มหน้าจอ หรือจะเป็นปุ่มปกติก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นรุ่นนี้จะเป็นแบบ Pivot Rising ซึ่งจะเป็นแบบเดียวกับรุ่น 10X Zoom ก่อนหน้าครับส่วนกล้องหน้า 16 MP f/2.0 มาพร้อม AI Beautification และ Soft Front Light ในกล้องหน้าครับ รองรับการ ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า และ ลำโพงสนทนา มีโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน รวมถึงติดตั้ง Proximity Sensor ที่ติดตั้งไว้ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ รองรับการใช้งาน 200,000 ครั้งและใช้เวลา 0.8 วิเท่านั้น
มากันที่ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะขึ้นมา และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงก็อยู่ตรงส่วนนั้นด้วย และการออกแบบนั้นก็จะแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าครับ และมีความบางมากขึ้นและเรียบกว่าเดิมครับ
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะมี ถาดซิมแบบ Hybrid Slot และตัว ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าครับ และยัง รองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant อีกด้วย
ขอบด้านล่างเครื่อง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของช่อง Type-C และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ เเละ มีรูเสียงหูฟังแบบ 3.5 มม. ยังมีการออกแบบโค้งอะไรมาให้เหมือนเดิมทำให้ขอบดูไม่ได้หนาเกินไปด้วยนั้นเอง
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ส่วนการออกแบบฝาหลังจะโค้งลงมารับกับตัวเครื่องได้ดีครับ
ในส่วนของกล้องหลังนั้นยังคงมีเจ้าเม็ดกลมๆ O-Dot ที่จะป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนพื้นและปกป้องรอยขีดข่วนให้ครับแต่จะมาอยู่ตำแหน่งด้านล่างแทนแล้ว และจะเห็นไมค์ตัดเสียงอีกตัวครับ ส่วนกล้องหลังให้มามากถึง 4 ตัว ประกอบด้วยเลนส์หลักเซ็นเซอร์ Sony IMX586 48MP (f/1.7) + เลนส์ซูม 13MP (f/2.4) + เลนส์ Wide Angle 116 องศา 8MP + เลนส์ Mono จับความลึก 2MP และ สามารถใช้งาน Optical ซูมได้ 2X / แบบ Hybrid ได้ 5X / ซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20X
ยังคงจุดเด่นของมันคือการออกแบบ ฝาหลังเรียบไปชิ้นเดียวกันกับเลนส์กล้อง ไม่มีส่วนนูน และให้รูปลักษณ์ที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้กล้องด้านหลังสี่ตัว ได้จัดให้อยู่ตามแนวแกนกลาง เพื่อสร้างความรู้สึกสมมาตรอีกด้วย และยังคงมีเจ้าเม็ดกลมๆ O-Dot ที่จะป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนพื้นและปกป้องรอยขีดข่วนให้ครับ และฝาหลังใช้การออกแบบที่สวยงามในส่วนของสีชมพูนั้นจะชุบแบบสูญญากาศแบบ Nano เพื่อเพิ่มพื้นผิวที่สะท้อนแสงครับ ใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยครับเอาจริงๆก็ยังคงชอบแนวทางการออกแบบและงานประกอบตระกูลนี้มากๆครับ
SPEC
- ระบบ Android 9 + ColorOS 6.1
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว Gorilla Glass 6 สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.1%
- CPU Snap dragon 730G + GPU Adreno 618
- RAM 8GB LPDDR 4x
- STORAGE 256GB UFS 2.1 รองรับ MicroSD card 256GB
- กล้องหลัง Sony IMX586 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.4) + 13MP (f/2.2) + 2MP (f/2.4), OIS + EIS, Ultra Dark Mode
- กล้องหน้า Pivot Rising Camera 16MP + Soft Front Light
- BT 5.0, USB-C
- สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ Hidden Finger print 3.0
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh + VOOC Flash Charge 3.0
- ขนาด / น้ำหนัก 160 x 74.3 x 9.5 มม. / 189 กรัม
- สีดำ Luminous Black / สีชมพู Sunset Pink
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ได้ใช้งาน Snap dragon 730G พร้อมกับใช้งาน RAM 8GB และหน่วยความจุแบบ UFS2.1 ในขนาด 256GB ครับ ในเรื่องของความแรงนั้นทำไปได้สมกับตัว CPU ของมันทำคะแนน Antutu ไปได้ 254558 และในส่วนของ DRM ข้อมูลความปลอดภัยทำได้ L1 ตามมาตรฐานครับ และ UFS ทำความเร็วอ่านเขียนไปได้ 477 และ เขียน 205 และในส่วนของคะแนน Geekbench นั้นทำได้คะแนนในส่วนของ Single Core 526 และ 1486
SOFTWARE UI
หน้าตาระบบรุ่นนี้ Colour OS 6 ร่วมกับ Android 9 การใช้งานทั่วไป แต่หน้าหลักๆนั้นยังคงมีมาคล้ายๆเดิมครับการแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอพอะไรปกติครับไอคอนเป็น ทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับหน้าตาโดยรวมยังคงทำได้ดีแบบเดิมครับเรียบขึ้นเรื่อยๆสวยงามเลยแหละคลีนๆดีครับ
เมื่อปัดนิ้วจากด้านบนลงมาจะเจอ แถบเมนูลัด หน้าตาสวยงามและดูสบายตาขึ้น โดยมีทางลัดสำหรับการตั้งค่าที่เราใข้งานการต่างๆเป็นประจำอย่าง เช่น Wi-Fi, ไฟฉาย , Bluetooth, โหมดเครื่องบิน , NFC , ตัดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ , ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นต้น ส่วนด้านล่างจะแสดงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่างๆ หากปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการขยายเมนู และสามารถใช้งานการแบ่งหน้าจอได้หลากหลายแอพที่รองรับครับผม สามารถใช้งานได้เลย ลาก 3 นิ้วขึ้นไปในแอพที่อย่ากจะแบ่งง่ายๆเลยครับ
แป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่ายและเสถียร ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 256 GB นั้นเหลือใช้งานได้ 224 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 2.92 จาก 8 GB ครับ
ส่วนการโคลนแอพ อะไรทั้งหลายก็มีมาให้ครับผม รวมถึงตัว Game Space มาใหม่อันนี้น่าสนใจยังไงไปดูในหัวข้อ Gaming ได้เลย รวมถึงกล้องหน้าในรุ่นนี้สามารถ เปลี่ยนเสียงได้ด้วย และ ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะมาให้ในการปัดมาด้านขวาในจอหลักจะคอยช่วยในการจัดการแจ้งเตือนอะไรต่างๆ หรือ ดูการใช้งานของเราว่าเน้นอะไรยังไงก็จะเสนอมาให้ใช้งานกันเลย อีกทั้งยังมีโหมดช่วยขับรถมาให้จะดูแลการแจ้งเตือน ขณะขับขี่ ในการตั้งค่าเพิ่มเติมครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้