รีวิวเที่ยวจีนด้วยตนเอง ปักกิ่ง ซีอาน ลั่วหยาง
ขอใส่ข้อมูลไว้ให้ผู้ที่สนใจค่ะ เราจะพูดถึงเรื่องวิธีการเดินทางเป็นหลักนะคะ เรื่องความสวยงามสถานที่รูปถ่ายอะไรพวกนี้ขอข้ามค่ะ ปล. เรามีความรู้ภาษาจีนแบบกระพร่องกระแพร่งนะคะ เลยสบายขึ้นหน่อยหนึ่ง
สถานที่เที่ยว
วันที่ 1 เทียนถาน
วันที่ 2 พระราชวังฤดูร้อน สนามกีฬารังนก
วันที่ 3 กำแพงเมืองจีน
วันที่ 4 วัดลามะ พระราชวังต้องห้าม
วันที่ 5 เดินทางไปซีอาน bell tower ถนนมุสลิม
วันที่ 6 ไปลั่วหยาง หน้าผาหลงเหมิน
วันที่ 7 สุสานจิ๋นซี วัดห่านป่าใหญ่
วิธีการเดินทางมี
- รถไฟฟ้าใต้ดิน
- รถเมล์ (ไปกำแพงเมืองจีน และสุสานจิ๋นซี)
- แท๊กซี่
- รถไฟความเร็วสูง
ขอพูดรวม ๆ ก่อนดังนี้
รถไฟฟ้าใต้ดิน
เป็นอะไรที่ดีงามมากกกกก ดีกว่าไทยเยอะ มีป้ายมีแผนที่เต็มไปหมด แต่บางทีเวลาเปลี่ยนสายรถจะต้องเดินหน่อยนะคะ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงกว่าจะไปถึงอีกสายหนึ่ง และบางครั้งจะมีป้ายชวนงงประเภท <-- line 2 --> แบบว่าแกจะให้ฉันเลี้ยวซ้ายหรือขวากันแน่ ไม่ต้องงง จะทางไหนก็ได้ เดี๋ยวมันเดินอ้อม ๆ มาเจอกันเองแหละ และบันไดเลื่อนโดยมากมีแต่เลื่อนขึ้น ไม่ค่อยมีเลื่อนลง
ซื้อบัตรอี้ข่าทง (IC card) ไว้ยิ่งดีค่ะ ตื้ด ๆ ไปไม่ต้องมาค่อยซื้อใหม่ ลงเครื่องบินมาผ่านตม. ที่ airport express T3 นี่แหละค่ะ หาไม่ยาก อยู่ที่เดียวกับจุดซื้อบัตรโดยสารอัตโนมัติเลย refund ก็ที่นี่ได้นะ แต่เรานั่งรถไฟความเร็วสูงไปต่อซีอานเลยคืนที่สถานี west railway จุดนี้หายากนิดนึง เดินไปจะขึ้นบันไดก็ยังไม่เจอจนต้องถาม information เอา โบก ๆ บัตรบอกว่า refund เขาก็ถามมาว่า “ทุ่ยข่า?” เราจำได้ว่าเคยอ่านเจอว่าคำนี้ใช่ก็พยักหน้าแล้วเขาก็ให้ป้าอาสาสมัครพาไปคืนค่ะ ที่บอกกันว่าโดนโกงไรนี่เราไม่เจอเลยนะคะ ที่สถานีรถไฟหลักก็มีให้คืนได้ค่ะ
รถเมล์
จ่ายเงินบนรถค่ะ ใช้บัตรอี้ข่าทงเหมือนเดิม
แท๊กซี่
แย่มาก รู้สึกเหมือนโดนหลอกทุกครั้งที่ขึ้นรถ จ้างไปส่งไหนมันไม่ค่อยพาไปถึงที่หรอกนะคะ ตอนไปกำแพงเมืองจีนเลี้ยวขึ้นที่จอดรถของพวกตัวเองจะขายบัตรขึ้นกำแพงจ้า ไม่รู้ว่าชาร์จเพิ่มเท่าไหร่ ไม่ได้ถาม เดินหนีอย่างเดียว ขากลับบอกให้ไปส่งท่ารถ (แม่กลัวไม่มีที่นั่ง) มันไปส่งป้ายรถเมล์...แต่ก็ได้ที่นั่งนะ
อีกอย่างคือต่อราคามันด้วยค่ะ อย่าได้เกรงใจ ถ้าเขาบอก 80 แล้วเรากะไว้ที่ 60 ก็อย่าไปต่อเป็น 60 ต่อไปเลย 40 แล้วให้ราคามาตรงกลาง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแข็งกว่ากันค่ะนาทีนี้ 555 เราต่อไม่เป็นเลยโดนฟันหัวเบะเลย
รถไฟความเร็วสูง
จากปักกิ่งไปซีอาน ซื้อออนไลน์แล้วไปเอาบัตรที่สถานีรถไฟปักกิ่ง
จากซีอานไปกลับลั่วหยางซื้อหน้างานที่สถานีรถไฟ ไม่ยากมาก
เทียนถาน
ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่ tiantandongmen สาย 5 ค่ะ ออกมาที่ประตูตะวันออกของเทียนถาน แต่ประเด็นคือประตูมันอยู่ทิศเหนือกับใต้ค่ะ!! เดินตามกำแพงไปไกลโฮก แนะนำให้นั่งรถเมล์ต่อค่ะ ตอนเราเราไม่รู้เดินไปเข้าประตูเหนือแล้วเที่ยวในนั้นออกมาประตูใต้ ขาลากเลย ขากลับจากประตูใต้เดินมาหน่อยแล้วนั่งรถเมล์ 525 กลับมาที่ตงเหมินค่ะ (ถึงป้ายรถเมล์ถามป้าที่นั่งรอรถอยู่ว่า ตงเหมินไปไง ป้าแกก็ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามแล้วบอกว่า 525) เราแนะนำว่านั่งรถจากตงเหมินมาที่ประตูใต้ออกทางเหนือแล้วกลับมาที่ตงเหมินอีกทีน่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องข้ามถนน
ผู้สูงอายุ (60+) เข้าฟรีค่ะ เอาพาสปอร์ตไปให้จุดขายตั๋วเขาจะให้ตั๋วเรามาแต่ไม่ต้องจ่ายเงิน
พระราชวังฤดูร้อน
นั่งรถไฟฟ้าสาย 4 ค่ะ ลงได้สองสถานีคือ beigongmen ที่ลงประตูทิศเหนือ กับ Xiyuan ลงใกล้ประตูตะวันออกกว่า ทั้งนี้ทั้งสองสถานีอยู่ไกลกับวังพอสมควร โดยเฉพาะของ Xiyuan
พอลงสถานีก็เดินตามผู้คนและ google map ไปได้เลยค่ะ ถ้าเข้าประตูเหนือช่วงต้นจะต้องเดินขึ้นเขาไปวัดทิเบตแล้วลงมาที่พื้นที่หลักค่ะ ตอนเดินขึ้นจะมีทางเล็ก ๆ ซ้ายขวาอยู่ ไม่ต้องสนใจค่ะ เดินทางหลักไปตรง ๆ เลย เดี๋ยวมันไปเจอกัน (ทางขวามันบอกจะไปวัดแต่มันคือวัดที่เดินตรงไปก็เจอเหมือนกันนั่นแหละ...) เราเดินแบบทางเล็กเลยไม่ได้เดินผ่านลานใหญ่ถ่ายรูปกับวังด้านเหนือเลยจากนั้นก็เดินสบายแล้ว ด้านตะวันตกที่เป็นเรือหินอ่อนมีร้านอาหารเยอะอยู่ค่ะ อย่าเพิ่งลงเขาแล้วเห็นซุ้มแรกก็ซื้อข้าวกล่องอย่างเราล่ะ 555
ของเราลงมาแล้วก็ไปที่เรือหินอ่อน จากนั้นเดินตามทางเดินยาวย้อนกลับมา แวะที่วัด Buddhist flagrance (เดินขึ้นสูงมาก ถึงชั้นบนสุดซึ่งมีทางต่อแต่ปิดเอาไว้ เจอฝรั่งผู้ชายบ่นว่า “what’s this place? It just go up and up” 555) ไปที่สวนซึ่งมีโรงงิ้ว (แต่ไม่มีดอกไม้) ต่อไปแถว ๆ ประตูตะวันออกมีพิพิธภัณฑ์ ตอนแรกจะเดินลงไปที่สะพาน 17 โค้ง แล้วกลับมาออกที่ประตูตะวันออก แต่ไปไม่ไหวค่ะ เลยข้ามสะพานนี่ไปเลย
ภายในมีท่าเรือเที่ยวที่มีทั้งแบบไปล่องวน ๆ แล้วกลับจุดเดิมกับไปที่จุดอื่น แล้วก็เรือถีบเช่ารายชั่วโมงด้วยค่ะ
เดินออกไปออกทางขวาเจอสามแยกไปทางซ้าย (ทางขวามีคนเดินเยอะมาก พวกเขาเป็นทัวร์นะคะ ไม่ได้จะไปขึ้นรถไฟฟ้า เราเผลอเดินตามไปซักระยะนึงเลย) ตรงไปไกล ๆ ถึงสถานีรถไฟฟ้า Xiyuan ค่ะ แต่บ้านเราไม่ไหวแล้วเลยขึ้นรถรับจ้าง
ผู้สูงอายุฟรีค่ะ ยื่นพาสปอร์ตแทนบัตรเข้าชมได้เลย
สนามกีฬารังนก
รถไฟฟ้าสาย 8 ค่ะ ลง Olympic sport center ออกทางออก B1 หรือ B2 นะคะ ถึงทางออก C มันจะบอกว่ามันไป Olympic sport center ก็อย่าไปเชื่อมันค่ะ เราเชื่อมันมาแล้ว ออกมาถนนโล่งมืดมิด หันขวาเจอยอดสนามกีฬาเดินไปไกล ๆ ปรากฏไปเจอถนนและทางด่วนที่ผ่านไม่ได้คั่นกลาง จากนั้นโดนรถรับจ้างหลอกพาวนข้ามถนนแต่ไปส่งไหนไม่รู้แล้วเดินอีกไกลลิบกว่าจะถึง เซ็งมาก
กำแพงเมืองจีน mutianyu
ออกสถานีรถไฟฟ้า dongzhimen หาป้าย Public Transport Hub ตามป้ายไปจนเจอ ป้ายที่บอกรถสาย 916快 ขึ้นไป ลงที่ Huairou Beidajie (怀柔北大街) จากนั้นข้ามถนนไปขึ้นรถสาย (H)24 หรือ (H)23 ค่ะ แต่บ้านเราไม่อยากรอรถเลยขึ้นแท๊กซี่ค่ะ โดนไป 60 หยวน จากนั้นไปซื้อตั๋ว มีแบบเดินเอง นั่งกระเช้าห้อยขา นั่งกระเช้า cable car ทางเข้าไกลตามลำดับนี้เลยนะคะ (เดินขึ้นเขา เหนื่อยอยู่) มีช่องขายแยกกันเลย ลงมาแล้วขึ้นแท๊กซี่ต่อ 916 กลับปักกิ่งเหมือนเดิม
เราว่า กระทู้นี้น่าจะละเอียดสุดแล้วค่ะ
https://ppantip.com/topic/36654623
แต่ที่บอกว่ามีแท๊กซี่มาตามถึงบนรถหลอกให้ลงอะไรนี่เราไม่เจอนะคะ
วัดลามะ
รถไฟฟ้าจุดตัดสาย 2 กับ 5 yonghegong (มันตัดกันสองที่นะคะ ดูดี ๆ ด้วย) วัดมันจะยาว ๆ ค่ะ เข้าประตูแล้วเดินไปตรง ๆ แวะโบสถ์ต่าง ๆ เขาจะให้ธูปมากำหนึ่งด้วย มีทั้งคนที่จุดทีละ 3 ดอกกับทั้งกำเลย พวกเคร่งน่าจะจุด 3 ดอก (มีกระถางปักธูปหลายอันมาก) แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะจุดทีเดียวปักทีเดียว (หรืออาจะเรียกว่าโยนเข้ากระถางธูปมากกว่า ควันแรงมาก) จะได้เดินเที่ยวสบาย ๆ
พระราชวังต้องห้าม
รถไฟฟ้าสาย 1 ค่ะ มีสองสถานีคือ เทียนอันเหมินอีสกับเวส เราลงอีสเพราะถึงก่อน ลงมาเดินตามฝูงคนได้เลยค่ะ พวกนางจะไปออกันอยู่ที่จุดตื้ดบัตรออก คาดว่าหลายคนคงมาจากชนบทจีน ใช้บัตรรถไฟฟ้าไม่ค่อยจะเป็นเลยออกไม่ถูก
ออกมาปุ๊บเจอแถวเข้าคิวตรวจความปลอดภัย มีแถวในติดกำแพงใหญ่กว่ากับแถวนอกติดถนนเล็กกว่า ไปแถวนอกค่ะ แถวในช้ากว่ามาก เพราะถึงแถวใหญ่กว่าจุคนได้เยอะกว่าแต่มีจุดตรวจอันเดียวเหมือนแถวนอก สุดท้ายเลยติดแหง๊ก....
เดินไปเจอกำแพงวังอย่างใหญ่ เดินเข้าไปค่ะ ไม่ต้องไปหาที่ขายตั๋ว มันอยู่ลึกมาก เดินดุ่มเข้าไปได้เลย ระหว่างทางจะมีป้าย QR code ให้ซื้อตั๋วออนไลน์ ไม่ต้องสนใจค่ะ เดินหน้าต่อ เข้าเว็บไปก็เท่านั้น มันภาษาจีนล้วน ๆ เดินไปจนเจอประตูใหญ่ที่ไปต่อไม่ได้เพราะเขากั้นเอาไว้ นั่นแหละค่ะ จุดขายตั๋วมันเป็นห้องเล็ก ๆ ทางขวามือ จะมีฝรั่งต่อแถวก็นิด ๆ หน่อย ๆ ที่นี่ใช้พาสปอร์ตแทนตั๋วนะคะ ผู้สูงอายุจ่ายครึ่งราคาค่ะ ไปออกประตูอีกฝั่งแล้วนั่งรถเมล์ที่ไปต่อรถไฟฟ้าได้ น่าจะมีหลายสายเลยค่ะ มีป้ายประกาศบอกด้วย (จำไม่ได้ว่าตัวเองขึ้นสายอะไร....) ป้ายรถที่ติดรถไฟฟ้าจะมีสัญลักษณ์ของรถไฟฟ้าแปะไว้บนเส้นทางการเดินทางที่แปะไว้ในรถเมล์ค่ะ ทำให้ดูออกได้ง่ายมาก
รถไฟฟ้าความเร็วสูงไปซีอาน ไปทางรถไฟฟ้าสาย 7 หรือ 9 ไปที่ west railway station ค่ะ เดินเข้าไปเรื่อย ๆ ตามป้ายอาการคล้ายขึ้นเครื่องบิน มีตู้กดน้ำฟรี ห้องน้ำหรูมาก
ออกมาแล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้า ไปที่พัก ของเราอยู่ตรง bell tower ค่ะ
Bell Tower และถนนอิสลาม
รถไฟฟ้าสาย 2 หรือ 6 ค่ะ ประเด็นคือในแผนที่รถไฟฟ้าเขาไม่เรียกกันว่า bell tower เขาใช้ทับศัพท์จีนว่า zhonglou ค่ะ ถ้าจะไปหอระฆังให้ออกทางออก C ค่ะ แล้วทางออก C จะวนเป็นวงกลมอยู่รอบหอระฆัง ทางออกที่คนนิยมออกไปถ่ายรูปน่าจะเป็น ทาง 9 ค่ะ ตรงนั้นเดินไปอีกนิดก็เป็นถนนอิสลามแล้ว (มีแผนที่แปะอยู่ในทางเดินทางออก C เยอะเลยค่ะ)
สุสานจิ๋นซี
เรานั่งรถเมล์จากหอระฆังไปสถานีรถไฟ (คนละอันกับสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่นั่งมานะ) มีรถไฟฟ้าด้วย มีสถานีที่เขียนว่า “รถไฟ (火车)” ที่สาย 4 แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเหมือนมันยังไม่เปิดนะคะ ถ้ารถไฟฟ้าต้องลง wulukou แล้วเดิน (ไกล) ลงรถเมล์ก็เดิน ๆ มาจนเห็นสถานีรถไฟค่ะ (ลอดกำแพงเมืองเข้ามา) จากนั้นหันขวาเดินตรงเลียบกำแพง ข้ามถนนไปถึงป้ายรถเมล์ รอ 914/915 สาย 306 รู้สึกว่าต้องไปขึ้นที่ wulukou ค่ะ ส่วนลานจอดรถที่คนอื่น ๆ พูดถึงมันปิดแล้วจ้า มีป้ายประกาศภาษาจีนแถมเจ้าหน้าที่บอกมา ที่ว่า 306 ต้องขึ้นที่ wulukou ก็เขานี่แหละบอกมา แต่เราไม่ได้ขึ้นเลยไม่ขอยืนยันนะคะ ขึ้นรถจ่าย 10 หยวน ไปสุดสายเลย ขากลับก็นั่งรถที่เดิม จดจำจุดที่ตัวเองขึ้นรถมาให้ดี ๆ ด้วยนะคะ ที่จอดรถเขาใหญ่มาก ในสุสานก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ แต่มีสิ่งที่เราอยากจะเอ่ยถึงคือ ในพิพิธภัณฑ์ ทุกคน (ทัวร์) จะพากันแห่ไปดูรถม้าที่ชั้นล่าง ส่วนพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ด้านบนนั้นร้างมากค่ะ (ทางเข้าเป็นซอกหลืบอยู่ด้านซ้ายแล้วจะเดินวนเป็นวงรอบตึกไปออกที่ทางขวา) ประเด็นคือในนั้นมีหุ่นดินเผาที่มาตั้งในระยะเกือบเอื้อมมือถึงค่ะ แถมไร้คนจะถ่ายร้อยซ็อตก็ไม่มีใครว่าไม่ติดคนอื่นด้วย
ขากลับลงจากท่ารถแล้วเดินไกลโฮกเลย ออกมาแล้วหันขวาตรงไปเรื่อยจนถึงสถานีรถไฟแล้วเข้าถนนที่จะลงรถไฟฟ้าที่ wulukou ค่ะ น่าจะมีรถเมล์ไปแต่ ณ ตอนนั้นเราเดิน.... ดังนั้นบอกสายรถไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
วัดห่านป่าขาว
เป็นจุดตัดสาย 3 กับ 4 ออกมาแล้วอยู่หลังวัดค่ะ ต้องเดินเลียบกำแพง (ซึ่งมีของขายเยอะ) ไปที่หน้าวัด ระหว่างทางมีรูปปั้นโลหะที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กน้อยมาก เพราะกอดรัดป่ายปีนได้ตามใจเลย (เป็นรูปปั้นเกี่ยวกับประเพณีจีนนะคะ มวยปล้ำ วงดนตรี งี้)
ไปสนามบิน
จากรถไฟฟ้าเชื่อมไปถึงสนามบินได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกเลยค่ะ สุดสาย 4 แล้วต่อ airport express ได้เลย สาย 4 น่าจะเป็นสายใหม่ เพราะโพยที่แม่เราหามายังบอกว่าต้องออกสาย 2 แล้วเข้าไปต่อ airport express อยู่เลย แต่เราดูแผนที่แล้วเห็นมันเชือมกับสาย 4 เลยบอกแม่ให้เปลี่ยนสาย
สุดท้ายนี้ขอพูดเรื่องอาหารค่ะ
อาหารจีน เค็มมาก มันมาก ให้เยอะมาก ถ้าไม่ใช่คนกินจุจริง ๆ เราแนะนำให้ซื้อ 1 จานต่อ 2 คนนะคะ เผื่อกินไม่ลงจะได้ไม่เปลืองเงินมากด้วย เท่าที่เรากิน ๆ มานี่เหลือบานเบอะเกือบทุกมื้ออะ บางจานมั
รีวิวเที่ยวจีนด้วยตนเอง ปักกิ่ง ซีอาน ลั่วหยาง
ขอใส่ข้อมูลไว้ให้ผู้ที่สนใจค่ะ เราจะพูดถึงเรื่องวิธีการเดินทางเป็นหลักนะคะ เรื่องความสวยงามสถานที่รูปถ่ายอะไรพวกนี้ขอข้ามค่ะ ปล. เรามีความรู้ภาษาจีนแบบกระพร่องกระแพร่งนะคะ เลยสบายขึ้นหน่อยหนึ่ง
สถานที่เที่ยว
วันที่ 1 เทียนถาน
วันที่ 2 พระราชวังฤดูร้อน สนามกีฬารังนก
วันที่ 3 กำแพงเมืองจีน
วันที่ 4 วัดลามะ พระราชวังต้องห้าม
วันที่ 5 เดินทางไปซีอาน bell tower ถนนมุสลิม
วันที่ 6 ไปลั่วหยาง หน้าผาหลงเหมิน
วันที่ 7 สุสานจิ๋นซี วัดห่านป่าใหญ่
วิธีการเดินทางมี
- รถไฟฟ้าใต้ดิน
- รถเมล์ (ไปกำแพงเมืองจีน และสุสานจิ๋นซี)
- แท๊กซี่
- รถไฟความเร็วสูง
ขอพูดรวม ๆ ก่อนดังนี้
รถไฟฟ้าใต้ดิน
เป็นอะไรที่ดีงามมากกกกก ดีกว่าไทยเยอะ มีป้ายมีแผนที่เต็มไปหมด แต่บางทีเวลาเปลี่ยนสายรถจะต้องเดินหน่อยนะคะ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงกว่าจะไปถึงอีกสายหนึ่ง และบางครั้งจะมีป้ายชวนงงประเภท <-- line 2 --> แบบว่าแกจะให้ฉันเลี้ยวซ้ายหรือขวากันแน่ ไม่ต้องงง จะทางไหนก็ได้ เดี๋ยวมันเดินอ้อม ๆ มาเจอกันเองแหละ และบันไดเลื่อนโดยมากมีแต่เลื่อนขึ้น ไม่ค่อยมีเลื่อนลง
ซื้อบัตรอี้ข่าทง (IC card) ไว้ยิ่งดีค่ะ ตื้ด ๆ ไปไม่ต้องมาค่อยซื้อใหม่ ลงเครื่องบินมาผ่านตม. ที่ airport express T3 นี่แหละค่ะ หาไม่ยาก อยู่ที่เดียวกับจุดซื้อบัตรโดยสารอัตโนมัติเลย refund ก็ที่นี่ได้นะ แต่เรานั่งรถไฟความเร็วสูงไปต่อซีอานเลยคืนที่สถานี west railway จุดนี้หายากนิดนึง เดินไปจะขึ้นบันไดก็ยังไม่เจอจนต้องถาม information เอา โบก ๆ บัตรบอกว่า refund เขาก็ถามมาว่า “ทุ่ยข่า?” เราจำได้ว่าเคยอ่านเจอว่าคำนี้ใช่ก็พยักหน้าแล้วเขาก็ให้ป้าอาสาสมัครพาไปคืนค่ะ ที่บอกกันว่าโดนโกงไรนี่เราไม่เจอเลยนะคะ ที่สถานีรถไฟหลักก็มีให้คืนได้ค่ะ
รถเมล์
จ่ายเงินบนรถค่ะ ใช้บัตรอี้ข่าทงเหมือนเดิม
แท๊กซี่
แย่มาก รู้สึกเหมือนโดนหลอกทุกครั้งที่ขึ้นรถ จ้างไปส่งไหนมันไม่ค่อยพาไปถึงที่หรอกนะคะ ตอนไปกำแพงเมืองจีนเลี้ยวขึ้นที่จอดรถของพวกตัวเองจะขายบัตรขึ้นกำแพงจ้า ไม่รู้ว่าชาร์จเพิ่มเท่าไหร่ ไม่ได้ถาม เดินหนีอย่างเดียว ขากลับบอกให้ไปส่งท่ารถ (แม่กลัวไม่มีที่นั่ง) มันไปส่งป้ายรถเมล์...แต่ก็ได้ที่นั่งนะ
อีกอย่างคือต่อราคามันด้วยค่ะ อย่าได้เกรงใจ ถ้าเขาบอก 80 แล้วเรากะไว้ที่ 60 ก็อย่าไปต่อเป็น 60 ต่อไปเลย 40 แล้วให้ราคามาตรงกลาง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแข็งกว่ากันค่ะนาทีนี้ 555 เราต่อไม่เป็นเลยโดนฟันหัวเบะเลย
รถไฟความเร็วสูง
จากปักกิ่งไปซีอาน ซื้อออนไลน์แล้วไปเอาบัตรที่สถานีรถไฟปักกิ่ง
จากซีอานไปกลับลั่วหยางซื้อหน้างานที่สถานีรถไฟ ไม่ยากมาก
เทียนถาน
ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่ tiantandongmen สาย 5 ค่ะ ออกมาที่ประตูตะวันออกของเทียนถาน แต่ประเด็นคือประตูมันอยู่ทิศเหนือกับใต้ค่ะ!! เดินตามกำแพงไปไกลโฮก แนะนำให้นั่งรถเมล์ต่อค่ะ ตอนเราเราไม่รู้เดินไปเข้าประตูเหนือแล้วเที่ยวในนั้นออกมาประตูใต้ ขาลากเลย ขากลับจากประตูใต้เดินมาหน่อยแล้วนั่งรถเมล์ 525 กลับมาที่ตงเหมินค่ะ (ถึงป้ายรถเมล์ถามป้าที่นั่งรอรถอยู่ว่า ตงเหมินไปไง ป้าแกก็ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามแล้วบอกว่า 525) เราแนะนำว่านั่งรถจากตงเหมินมาที่ประตูใต้ออกทางเหนือแล้วกลับมาที่ตงเหมินอีกทีน่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องข้ามถนน
ผู้สูงอายุ (60+) เข้าฟรีค่ะ เอาพาสปอร์ตไปให้จุดขายตั๋วเขาจะให้ตั๋วเรามาแต่ไม่ต้องจ่ายเงิน
พระราชวังฤดูร้อน
นั่งรถไฟฟ้าสาย 4 ค่ะ ลงได้สองสถานีคือ beigongmen ที่ลงประตูทิศเหนือ กับ Xiyuan ลงใกล้ประตูตะวันออกกว่า ทั้งนี้ทั้งสองสถานีอยู่ไกลกับวังพอสมควร โดยเฉพาะของ Xiyuan
พอลงสถานีก็เดินตามผู้คนและ google map ไปได้เลยค่ะ ถ้าเข้าประตูเหนือช่วงต้นจะต้องเดินขึ้นเขาไปวัดทิเบตแล้วลงมาที่พื้นที่หลักค่ะ ตอนเดินขึ้นจะมีทางเล็ก ๆ ซ้ายขวาอยู่ ไม่ต้องสนใจค่ะ เดินทางหลักไปตรง ๆ เลย เดี๋ยวมันไปเจอกัน (ทางขวามันบอกจะไปวัดแต่มันคือวัดที่เดินตรงไปก็เจอเหมือนกันนั่นแหละ...) เราเดินแบบทางเล็กเลยไม่ได้เดินผ่านลานใหญ่ถ่ายรูปกับวังด้านเหนือเลยจากนั้นก็เดินสบายแล้ว ด้านตะวันตกที่เป็นเรือหินอ่อนมีร้านอาหารเยอะอยู่ค่ะ อย่าเพิ่งลงเขาแล้วเห็นซุ้มแรกก็ซื้อข้าวกล่องอย่างเราล่ะ 555
ของเราลงมาแล้วก็ไปที่เรือหินอ่อน จากนั้นเดินตามทางเดินยาวย้อนกลับมา แวะที่วัด Buddhist flagrance (เดินขึ้นสูงมาก ถึงชั้นบนสุดซึ่งมีทางต่อแต่ปิดเอาไว้ เจอฝรั่งผู้ชายบ่นว่า “what’s this place? It just go up and up” 555) ไปที่สวนซึ่งมีโรงงิ้ว (แต่ไม่มีดอกไม้) ต่อไปแถว ๆ ประตูตะวันออกมีพิพิธภัณฑ์ ตอนแรกจะเดินลงไปที่สะพาน 17 โค้ง แล้วกลับมาออกที่ประตูตะวันออก แต่ไปไม่ไหวค่ะ เลยข้ามสะพานนี่ไปเลย
ภายในมีท่าเรือเที่ยวที่มีทั้งแบบไปล่องวน ๆ แล้วกลับจุดเดิมกับไปที่จุดอื่น แล้วก็เรือถีบเช่ารายชั่วโมงด้วยค่ะ
เดินออกไปออกทางขวาเจอสามแยกไปทางซ้าย (ทางขวามีคนเดินเยอะมาก พวกเขาเป็นทัวร์นะคะ ไม่ได้จะไปขึ้นรถไฟฟ้า เราเผลอเดินตามไปซักระยะนึงเลย) ตรงไปไกล ๆ ถึงสถานีรถไฟฟ้า Xiyuan ค่ะ แต่บ้านเราไม่ไหวแล้วเลยขึ้นรถรับจ้าง
ผู้สูงอายุฟรีค่ะ ยื่นพาสปอร์ตแทนบัตรเข้าชมได้เลย
สนามกีฬารังนก
รถไฟฟ้าสาย 8 ค่ะ ลง Olympic sport center ออกทางออก B1 หรือ B2 นะคะ ถึงทางออก C มันจะบอกว่ามันไป Olympic sport center ก็อย่าไปเชื่อมันค่ะ เราเชื่อมันมาแล้ว ออกมาถนนโล่งมืดมิด หันขวาเจอยอดสนามกีฬาเดินไปไกล ๆ ปรากฏไปเจอถนนและทางด่วนที่ผ่านไม่ได้คั่นกลาง จากนั้นโดนรถรับจ้างหลอกพาวนข้ามถนนแต่ไปส่งไหนไม่รู้แล้วเดินอีกไกลลิบกว่าจะถึง เซ็งมาก
กำแพงเมืองจีน mutianyu
ออกสถานีรถไฟฟ้า dongzhimen หาป้าย Public Transport Hub ตามป้ายไปจนเจอ ป้ายที่บอกรถสาย 916快 ขึ้นไป ลงที่ Huairou Beidajie (怀柔北大街) จากนั้นข้ามถนนไปขึ้นรถสาย (H)24 หรือ (H)23 ค่ะ แต่บ้านเราไม่อยากรอรถเลยขึ้นแท๊กซี่ค่ะ โดนไป 60 หยวน จากนั้นไปซื้อตั๋ว มีแบบเดินเอง นั่งกระเช้าห้อยขา นั่งกระเช้า cable car ทางเข้าไกลตามลำดับนี้เลยนะคะ (เดินขึ้นเขา เหนื่อยอยู่) มีช่องขายแยกกันเลย ลงมาแล้วขึ้นแท๊กซี่ต่อ 916 กลับปักกิ่งเหมือนเดิม
เราว่า กระทู้นี้น่าจะละเอียดสุดแล้วค่ะ https://ppantip.com/topic/36654623
แต่ที่บอกว่ามีแท๊กซี่มาตามถึงบนรถหลอกให้ลงอะไรนี่เราไม่เจอนะคะ
วัดลามะ
รถไฟฟ้าจุดตัดสาย 2 กับ 5 yonghegong (มันตัดกันสองที่นะคะ ดูดี ๆ ด้วย) วัดมันจะยาว ๆ ค่ะ เข้าประตูแล้วเดินไปตรง ๆ แวะโบสถ์ต่าง ๆ เขาจะให้ธูปมากำหนึ่งด้วย มีทั้งคนที่จุดทีละ 3 ดอกกับทั้งกำเลย พวกเคร่งน่าจะจุด 3 ดอก (มีกระถางปักธูปหลายอันมาก) แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะจุดทีเดียวปักทีเดียว (หรืออาจะเรียกว่าโยนเข้ากระถางธูปมากกว่า ควันแรงมาก) จะได้เดินเที่ยวสบาย ๆ
พระราชวังต้องห้าม
รถไฟฟ้าสาย 1 ค่ะ มีสองสถานีคือ เทียนอันเหมินอีสกับเวส เราลงอีสเพราะถึงก่อน ลงมาเดินตามฝูงคนได้เลยค่ะ พวกนางจะไปออกันอยู่ที่จุดตื้ดบัตรออก คาดว่าหลายคนคงมาจากชนบทจีน ใช้บัตรรถไฟฟ้าไม่ค่อยจะเป็นเลยออกไม่ถูก
ออกมาปุ๊บเจอแถวเข้าคิวตรวจความปลอดภัย มีแถวในติดกำแพงใหญ่กว่ากับแถวนอกติดถนนเล็กกว่า ไปแถวนอกค่ะ แถวในช้ากว่ามาก เพราะถึงแถวใหญ่กว่าจุคนได้เยอะกว่าแต่มีจุดตรวจอันเดียวเหมือนแถวนอก สุดท้ายเลยติดแหง๊ก....
เดินไปเจอกำแพงวังอย่างใหญ่ เดินเข้าไปค่ะ ไม่ต้องไปหาที่ขายตั๋ว มันอยู่ลึกมาก เดินดุ่มเข้าไปได้เลย ระหว่างทางจะมีป้าย QR code ให้ซื้อตั๋วออนไลน์ ไม่ต้องสนใจค่ะ เดินหน้าต่อ เข้าเว็บไปก็เท่านั้น มันภาษาจีนล้วน ๆ เดินไปจนเจอประตูใหญ่ที่ไปต่อไม่ได้เพราะเขากั้นเอาไว้ นั่นแหละค่ะ จุดขายตั๋วมันเป็นห้องเล็ก ๆ ทางขวามือ จะมีฝรั่งต่อแถวก็นิด ๆ หน่อย ๆ ที่นี่ใช้พาสปอร์ตแทนตั๋วนะคะ ผู้สูงอายุจ่ายครึ่งราคาค่ะ ไปออกประตูอีกฝั่งแล้วนั่งรถเมล์ที่ไปต่อรถไฟฟ้าได้ น่าจะมีหลายสายเลยค่ะ มีป้ายประกาศบอกด้วย (จำไม่ได้ว่าตัวเองขึ้นสายอะไร....) ป้ายรถที่ติดรถไฟฟ้าจะมีสัญลักษณ์ของรถไฟฟ้าแปะไว้บนเส้นทางการเดินทางที่แปะไว้ในรถเมล์ค่ะ ทำให้ดูออกได้ง่ายมาก
รถไฟฟ้าความเร็วสูงไปซีอาน ไปทางรถไฟฟ้าสาย 7 หรือ 9 ไปที่ west railway station ค่ะ เดินเข้าไปเรื่อย ๆ ตามป้ายอาการคล้ายขึ้นเครื่องบิน มีตู้กดน้ำฟรี ห้องน้ำหรูมาก
ออกมาแล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้า ไปที่พัก ของเราอยู่ตรง bell tower ค่ะ
Bell Tower และถนนอิสลาม
รถไฟฟ้าสาย 2 หรือ 6 ค่ะ ประเด็นคือในแผนที่รถไฟฟ้าเขาไม่เรียกกันว่า bell tower เขาใช้ทับศัพท์จีนว่า zhonglou ค่ะ ถ้าจะไปหอระฆังให้ออกทางออก C ค่ะ แล้วทางออก C จะวนเป็นวงกลมอยู่รอบหอระฆัง ทางออกที่คนนิยมออกไปถ่ายรูปน่าจะเป็น ทาง 9 ค่ะ ตรงนั้นเดินไปอีกนิดก็เป็นถนนอิสลามแล้ว (มีแผนที่แปะอยู่ในทางเดินทางออก C เยอะเลยค่ะ)
สุสานจิ๋นซี
เรานั่งรถเมล์จากหอระฆังไปสถานีรถไฟ (คนละอันกับสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่นั่งมานะ) มีรถไฟฟ้าด้วย มีสถานีที่เขียนว่า “รถไฟ (火车)” ที่สาย 4 แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเหมือนมันยังไม่เปิดนะคะ ถ้ารถไฟฟ้าต้องลง wulukou แล้วเดิน (ไกล) ลงรถเมล์ก็เดิน ๆ มาจนเห็นสถานีรถไฟค่ะ (ลอดกำแพงเมืองเข้ามา) จากนั้นหันขวาเดินตรงเลียบกำแพง ข้ามถนนไปถึงป้ายรถเมล์ รอ 914/915 สาย 306 รู้สึกว่าต้องไปขึ้นที่ wulukou ค่ะ ส่วนลานจอดรถที่คนอื่น ๆ พูดถึงมันปิดแล้วจ้า มีป้ายประกาศภาษาจีนแถมเจ้าหน้าที่บอกมา ที่ว่า 306 ต้องขึ้นที่ wulukou ก็เขานี่แหละบอกมา แต่เราไม่ได้ขึ้นเลยไม่ขอยืนยันนะคะ ขึ้นรถจ่าย 10 หยวน ไปสุดสายเลย ขากลับก็นั่งรถที่เดิม จดจำจุดที่ตัวเองขึ้นรถมาให้ดี ๆ ด้วยนะคะ ที่จอดรถเขาใหญ่มาก ในสุสานก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ แต่มีสิ่งที่เราอยากจะเอ่ยถึงคือ ในพิพิธภัณฑ์ ทุกคน (ทัวร์) จะพากันแห่ไปดูรถม้าที่ชั้นล่าง ส่วนพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ด้านบนนั้นร้างมากค่ะ (ทางเข้าเป็นซอกหลืบอยู่ด้านซ้ายแล้วจะเดินวนเป็นวงรอบตึกไปออกที่ทางขวา) ประเด็นคือในนั้นมีหุ่นดินเผาที่มาตั้งในระยะเกือบเอื้อมมือถึงค่ะ แถมไร้คนจะถ่ายร้อยซ็อตก็ไม่มีใครว่าไม่ติดคนอื่นด้วย
ขากลับลงจากท่ารถแล้วเดินไกลโฮกเลย ออกมาแล้วหันขวาตรงไปเรื่อยจนถึงสถานีรถไฟแล้วเข้าถนนที่จะลงรถไฟฟ้าที่ wulukou ค่ะ น่าจะมีรถเมล์ไปแต่ ณ ตอนนั้นเราเดิน.... ดังนั้นบอกสายรถไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
วัดห่านป่าขาว
เป็นจุดตัดสาย 3 กับ 4 ออกมาแล้วอยู่หลังวัดค่ะ ต้องเดินเลียบกำแพง (ซึ่งมีของขายเยอะ) ไปที่หน้าวัด ระหว่างทางมีรูปปั้นโลหะที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กน้อยมาก เพราะกอดรัดป่ายปีนได้ตามใจเลย (เป็นรูปปั้นเกี่ยวกับประเพณีจีนนะคะ มวยปล้ำ วงดนตรี งี้)
ไปสนามบิน
จากรถไฟฟ้าเชื่อมไปถึงสนามบินได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกเลยค่ะ สุดสาย 4 แล้วต่อ airport express ได้เลย สาย 4 น่าจะเป็นสายใหม่ เพราะโพยที่แม่เราหามายังบอกว่าต้องออกสาย 2 แล้วเข้าไปต่อ airport express อยู่เลย แต่เราดูแผนที่แล้วเห็นมันเชือมกับสาย 4 เลยบอกแม่ให้เปลี่ยนสาย
สุดท้ายนี้ขอพูดเรื่องอาหารค่ะ
อาหารจีน เค็มมาก มันมาก ให้เยอะมาก ถ้าไม่ใช่คนกินจุจริง ๆ เราแนะนำให้ซื้อ 1 จานต่อ 2 คนนะคะ เผื่อกินไม่ลงจะได้ไม่เปลืองเงินมากด้วย เท่าที่เรากิน ๆ มานี่เหลือบานเบอะเกือบทุกมื้ออะ บางจานมั