บาหลี!!!!!!!!!!!! ถ้าถามว่าบาหลีมีอะไรเที่ยว...แน่นอนนั่นก็คือ ชายหาดแสนสวย วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นและที่พิเศษที่สุดเลยคือสถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่อยู่คู่กันอย่างลงตัว โอ้ยยยย มันก็ต้องไปแล้วไหมละ
#รีวิวบาหลี #อินโดนีเซีย จากการรีวิวของเพจต่างๆและคำบรรยายของเพื่อนๆนั้น มันทำให้เราต้องรีบจองตั๋ว ณ บัด Now! เลยทีเดียว เอาจริงมีแพลนที่จะไปนานมาก แต่ด้วยเวลาและสภาพอากาศของที่โน่น คือฝนตกบ่อย แบบตกเกือบตลอดปี คือเป็นคนที่ไม่ชอบฝนอ่า อยากเที่ยวอากาศมันต้องดีใช่ป่ะ จะให้ใส่บิกินีกางร่มหรอออ มันไม่ช่ายยยยยย
อันดับแรกก็ต้องจองตั๋วเนาะ จากกรุงเทพ-บาหลี Flight เช้าสุดอีกละ 6 โมงเช้าค่ะ ดีออก!! ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 1,800 บาท หลังจากนั้นก็จองโรงแรม อยากบอกว่าโรงแรมที่บาหลีถูกมากกกกก และสวยเวอร์ ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามโลเคชั่นของโรงแรม แต่ไม่ต่างกันมากนะเอาจริงๆ บางโรงแรมมีสระว่ายนำ้ส่วนตัว 1,600 ต่อคืนจ้าดีงามมากเวอร์
Day 1 บินจากกรุงเทพ-บาหลี ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ไอ่เรื่องเวลานี่ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ที่นั่งนี่สิค่ะ หลังสุดจ้าาาาาา เอนเบาะก็ไม่ได้ต้องนั่งคอเเง็กถึงบาหลี พอถึงสนามบินก็เข้าตม.(จำไว้ว่าบาหลีอยู่ได้ 30 วันนะคะ ไอซ์เข้าใจผิดว่า 14วัน เพราะพึ่งกลับมาจากกัมพูชาเลยสับสนนิดหน่อย) ออกมาก็ต้องหาTaxi พวกนางจะเรียกค่าโดยสารแบบแพงมาก (ถ้าพักอยู่หาด Kuta จ่ายไม่เกิน 100.000 รูเปียห์เท่านั้นนะคะ หรือไม่ก็เรียก Grab สะดวกและราคาถูกกว่ากันเยอะค่ะ แต่ก็จะวุ่นวายหน่อยนะคะเพราะคนเยอะ) วันแรกก็ไม่ทำอะไรมากพักผ่อนเอาแรงค่ะ ตอนเย็นก็ออกไปหาไรทาน Kuta Beach มีร้านอาหารและบาร์ตลอดข้างทางจนสุดสถนน สามารถเลือกทานได้สะดวกเพราะมีป้ายและเมนูอาหารพร้อมบอกราคาไว้ด้วย
รูปนี้ดูกระแดะไปไหมที่จะลง5555 ใครไม่เคยจับเงินล้านก็มาที่บาหลีได้เลยค้าาา เพราะเงินเขาถูกกว่าของเราเยอะเลย ในมือก็ล้านกว่าๆอ่าค่ะ 5555
Day 2 Uluwatu Temple/ Pantai Tegal Wangi
ก่อนอื่นเราก็หารถมอเตอร์ไซค์เช่าก่อน ราคาจะอยู่ประมาณที่ 80.000 รูเปียห์ต่อวัน จากนั้นก็ขับไป Uluwatu Temple (ค่าเข้า 40.000 รูเปียห์) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและใครมาบาหลีต้องมากันอย่างแน่นอนตั้งอยู่บนไหล่ภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลที่สวยงามของเกาะบาหลีแห่งนี้เลยทีเดียว โดยจะอยู่ทางใต้สุดของเกาะบาหลี โดยวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของชาวอินโดนีเซียนั่นเอง สิ่งที่เราจะได้พบเห็นคือ ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และเสียงคลื่นทะเลที่คอยกระทบกันหน้าผาสูงอยู่ตลอดเวลาและจะได้เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปและสายลมที่พัดเพื่อความผ่อนคลาย ทำให้นักท่องเที่ยวมาเข้ามาอย่างล้นหลาม และที่สำคัญของที่อูลูวาตูแห่งนี้เลยคือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ใครมาบาหลีต้องคอยรับชม เพราะสวยงามเป็นอย่างมาก ขอบอกว่าวัดนี้ลิงเยอะมากกกกก และมันยังชกเอาแว่นของไอซ์ไปกัดจนไม่เหลือซาก เคืองมากขอบอก!!
ต่อมาก็ไปที่ Pantai Tegal Wangi เป็นจุดชมวิวอีกที่หนึ่งที่ชาวบาหลีจะชอบไปนั่งคุยกัน หรือแม้กระทั่งทำบาบีคิวกินกันเลย ถือว่าเป็นจุดปิกนิกได้ดีเลยทีเดียว ส่วนชายหาดก็มีทางลงไปนั่งเล่นกินลมชมคลื่นได้ คลื่นที่แรงมากนะเธอซัดแบบไม่มีความปราณีใดใด
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ
http://bit.ly/2W5zwyM
http://bit.ly/2vfUf7y
Day 3 Ubud/ Handara Golf & Resort/ Banyumala Twin Waterfalls
ย้ายถิ่นฐานมาที่ Ubud เป็นเมืองหนึ่งบนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมบาหลี พื้นที่ที่ล้อมรอบตัวเมืองประกอบไปด้วยนาข้าว ไร่ และสวนป่าของชาวบ้าน จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบาหลีค่ะ เราเดินทางมาที่นี่โดย Grab เช็คอินแล้วก็ทำการเช่ามอเตอร์ไซค์ออกสำรวจค่ะ(ส่วนมากโรงแรมที่ Ubud จะมีบริการให้เช่าค่ะ)ออกเดินทางไป Handara Golf & Resort
ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คเลยทีเดียว ถึงขั้นว่าถ้ามาบาหลีแล้วไม่ได้ไปแสดงว่าคุณไปไม่ถึงบาหลีเน้ออออ(ประตูนี้มีอีกที่นึงเรียกว่า Gateway to Heaven ที่ Pura Lempuyang(Karangkasem) แต่ด้วยคำลํ่าลือว่าคิวเยอะมากจึงขอผ่านนะจ๊ะ (ค่าเข้า 50.000 รูเปียห์)
จากนั้นก็ไปต่อที่ Banyumala Twin Waterfalls
(ค่าเข้า 30.000 รูเปียห์) เป็นนํ้าตกแฝดที่สวยงาม นํ้าเย็นมากเวอร์ทางไปก็ไม่ลำบากเลย แต่ทางเข้านํ้าตกก็จะแคบนิดๆถ้าเอารถยนต์ไปต้องเดินเข้าไปนะจ๊ะ ที่จริงจะไปต่อที่ Sekumpul Waterfalls ซึ่งเป็นนํ้าตกที่สูงที่สุดในบาหลีแต่ด้วยสภาพอากาศแล้ว ฝน
ก็ตกและไม่มีทีท่าจะหยุดเราจึงต้องกลับโรงแรมค่ะ
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ
http://bit.ly/2V9nsQ4
Day 4 Campuhan Ridge Walk/ Wisata Air Terjun Kanto Lampo/ Tegallalang Rice Terraces
วันนี้ขอเที่ยวรอบๆโรงแรมละกัน เนื่องจากเราทั้งคู่ไม่สบายตากฝนกันกลับโรงแรมเมื่อวาน เริ่มจากไปเดินชิลล์ๆสูดอากาศกันที่ Campuhan Ridge Walk
ที่นี่เป็นเส้นทางบนสันเขาเล็กๆ ที่มีลำธารไหลเลียบผ่าน บรรยากาศมันสวยและเก๋มาก เหมาะมาถ่ายรูปกับแฟน ความดีงามอยู่ที่ทุ่งหญ้าโล่งๆสีเขียว แล้วโดนแสงแดดสีทองกระทบ มีสายลมพัดมาเย็นๆ โอ้ยยย...ฟิน จนไม่รู้จะอธิบายยังไง มาต่อกันที่นํ้าตกใกล้ๆกันชื่อว่า Wisata Air Terjun Kanto Lampo
(ค่าเข้า 20.000 รูเปียห์) เป็นนํ้าตกขนาดเล็กแต่มีนํ้าเยอะมากและไหลแรง อีกทั้งยังมีจุดถ่ายรูปที่สุด cool จึงมีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปที่นั่น
จากนั้นก็ไปกันต่อที่ Tegallalang Rice Terraces
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกาะบาหลีก็คือ “นาขั้นบันได” ซึ่งเป็นวิถีการปลูกข้าวของเกาะบาหลีที่มีภูมิลักษณะเป็นภูเขา มีลักษณะเด่นคือขนาดของนาขั้นบันไดที่ใหญ่โตพาราโนม่าที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆเต็มไปหมด และที่สำคัญก็คือ นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปในผืนนาได้ตามความชอบใจ (เดินไกลๆนี่อยู่ได้หลายชั่วโมง) ส่วนค่าเข้าชมก็แล้วแต่ศรัทธาเลยจ้า
และจุดสนใจของเราก็คือ ชิงช้านั่นเอง ซึ่งดูจากรูปแล้วคือสวยมาก และอยากลองเล่นเพราะมันดูหวาดเสียวดี ค่านั่งอยู่ที่คนละ 50.000 รูเปียห์ ถือว่าโอเคนะ เพราะเรานั่งให้เขาแกว่งจนกว่าเราจะพอ
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ
http://bit.ly/2W5A1Ja
Day 5 Lembongan Island/ Devil’s Tear/ Yellow Bridge
Check Out แต่เช้าเพื่อไปท่าเรือ เราจะไปเกาะกันค่ะท่านผู้ชมเอ้ยย...ท่านผู้อ่าน (ค่าโดยสารเรือ 250.000 รูเปียห์) เมื่อซื้อตั๋วแล้วเราก็ออกเดินทางใช้เวลาเดินทางเกือบ 1ชั่วโมง เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆจึงสามารถเที่ยวได้ในวันเดียว พอไปถึงก็เก็บของและเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ
ตรงไปที่ Devil’s Tear
เป็นจุดแลนด์มาร์คยอดนิยมของเกาะนี้เลย ด้วยคลื่นที่ซัดกับฝั่งอย่างแรง กับลมที่พัดเย็นทำให้เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวสำหรับดูพระอาทิตย์ตกดินกันค่ะ
Yellow Bridge เป็นสะพานเชื่อมต่อกับเกาะเล็กๆอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งอีกฝั่งก็จะเป็นร้านอาหารและรีสอร์ท นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับสะพานแห่งนี้
สำหรับใครที่ไม่อยากเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ
http://bit.ly/2UwjjkS
Day 6 Nusa Penida Island/ Kelingking Beach
ออกเดินทางแต่เช้า ซื้อตั๋วที่ Yellow Bridge ข้ามฝั่งไปที่เกาะ Nusa Penida ซึ่งไม่ไกลจากกันมากเท่าไหร่ (ค่าโดยสารเรือ 50.000 รูเปียห์) เดินทางแค่ 25 นาที เกาะนี้มีขนาดใหญ่กว่าเกาะ Lembongan และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ส่วนมากก็จะเป็นชาวบ้าน หลังสองทุ่มก็จะมืดมาก ถนนสองข้างทางไม่มีไฟเลย ซึ่งแน่นอนถ้าเป็นคนที่ชอบหิวกลางดึกต้องมีมาม่าตุนไว้นะจ๊ะ พอถึงฝั่งเราก็เช่ารถขับตรงไปที่ Kelingking Beach
(ค่าเข้า 15.000 รูเปียห์)ขอบอกว่าทางไปค่อนข้างจะลำบากนิดนึง ทั้งเป็นทางขึ้นเขา ถนนเป็นหลุมและทางแคบต้องควรระวังเกี่ยวกับรถที่จะสวนทางมาด้วย Kelingking Beach หรือเขาสันหลังมังกร ทางเดินค่อนข้างจะแคบและชันมากค่ะ ต้องระมัดระวังอย่างมากข้างล่างก็จะมีหาดทรายขาวๆสามารถลงไปได้แต่ต้องใช้เวลานานพอสมควรสัก 30 นาทีได้ ถ้าคนใจสู้แต่ร่างกายไม่พร้อมอย่าลงไปนะคะ (ภาพข้างล่างคือชายหาดที่ไอซ์ได้เดินลงไป)
เพราะขนาดไอซ์เป็นคนที่ชอบ Trekking เดินป่าเดินเขามาก ขากลับขึ้นมายังเป็นลมระหว่างทางเลย ส่วนมากนักท่องเที่ยวก็จะมาถ่ายรูปตรงที่ไอซ์ยืนแล้วก็กลับค่ะ (ตรงที่ไอซ์ยืนคือรูปแรกบนสุดค่ะ)จากตรงจุด Kelingking Beach มองไปทางไหนก็เจอวิวที่สวยมากๆและบรรยากาศดีด้วยค่ะ ขากลับ(ค่าโดยสารเรือ 150.000 รูเปียห์)
สำหรับใครที่ไม่อยากเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ
http://bit.ly/2KSbTcc
ในส่วนสุดท้ายนี้ขอฝากวิดีโอของแฟนให้ได้ติดตามกัน ส่วนไอซ์ก็มีแฟนเพจเป็นของตัวเองด้วยน้าาาา
https://www.facebook.com/ptorpanya/
อย่าลืมกดLike กดShare และ กดSubscribed เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเครื่องไป-กลับ 7,200 บาท *รวม2คน ส่วนราคาแล้วแต่ช่วงที่จะไปและระยะเวลาการจอง
ค่าโรงแรม 6วัน 7คืน 3,000 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 180 บาท ต่อวัน 6 วัน 1,080 บาท
ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ 1,790 บาท
ค่า Taxi และ Grab 1,500 บาท
ค่าเรือโดยสาร 2,040 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 7,640 บาท
รวม 24,250 บาท ราคานี้รวม 2 คน
สำหรับความคิดเห็นในทริปนี้ ไอซ์ว่าบาหลีเป็นอะไรที่เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ไปแล้วก็อยากกลับไปอีก ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีเยอะเหลือเกินจนเที่ยวไม่ทั่วภายในอาทิตย์เดียว ทั้งยังได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่างเพราะที่นั่นนับถือศาสนาฮินดูเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายอาจจะแพงหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ไปค่ะ
ปล. ที่นี่ทุกอย่างจะตั้งราคาไว้สูงมากคุณสามารถต่อราคากับพวกเขาได้เลย ถ้าไม่ต่อหรือถามราคาดีๆคุณอาจจะได้ของแพงกลับไปได้ค่ะ
ปล.2 ขอเตือนนะคะ คือก่อนคุณจะทำอะไรหรือทำการจ่ายตังให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเผื่อไว้ก็ดีนะคะ เพราะนี่เจอมากับตัว คือเอาผ้าไปซักกับร้านแล้วจ่ายเงินพร้อมใบเสร็จพอถึงเวลาเราไปเอาผ้า นางบอกว่าเราไม่ได้จ่าย คือเราหัวเสียมากเพราะถ้าไม่จ่ายเราจะได้ใบเสร็จได้ยังไง นางตะคอกใส่เราบอกทำไมเป็นคนไม่ดีไม่จ่ายนางแล้วยังขู่จะแจ้งตำรวจงี้ ไอ่แฟนก็อธิบายอยู่นั่นว่าจ่ายแล้ว คือนางไม่ฟังไง เจออีนี่ตะคอกกลับถึงกับหน้าแหกไปเลย ปกติไปเที่ยวไม่เคยมีปัญหาพึ่งมาเจอนี่ละคะ ยังไงก็ระวังกันด้วยนะคะ
………...
เที่ยวบาหลี ฉบับมั่วๆแต่ทั่วถึงเด้ออออ Bali, Indonesia
#รีวิวบาหลี #อินโดนีเซีย จากการรีวิวของเพจต่างๆและคำบรรยายของเพื่อนๆนั้น มันทำให้เราต้องรีบจองตั๋ว ณ บัด Now! เลยทีเดียว เอาจริงมีแพลนที่จะไปนานมาก แต่ด้วยเวลาและสภาพอากาศของที่โน่น คือฝนตกบ่อย แบบตกเกือบตลอดปี คือเป็นคนที่ไม่ชอบฝนอ่า อยากเที่ยวอากาศมันต้องดีใช่ป่ะ จะให้ใส่บิกินีกางร่มหรอออ มันไม่ช่ายยยยยย
อันดับแรกก็ต้องจองตั๋วเนาะ จากกรุงเทพ-บาหลี Flight เช้าสุดอีกละ 6 โมงเช้าค่ะ ดีออก!! ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 1,800 บาท หลังจากนั้นก็จองโรงแรม อยากบอกว่าโรงแรมที่บาหลีถูกมากกกกก และสวยเวอร์ ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามโลเคชั่นของโรงแรม แต่ไม่ต่างกันมากนะเอาจริงๆ บางโรงแรมมีสระว่ายนำ้ส่วนตัว 1,600 ต่อคืนจ้าดีงามมากเวอร์
Day 1 บินจากกรุงเทพ-บาหลี ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ไอ่เรื่องเวลานี่ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ที่นั่งนี่สิค่ะ หลังสุดจ้าาาาาา เอนเบาะก็ไม่ได้ต้องนั่งคอเเง็กถึงบาหลี พอถึงสนามบินก็เข้าตม.(จำไว้ว่าบาหลีอยู่ได้ 30 วันนะคะ ไอซ์เข้าใจผิดว่า 14วัน เพราะพึ่งกลับมาจากกัมพูชาเลยสับสนนิดหน่อย) ออกมาก็ต้องหาTaxi พวกนางจะเรียกค่าโดยสารแบบแพงมาก (ถ้าพักอยู่หาด Kuta จ่ายไม่เกิน 100.000 รูเปียห์เท่านั้นนะคะ หรือไม่ก็เรียก Grab สะดวกและราคาถูกกว่ากันเยอะค่ะ แต่ก็จะวุ่นวายหน่อยนะคะเพราะคนเยอะ) วันแรกก็ไม่ทำอะไรมากพักผ่อนเอาแรงค่ะ ตอนเย็นก็ออกไปหาไรทาน Kuta Beach มีร้านอาหารและบาร์ตลอดข้างทางจนสุดสถนน สามารถเลือกทานได้สะดวกเพราะมีป้ายและเมนูอาหารพร้อมบอกราคาไว้ด้วย
รูปนี้ดูกระแดะไปไหมที่จะลง5555 ใครไม่เคยจับเงินล้านก็มาที่บาหลีได้เลยค้าาา เพราะเงินเขาถูกกว่าของเราเยอะเลย ในมือก็ล้านกว่าๆอ่าค่ะ 5555
Day 2 Uluwatu Temple/ Pantai Tegal Wangi
ก่อนอื่นเราก็หารถมอเตอร์ไซค์เช่าก่อน ราคาจะอยู่ประมาณที่ 80.000 รูเปียห์ต่อวัน จากนั้นก็ขับไป Uluwatu Temple (ค่าเข้า 40.000 รูเปียห์) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและใครมาบาหลีต้องมากันอย่างแน่นอนตั้งอยู่บนไหล่ภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลที่สวยงามของเกาะบาหลีแห่งนี้เลยทีเดียว โดยจะอยู่ทางใต้สุดของเกาะบาหลี โดยวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของชาวอินโดนีเซียนั่นเอง สิ่งที่เราจะได้พบเห็นคือ ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ และเสียงคลื่นทะเลที่คอยกระทบกันหน้าผาสูงอยู่ตลอดเวลาและจะได้เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปและสายลมที่พัดเพื่อความผ่อนคลาย ทำให้นักท่องเที่ยวมาเข้ามาอย่างล้นหลาม และที่สำคัญของที่อูลูวาตูแห่งนี้เลยคือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ใครมาบาหลีต้องคอยรับชม เพราะสวยงามเป็นอย่างมาก ขอบอกว่าวัดนี้ลิงเยอะมากกกกก และมันยังชกเอาแว่นของไอซ์ไปกัดจนไม่เหลือซาก เคืองมากขอบอก!!
ต่อมาก็ไปที่ Pantai Tegal Wangi เป็นจุดชมวิวอีกที่หนึ่งที่ชาวบาหลีจะชอบไปนั่งคุยกัน หรือแม้กระทั่งทำบาบีคิวกินกันเลย ถือว่าเป็นจุดปิกนิกได้ดีเลยทีเดียว ส่วนชายหาดก็มีทางลงไปนั่งเล่นกินลมชมคลื่นได้ คลื่นที่แรงมากนะเธอซัดแบบไม่มีความปราณีใดใด
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ http://bit.ly/2W5zwyM
http://bit.ly/2vfUf7y
Day 3 Ubud/ Handara Golf & Resort/ Banyumala Twin Waterfalls
ย้ายถิ่นฐานมาที่ Ubud เป็นเมืองหนึ่งบนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมบาหลี พื้นที่ที่ล้อมรอบตัวเมืองประกอบไปด้วยนาข้าว ไร่ และสวนป่าของชาวบ้าน จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบาหลีค่ะ เราเดินทางมาที่นี่โดย Grab เช็คอินแล้วก็ทำการเช่ามอเตอร์ไซค์ออกสำรวจค่ะ(ส่วนมากโรงแรมที่ Ubud จะมีบริการให้เช่าค่ะ)ออกเดินทางไป Handara Golf & Resort
ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คเลยทีเดียว ถึงขั้นว่าถ้ามาบาหลีแล้วไม่ได้ไปแสดงว่าคุณไปไม่ถึงบาหลีเน้ออออ(ประตูนี้มีอีกที่นึงเรียกว่า Gateway to Heaven ที่ Pura Lempuyang(Karangkasem) แต่ด้วยคำลํ่าลือว่าคิวเยอะมากจึงขอผ่านนะจ๊ะ (ค่าเข้า 50.000 รูเปียห์)
จากนั้นก็ไปต่อที่ Banyumala Twin Waterfalls
(ค่าเข้า 30.000 รูเปียห์) เป็นนํ้าตกแฝดที่สวยงาม นํ้าเย็นมากเวอร์ทางไปก็ไม่ลำบากเลย แต่ทางเข้านํ้าตกก็จะแคบนิดๆถ้าเอารถยนต์ไปต้องเดินเข้าไปนะจ๊ะ ที่จริงจะไปต่อที่ Sekumpul Waterfalls ซึ่งเป็นนํ้าตกที่สูงที่สุดในบาหลีแต่ด้วยสภาพอากาศแล้ว ฝนก็ตกและไม่มีทีท่าจะหยุดเราจึงต้องกลับโรงแรมค่ะ
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ http://bit.ly/2V9nsQ4
Day 4 Campuhan Ridge Walk/ Wisata Air Terjun Kanto Lampo/ Tegallalang Rice Terraces
วันนี้ขอเที่ยวรอบๆโรงแรมละกัน เนื่องจากเราทั้งคู่ไม่สบายตากฝนกันกลับโรงแรมเมื่อวาน เริ่มจากไปเดินชิลล์ๆสูดอากาศกันที่ Campuhan Ridge Walk
ที่นี่เป็นเส้นทางบนสันเขาเล็กๆ ที่มีลำธารไหลเลียบผ่าน บรรยากาศมันสวยและเก๋มาก เหมาะมาถ่ายรูปกับแฟน ความดีงามอยู่ที่ทุ่งหญ้าโล่งๆสีเขียว แล้วโดนแสงแดดสีทองกระทบ มีสายลมพัดมาเย็นๆ โอ้ยยย...ฟิน จนไม่รู้จะอธิบายยังไง มาต่อกันที่นํ้าตกใกล้ๆกันชื่อว่า Wisata Air Terjun Kanto Lampo
(ค่าเข้า 20.000 รูเปียห์) เป็นนํ้าตกขนาดเล็กแต่มีนํ้าเยอะมากและไหลแรง อีกทั้งยังมีจุดถ่ายรูปที่สุด cool จึงมีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปที่นั่น
จากนั้นก็ไปกันต่อที่ Tegallalang Rice Terraces
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกาะบาหลีก็คือ “นาขั้นบันได” ซึ่งเป็นวิถีการปลูกข้าวของเกาะบาหลีที่มีภูมิลักษณะเป็นภูเขา มีลักษณะเด่นคือขนาดของนาขั้นบันไดที่ใหญ่โตพาราโนม่าที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆเต็มไปหมด และที่สำคัญก็คือ นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปในผืนนาได้ตามความชอบใจ (เดินไกลๆนี่อยู่ได้หลายชั่วโมง) ส่วนค่าเข้าชมก็แล้วแต่ศรัทธาเลยจ้า
และจุดสนใจของเราก็คือ ชิงช้านั่นเอง ซึ่งดูจากรูปแล้วคือสวยมาก และอยากลองเล่นเพราะมันดูหวาดเสียวดี ค่านั่งอยู่ที่คนละ 50.000 รูเปียห์ ถือว่าโอเคนะ เพราะเรานั่งให้เขาแกว่งจนกว่าเราจะพอ
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ http://bit.ly/2W5A1Ja
Day 5 Lembongan Island/ Devil’s Tear/ Yellow Bridge
Check Out แต่เช้าเพื่อไปท่าเรือ เราจะไปเกาะกันค่ะท่านผู้ชมเอ้ยย...ท่านผู้อ่าน (ค่าโดยสารเรือ 250.000 รูเปียห์) เมื่อซื้อตั๋วแล้วเราก็ออกเดินทางใช้เวลาเดินทางเกือบ 1ชั่วโมง เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆจึงสามารถเที่ยวได้ในวันเดียว พอไปถึงก็เก็บของและเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ
ตรงไปที่ Devil’s Tear
เป็นจุดแลนด์มาร์คยอดนิยมของเกาะนี้เลย ด้วยคลื่นที่ซัดกับฝั่งอย่างแรง กับลมที่พัดเย็นทำให้เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวสำหรับดูพระอาทิตย์ตกดินกันค่ะ
Yellow Bridge เป็นสะพานเชื่อมต่อกับเกาะเล็กๆอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งอีกฝั่งก็จะเป็นร้านอาหารและรีสอร์ท นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับสะพานแห่งนี้
สำหรับใครที่ไม่อยากเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ http://bit.ly/2UwjjkS
Day 6 Nusa Penida Island/ Kelingking Beach
ออกเดินทางแต่เช้า ซื้อตั๋วที่ Yellow Bridge ข้ามฝั่งไปที่เกาะ Nusa Penida ซึ่งไม่ไกลจากกันมากเท่าไหร่ (ค่าโดยสารเรือ 50.000 รูเปียห์) เดินทางแค่ 25 นาที เกาะนี้มีขนาดใหญ่กว่าเกาะ Lembongan และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ส่วนมากก็จะเป็นชาวบ้าน หลังสองทุ่มก็จะมืดมาก ถนนสองข้างทางไม่มีไฟเลย ซึ่งแน่นอนถ้าเป็นคนที่ชอบหิวกลางดึกต้องมีมาม่าตุนไว้นะจ๊ะ พอถึงฝั่งเราก็เช่ารถขับตรงไปที่ Kelingking Beach
(ค่าเข้า 15.000 รูเปียห์)ขอบอกว่าทางไปค่อนข้างจะลำบากนิดนึง ทั้งเป็นทางขึ้นเขา ถนนเป็นหลุมและทางแคบต้องควรระวังเกี่ยวกับรถที่จะสวนทางมาด้วย Kelingking Beach หรือเขาสันหลังมังกร ทางเดินค่อนข้างจะแคบและชันมากค่ะ ต้องระมัดระวังอย่างมากข้างล่างก็จะมีหาดทรายขาวๆสามารถลงไปได้แต่ต้องใช้เวลานานพอสมควรสัก 30 นาทีได้ ถ้าคนใจสู้แต่ร่างกายไม่พร้อมอย่าลงไปนะคะ (ภาพข้างล่างคือชายหาดที่ไอซ์ได้เดินลงไป)
เพราะขนาดไอซ์เป็นคนที่ชอบ Trekking เดินป่าเดินเขามาก ขากลับขึ้นมายังเป็นลมระหว่างทางเลย ส่วนมากนักท่องเที่ยวก็จะมาถ่ายรูปตรงที่ไอซ์ยืนแล้วก็กลับค่ะ (ตรงที่ไอซ์ยืนคือรูปแรกบนสุดค่ะ)จากตรงจุด Kelingking Beach มองไปทางไหนก็เจอวิวที่สวยมากๆและบรรยากาศดีด้วยค่ะ ขากลับ(ค่าโดยสารเรือ 150.000 รูเปียห์)
สำหรับใครที่ไม่อยากเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ http://bit.ly/2KSbTcc
ในส่วนสุดท้ายนี้ขอฝากวิดีโอของแฟนให้ได้ติดตามกัน ส่วนไอซ์ก็มีแฟนเพจเป็นของตัวเองด้วยน้าาาา
https://www.facebook.com/ptorpanya/
อย่าลืมกดLike กดShare และ กดSubscribed เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเครื่องไป-กลับ 7,200 บาท *รวม2คน ส่วนราคาแล้วแต่ช่วงที่จะไปและระยะเวลาการจอง
ค่าโรงแรม 6วัน 7คืน 3,000 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 180 บาท ต่อวัน 6 วัน 1,080 บาท
ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ 1,790 บาท
ค่า Taxi และ Grab 1,500 บาท
ค่าเรือโดยสาร 2,040 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 7,640 บาท
รวม 24,250 บาท ราคานี้รวม 2 คน
สำหรับความคิดเห็นในทริปนี้ ไอซ์ว่าบาหลีเป็นอะไรที่เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ไปแล้วก็อยากกลับไปอีก ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีเยอะเหลือเกินจนเที่ยวไม่ทั่วภายในอาทิตย์เดียว ทั้งยังได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่างเพราะที่นั่นนับถือศาสนาฮินดูเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายอาจจะแพงหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ไปค่ะ
ปล. ที่นี่ทุกอย่างจะตั้งราคาไว้สูงมากคุณสามารถต่อราคากับพวกเขาได้เลย ถ้าไม่ต่อหรือถามราคาดีๆคุณอาจจะได้ของแพงกลับไปได้ค่ะ
ปล.2 ขอเตือนนะคะ คือก่อนคุณจะทำอะไรหรือทำการจ่ายตังให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเผื่อไว้ก็ดีนะคะ เพราะนี่เจอมากับตัว คือเอาผ้าไปซักกับร้านแล้วจ่ายเงินพร้อมใบเสร็จพอถึงเวลาเราไปเอาผ้า นางบอกว่าเราไม่ได้จ่าย คือเราหัวเสียมากเพราะถ้าไม่จ่ายเราจะได้ใบเสร็จได้ยังไง นางตะคอกใส่เราบอกทำไมเป็นคนไม่ดีไม่จ่ายนางแล้วยังขู่จะแจ้งตำรวจงี้ ไอ่แฟนก็อธิบายอยู่นั่นว่าจ่ายแล้ว คือนางไม่ฟังไง เจออีนี่ตะคอกกลับถึงกับหน้าแหกไปเลย ปกติไปเที่ยวไม่เคยมีปัญหาพึ่งมาเจอนี่ละคะ ยังไงก็ระวังกันด้วยนะคะ
………...