ยายเป็นไรไม่รู้ ช่วยแนะนำหน่อยครับ

คุณยายอายุ 74ปี สูง 150 cm หนัก 54 kg มีอาการวิงเวียนศีรษะ เวลาเดินจะมีอาการคล้ายเมารถ นอกจากนี้❗คุณยายบอกว่าได้ยินเหมือนเสียงจิ้งหริดภายในหู อย่างไรก็ตามได้พาคุณยายไปพบแพทย์ และทำการตรวจทุกอย่างดังนี้
✓ตรวจน้ำในหู = ปกติ
✓ ตรวจระบบประสาทหู = ปกติ
✓ตรวจความดัน = ปกติ
✓ ตรวจระบบตา ประสาทตา = ปกติ
✓ ตรวจสแกนสมอง หรือทีทีสแกน = ปกติ
✓ ระบบประสาทและสมอง = ปกติ
✓เบาหวาน = ไม่มี
✓โรคประจำตัว = ไม่มี
✓ตรวจไขมัน = พบมีเล็กน้อย(กินยาตามแพทย์สั่งปกติ)
✓ไม่มีแพ้ยา คือตอนนี้เหนื่อยใจมากเลยครับ หาสาเหตุไม่ได้ ขอคำแนะนำหน่อยครับ ควรทำอย่างไรดี 😭
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อาการเวียนศีรษะในผู้สูงอายุ มักเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น โรคทางระบบหู ได้แก่โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด
ก้อนเนื้องอกในหู เส้นประสาทในหูอักเสบ หรือเกิดความเสื่อมของหูชั้นกลางที่ควบคุมเกี่ยวกับเรื่องการทรงตัว ผู้ป่วยบางคนจะเกิด
อาการเวียนศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุได้ หรือเกิดจากโรคทางระบบประสาทและสมอง เช่นโรคเส้นเลือดในสมองตีบทั้งแบบชั่วคราวและถาวร
โรคพาร์กินสัน โรคไมเกรนบางแบบ และอาจเกิดจากปัญหาของอวัยวะบริเวณลำคอของผู้สูงอายุ เช่นโรคกระดูกต้นคอเสื่อม โรคเส้นเลือดที่คอตีบ
หรือการมีคราบไขมันเกาะบริเวณหลอดเลือดที่คอที่ทำให้เวลาหันศีรษะเร็วๆจะทำให้เกิดการอุดกั้นของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองชั่วคราว
จนเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมาได้

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดได้จาก โรคความดันโลหิตตกหลังอาการรับประทานอาหาร โรคทางจิตเวช เช่น โรคเครียด โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า
โรคทางตา รวมถึงผลข้างเคียงจากการใช้ยาประเภทต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้โดยผ่านกลไกที่แตกต่างกัน เช่น ยาลดความดัน
ยาขับปัสสาวะ ยากันชัก ยาปรับอัตราการเต้นของหัวใจ ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ยานอนหลับ และยาทางจิตเวช เป็นต้นค่ะ

ในเบื้องต้น หากได้พบแพทย์แล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนนะคะ และแนะนำว่าอย่าให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าอย่างกระทันหัน
หันศีรษะช้าๆ หรือถ้ามีอาการอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนท่าทาง หรือหันศีรษะบางทิศทาง ที่อันตรายในผู้สูงอายุคือการไม่สามารถทรงตัวได้
จะเกิดอุบัติเหตุในการพลัดตกหกล้มได้ง่ายค่ะ นอกจากนี้ แนะนำให้ทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะความวิตกกังวลอาจทำให้
อาการบ้านหมุนแย่ลงได้  ทั้งนี้ หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้กลับไปพบแพทย์ผู้ทำการรักษา
เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด และรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่