▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
จังหวัดเชียงราย
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
แผนการเดินทางและท่องเที่ยว
[CR] ปลายฝน ต้นยังไม่หนาว กับ เชียงราย 2 วัน 1 คืน
ไม่ต้องวางแผนอะไรมากมายเพราะมีเป้าหมายที่ตั้งใจจะไปไว้แล้ว ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น และเราใช้บริการกับสายการบินหางเเดงที่ตรงต่อเวลาเช่นเดิม และด้วยความโชคดีที่พ้อยท์ AirAsia มีประโยชน์แลกตั๋วเครื่องบินขากลับฟรีไปเลยจ้า !!! พร้อมเดินทางแล้ว การเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการรถเช่าของ อุ้ยคำ รถเช่าเชียงรายรถสะอาด ตรงเวลา ราคาเป็นมิตร ใช้บริการได้ไม่ผิดหวังแน่นอน
เป้าหมายแรกของเราเชื่อว่าหลายคนคงเคยไปที่นี่แล้ว แต่ตัวเรานั้นยังไม่เคยไปและพลาดไม่ได้เมื่อมาเชียงราย
ไร่ชาฉุยฟง
ในวันที่ฟ้าปิด แดดไม่แรง ออกจะครึ้มๆ ด้วยซ้ำ ก็เริ่มจะกังวลเล็กน้อยเพราะกลัวว่าฝนจะตกแล้วถ่ายรูปไม่ได้ ดีที่คนไม่เยอะมาก มีที่ให้นั่งกินอาหารและเครื่องดื่มได้ 2 ที่ ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะไปเยือนทั้งสองที่ แต่สุดท้ายก็เลือกไปนั่งกินโซนใหม่(รึป่าวไม่รู้) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ คนน้อยดี มองเห็นไร่ชาสุดลูกหูลูกตา ลดหลั่นกันเป็นขั้นบันได เราไม่รอช้าเพราะหิว รีบสั่งอาหาร ขนม และเครื่องดื่มมาทันที อาหารที่สั่งก็ง่ายๆ ไม่ต้องเยอะ สปาเก็ตตี้จานเดียวแบ่งกันกิน 2 คน รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว
มาถึง ชาเขียนปั่น ที่ว่ากันว่ามาต้องสั่ง...รสชาติหรอ...จืดอ่าา ไม่มีกลิ่นหอมของชาเขียวขึ้นมาเตะจมูกเลย...แต่ชาไทยยังพอมีกลิ่นบ้าง
เค้ก ก็ดูธรรมดาไม่ได้อร่อยถึงขั้นต้องร้องว้าว หรือเราสั่งอะไรที่แบบว่าที่ไม่ใช่ซิกเนเจอร์ของที่นี่รึป่าวก็ไม่รู้นะ
โดยส่วนตัวแล้ว ย้ำ !!! ว่าส่วนตัว คิดว่าราคาแอบแพงไปนิสนึง
นั่งชมความเขียวขจีของไร่ชาแบบเพลิน ๆ ได้อยู่พักใหญ่ แต่ไม่ได้ลงไปในไร่ชาเพื่อดมกลิ่นของชาไทยหรอกนะ ก็ต้องโบกมือลาไร่ชาเพื่อมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่เป็นเป้าหมายของการมาเชียงรายในครั้งนี้แล้ว
ไว้คราวหน้ามีโอกาสมาอีกครั้งจะมาลองสั่งใหม่ ครั้งนี้อาจสั่งอะไรผิดไป รสชาติเลยไม่ได้ออกมาอย่างที่คาดหวัง
จากไร่ชา ขับมาทางดอยตุง ก็จะพบกับ จุดชมวิว กม.12 เป็นจุดแวะพักรถที่อยู่ระหว่างทางขึ้นไปพระธาตุดอยตุง ถ้าใครใช้เส้นทางดอยตุงสายใหม่ ก็จะผ่านจุดชมวิวนี้ มีร้านขายสินค้าที่ระลึกชาวเขา การซื้อของอาจต้องระวังเพราะจะโดนหลอกได้ง่าย เนื่องจากของบางอย่างที่นี่อาจจะไม่ใช่ของแท้ ในวันที่ไปคนก็ไม่เยอะมาก แวะได้ไม่นานก็ออกเดินทางกันต่อ
เราขับรถเลียบถนนความมั่นคงชายแดนไทยพม่ามาตลอดทาง ซ้ายมือเป็นฝั่งพม่า ขวามือเป็นไทยแลนด์ แต่ถนนอยู่บนประเทศ วิ่งตามแนวเขตสันปันน้ำ มีเสาไฟฟ้าปักบอกเขตไว้อยู่ เส้นทางขับสบายชาวบ้านมักเรียกเป็นถนนลอยฟ้าของที่นี่ ทางโค้งเป็นปกติ รถทุกประเภทสามารถวิ่งได้ วิ่งไปได้พักใหญ่ จะเข้าฐานปฏิบัติการเพื่อให้ทหารตรวจรถก่อน
ถึงแล้ววว “ดอยผาฮี้” เป็นดอยที่อยู่ในหุบเขาน้อยคนอาจจะรู้จัก บ้านแต่ละหลังปลูกเรียงลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา ที่นี่มีกาแฟเป็นของขึ้นชื่อเพราะคนที่ขึ้นมาที่นี่ต่างอยากมาลิ้มลองกาแฟทั้นสิ้น แต่การเลือกมาของเราไม่ได้เริ่มมาจากอยากกินกาแฟ แต่อยากมางานประเพณีของชาวอาข่า นั่นคือ ประเพณี โล้ชิงช้า แต่น่าเสียดายในช่วงวันที่เราไปมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตประเพณีดังกล่าวจึงต้องเลื่อนไปจนกว่าการทำพิธีจะเสร็จซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวอาข่าที่ยึดถือกันมานานมาก (ถามชาวบ้านมา)
ภูผาฮี้โฮมสเตย์ เป็นที่พักที่เลือกในครั้งนี้ ที่พักร้อยกับวิวหลักล้าน เช็คอินเข้าที่พักพร้อมกับหมอกที่ลอยมากระทบถึงหน้าต่างห้อง คือ อากาศดีย์มากๆ วิวด้านหน้าคือ ถ้ำขุนน้ำนางนอน มองไปซ้ายสุดจะเป็นเขตแดนของพม่าแต่เหมือนท้องฟ้าจะไม่เปิดเอาเสียเลยเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยก็ชิมกาแฟก่อนหนึ่งแก้ว รสชาติไม่ผิดหวัง ขึ้นไปชมวิวพักนึงที่นี่สัญลักษณ์จะเป็นร่มสีเขียวนะจ้ะ มีชุดชาวเขาให้เปลี่ยนถ่ายรูปพร้อม เจ้าของที่พักใจดีมากคอยแนะนำนั่นนี่นู่น และแนะนำไกด์ตัวน้อยให้เดินพาชมรอบหมู่บ้านผาฮี้ ไกด์ทั้งสอง ชื่อ น้องนาง และน้องตูน พาเดินไปเรื่อยๆ คอยบอกที่มาที่ไปของสิ่งรอบๆ ข้างตลอดทางว่ามันคืออะไร และแต่ล่ะบ้านของที่นี่ก็จะพบต้นกาแฟเกือบทุกบ้าน เด็กน้อยหยิบให้กินสดๆกันไปเลยจ้าาาา โชคดีที่อากาศเย็นเลยเดินได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยมากนัก คราวนี้เดินออกมาถึงด้านหน้า เห็นทางที่จะต้องเดินขึ้นไปล่ะแบบว่า .... เดินขึ้นอย่างเดียว เดินไปจนเจอประตูผีที่น้องบอกว่ารอดแล้วจะโชคดี สถานที่โล้ชิงชาของชาวอาข่า เดินไปจนถึงป้ายหมู่บ้านที่มาแล้วพลาดไม่ได้ต้องถ่ายรูปไว้ ระหว่างนั้นฝนก็เริ่มโปรยปราย เราก็ต้องเดินลงกลับที่พักเพื่อรอเวลาไปสะพานไม้กันต่อ
ฝนหยุดตกแล้ว ติดต่อรถ 4W ทันที รถอื่นไปไม่ได้เนื่องจากถนนชันและลื่นมาก ถ้าคนไม่ชำนาญอาจจะเลยลงหน้าผาไปเลยจ้าา ค่ารถและค่าเข้า คนละ 60 บาท
"สะพานไม้ไผ่ไร่ผาฮี้" จุดเช็คอินแห่งใหม่ที่จัดได้ว่าเป็นสกายวอร์คไว้ดูวิวของที่นี่เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะวิวของถ้ำขุนน้ำนางนอนที่ทอดยาว ตรงที่พักจะเป็นส่วนหน้าและหน้าอกและลำตัวของนางนอน ส่วนตรงที่เห็นที่สะพานไม้ไผ่จะเป็นส่วนขาของนางนอน สะพานไม้ไผ่ประดับด้วยร่มสีสันสดใสตลอดทาง แต่วันที่ไปดูเหมือนร่มจะซีดแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้