กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ได้มีโอกาสรีวิวการท่องเที่ยว ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเป็นมือใหม่หัดโพสรีวิวท่องเที่ยวครับ ทริปนี้ค่อนข้างเร่งด่วน แทบไม่ได้หาข้อมูลว่าจะไปที่ไหนในช่วงนี้เหมือนดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เนื่องด้วยช่วงนี้ลูกสาวปิดเทอมพอดี อีกทั้งเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีเวลาน้อย จึงเลือกสถานที่ใกล้ๆ จังหวัดนครสวรรค์
ภรรยาเลยหาดูตามโพสหรือตามกระทู้ท่องเที่ยวในเว็บไซต์ต่างๆ จึงพบจุดสนใจที่น่าจะไปเที่ยว คือ เขาค้อ แต่...เราเคยไปกันมาแล้ว ซึ่งครอบครัวของเรามักจะไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน จนไปพบสถานที่หนึ่งในเขาค้อที่ยังไม่เคยไป นั่นก็คือ เขาตะเคียนโง๊ะ ทันใดนั้นเองผมก็นึกขึ้นได้ว่า มีสถานที่ซึ่งผมอยากไปและอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สถานที่ทั้ง 2 แห่งที่วางแผนนั้น อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียงกันนี้เอง
ผมและครอบครัวเริ่มต้นด้วยการติดต่อที่พักกันก่อนเลยครับ สถานที่แรกคือ ที่พักบนเขาตะเคียนโง๊ะ โดยหาจากเว็บไซต์ท่องเที่ยวหรือเพจท่องเที่ยวต่างๆ ก็ได้เบอร์โทรศัพท์กลุ่มวิสาหกิจ ชุมชน เบอร์ 062-2513749 เป็นเต็นท์ขนาด 2-3 คน พร้อมหมอน แผ่นรองนอน และผ้าห่ม ราคา 500 บาท ส่วนผู้ที่นำเต็นท์ไปเอง คิดคนละ 100 บาท ซึ่งก่อนการเดินทางทุกครั้งผมในฐานะคนขับรถต้องหาข้อมูลการเดินทางจาก Google Map และ Youtube เป็นการเบื้องต้น ส่วนที่พักแห่งที่สอง คือ บ้านพักอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จองผ่านเว็บไซต์
http://nps.dnp.go.th/ ในช่วงวันธรรมดาจะได้ราคาพิเศษ ในราคา 1,400 บาท จาก 2,000 บาท
จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
หลังจากเตรียมเรื่องที่พักเสร็จแล้ว เราก็เริ่มการเดินทางวันที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 11.30 น. สถานที่แรกตามแผนการท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ คือ เขาตะเคียนโง๊ะ ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้เส้นทาง อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ใช้เวลาเดินทาง และพักบ้างเป็นระยะๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง เส้นทางจากอำเภอเมือง ไปยังเขาค้อมีทางลาดชันเป็นส่วนใหญ่ แต่กระนั้นเก๋งน้อยก็ไม่หวั่นไปได้อยู่แว้ว เมื่อถึงทางที่จะขึ้นไปยังจัดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะที่เราจะพักในค่ำคืนนี้ เพื่อชมทะเลหมอกยามเช้า จะมีทางชันมากประมาณเกือบๆ แต่ระยะทางสั้น แค่ 300 เมตร
วีดีโอจากกล้องหน้ารถ
เมื่อลงจากรถ อากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อยๆ ครอบครัวเราได้เต็นท์เบอร์ 4-5 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม และทำเลดีมาก ด้านซ้ายเป็นเขาหญ้า ตอนเช้าเป็นตำแหน่งที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนด้านหลังจะเห็นพระอาทิตย์ตกยามเย็นสวยงาม
ที่นี่มีห้องน้ำ จำนวน 10 ห้อง ที่สะอาดดีมาก แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพห้องน้ำมาให้ทุกท่านได้ดูกัน ช่วงค่ำหลังจากที่อาบน้ำมา ลืมบอกไปว่า ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะครับ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอยากอุ่นให้กระโดดตบ 100 ครั้ง แล้วไปอาบน้ำ (ฮ่าๆๆๆๆ) ก็นึกถึงอาหารค่ำ ซึ่งอากาศแบบนี้ วิวแบบนี้ ต้องหมูกระทะเท่านั้น ว่าแล้วก็จัดการสั่งมากิน มี 2 ร้านที่มีหมูกระทะให้เลือก ร้านแรก ชุดเล็ก 350 บาท ชุดใหญ่ 500 บาท แถมน้ำอัดลมขวดใหญ่ 1 ขวด ส่วนร้านที่สอง ชุดเล็ก 350 บาท ชุดใหญ่ 450 บาท จากนั้นเราก็เลือกร้านที่สองครับ เขามาส่งให้ถึงเต็นท์เลยครับ ไม่มีค่าส่ง กินกัน 3 คน อิ่มกำลังพอดี ช่วงกลางคืนในวันที่ผมไป ลมแรงและอากาศประมาณ 20 องศา ครับ
ตื่นเช้ามาประมาณ 05.30 น. ล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วก็มารอดูทะเลหมอก วันที่ 21 ตุลาคม 2562 ทางทิศตะวันตกมีหมอกเป็นแผ่นที่สวยงามมาก แต่เราก็ยังคงรอว่าทางฝั่งทิศตะวันออกที่เต๊นท์เราตั้งอยู่จะเห็นทะเลหมอกบ้าง รอจนพระอาทิตย์ขึ้น ก็ไม่เห็นทะเลหมอกดังที่เคยดูมาในเพจหลายๆแห่งที่แชร์กัน แต่พบความงามอีกแบบหนึ่ง พระอาทิตย์ตัดกับสายหมอกบางๆ นี่แหละครับ คือ ธรรมชาติ ครับ
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
ทะเลหมอกฝั่งตะวันตก
พระตำหนักเขาค้อ
หลังจากที่ชมทะเลหมอกกันอย่างจุใจแล้ว ก็ได้เก็บของขึ้นรถเตรียมเดินทางไปเที่ยวต่อ เราลงจากเขาตะเคียนโง๊ะ เวลาประมาณ 8.30 น. เดินทางต่อไปยังพระตำหนักเขาค้อ ระยะทาง 10 กิโลเมตร ในช่วงทางขึ้นเขาจะไม่ชันมากนัก แต่ขึ้นตลอดครับ จะมีช่วงหนึ่งที่ทางขึ้นกับทางลงอยู่คนละทางกัน ทำให้ขับง่าย เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุ ใช้เกียร์ 1-2-1 ตลอดทาง เมื่อเดินทางถึงข้างบนพระตำหนักแล้ว บรรยากาศดีมาก มีลานต้นสนที่ร่มรื่นมาก ด้านหน้าพระตำหนักมีมัคคุเทศก์น้อยอาสา จากโรงเรียนสะเดาะพง มาให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว เพียงน้องๆขอน้ำใจทุนการศึกษาตามที่นักท่องเที่ยวจะมอบให้ น้องๆ บอกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับแรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาสที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงเยี่ยมงานในโครงการพระราชดำริ ทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดพระตำหนัก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร ภายในพระตำหนักมีบ้านพักรับรอง และสถานที่กางเต็นท์สำหรับรับรองนักท่องเที่ยว และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า หรือผู้ที่ชอบเก็บภาพวิวสูง มีทางเดินขึ้นไปยังยอดเขาหญ้า ระยะทางประมาณ 700 เมตร ทางเดินมีความชันตลอดเส้นทาง
กังหันลมเขาค้อ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง เดินทางต่อไปยังกังหันลมเขาค้อ ระยะทางจากพระตำหนักเขาค้อ ประมาณ 22 กิโลเมตร ถ้าให้ GPS ค้นหา จะให้เขาตรงโรงเรียนอนุบาลเขาค้อ ลักษณะจะเป็นเส้นทางผ่านหมู่บ้าน ทางแคบ แต่ถ้าเลยไปประมาณ 2 กิโลมาตร จะเป็นทางลาดยางขึ้นลงเขาที่กว้างกว่า แต่ผมได้เลือกตาม GPS ช่วง 1 กิโลเมตร ก่อนที่จะถึงที่จอดรถ จะเป็นทางชันสูงมาก จะมีป้ายเตือนให้ใช้เกียร์ต่ำ อีกทั้งต้องระวังรถบรรทุก ที่ขนดินขึ้นไปยังด้านบน ด้วยการทิ้งระยะห่างที่ปลอดภัย วันที่ผมไปเป็นวันธรรมดา แต่มีปริมาณรถมาก สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมกังหันขนาดใหญ่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม ที่มีความสูงกว่า 100 เมตร มีทั้งหมด 24 ต้น ทีนี่จะมีบริการรถพานักท่องเที่ยวไปยังจุดชมวิว ราคาคนละ 60 บาท ราคานี้รวมค่าเข้าจุดชมวิวคิงคอง เขาค้อ รถพาเราไปจังจุดแรก คือ คิงคอง เขาค้อ มีมุมให้ถ่าสยภาพมากมาย มีชิงช้า มีหุ่นจำลอง และลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว ใช้เวลาตรงนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนั่งรอรถที่ร้านกาแฟ เพื่อเดินทางไปยังจุดที่สอง ที่เป็นสวนดอกไม้ จุดนี้จะเสียค่าเข้า 10 บาท และมีเครื่องเล่นมากมาย ทั้งยิงปืนอัดลม ยิงหน้าไม้ ยิงธนู ชิงช้า และฟอร์มูล่า ม้ง
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว - จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ
หลังจากรับประทางอาหารกลางวันอิ่มแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางจาก กังหันลมเขาค้อ ประมาณ 93 กิโลเมตร เราถึงอุทยานแห่งชาติ เวลาประมาณ 16.00 น. คืนนี้เราพักบ้านพักของอุทยานที่จองผ่านเว็บไซต์
http://nps.dnp.go.th/ เข้าพักวันธรรมดา จะได้ส่วนลด 30% ของราคาเต็ม ซึ่งเราได้จองบ้าน 103 แสนคำ เป็นขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำในตัว บ้านชั้นเดียว จากราคา 2,000 บาท ลดเหลือ 1,400 บาท บ้านพักสะอาด มีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊ส เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต ห้องละ 2 เตียง ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม เนื่องจากที่นี่อากาศเย็นมาก มีแก้วน้ำ แก้งกาแฟ ชาม จาน ช้อน ตู้เย็น กาน้ำร้อน ทีวีติดจานรับสัญญาณดาวเทียม สำหรับอาหารค่ำของพวกเรา บรรยากาศแบบนี้ ก็ต้องหมูกระทะอีกตามเคย วันนี้สั่งร้านอาหารบริเวณตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ราคาจำไม่ได้ครับ ทางร้านมีบริการมาส่งถึงบ้านพัก ครั้งปิด 2 ทุ่ม นะครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เคยได้รู้ข้อมูลของช้างป่า ทางอุทยานแจ้งว่าปัจจุบันได้มีรั้วไฟฟ้าล้อมรอบไว้หมดแล้ว แต่เส้นทางศึกษาธรรมชาติจะอยู่นอกบริเวณรั้วไฟฟ้า
ตื่นมาตอนเช้าอากาศเย็นมากครับ เวลา 05.56 น. อากาศอยู่ที่ 15 องศา จากนั้นเราได้ไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูค้อ เดินทางจากอุทยานไปทางหล่มสักประมาณ 5 กิโลเมตร มีที่จอดรถ แล้วเดินขึ้นเขาไปประมาณ 100 เมตร จากจุดนี้ในวันที่ผมไปจะเป็นสายหมอกจางๆ ตัดกับแสงพระอาทิตย์สวยมาก มากไกลๆจะเห็นภูกระดึง ซึ่งเปรียบเสมือนภูเขาไฟฟูจิ และภูผาจิต
จบทริปท่องเที่ยวต้นฤดูหนาว ทริปที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ส่วนทริปต่อไป จะไปที่ไหนนั้น เราจะนำรูปภาพมาให้ชม และนำเสนอประสบการร์ท่องเที่ยวให้ทุกท่านได้อ่านกัน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
[CR] ครอบครัวตัวกิน&เที่ยว EP.1 เขาตะเคียนโง๊ะ – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
ภรรยาเลยหาดูตามโพสหรือตามกระทู้ท่องเที่ยวในเว็บไซต์ต่างๆ จึงพบจุดสนใจที่น่าจะไปเที่ยว คือ เขาค้อ แต่...เราเคยไปกันมาแล้ว ซึ่งครอบครัวของเรามักจะไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน จนไปพบสถานที่หนึ่งในเขาค้อที่ยังไม่เคยไป นั่นก็คือ เขาตะเคียนโง๊ะ ทันใดนั้นเองผมก็นึกขึ้นได้ว่า มีสถานที่ซึ่งผมอยากไปและอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สถานที่ทั้ง 2 แห่งที่วางแผนนั้น อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียงกันนี้เอง
ผมและครอบครัวเริ่มต้นด้วยการติดต่อที่พักกันก่อนเลยครับ สถานที่แรกคือ ที่พักบนเขาตะเคียนโง๊ะ โดยหาจากเว็บไซต์ท่องเที่ยวหรือเพจท่องเที่ยวต่างๆ ก็ได้เบอร์โทรศัพท์กลุ่มวิสาหกิจ ชุมชน เบอร์ 062-2513749 เป็นเต็นท์ขนาด 2-3 คน พร้อมหมอน แผ่นรองนอน และผ้าห่ม ราคา 500 บาท ส่วนผู้ที่นำเต็นท์ไปเอง คิดคนละ 100 บาท ซึ่งก่อนการเดินทางทุกครั้งผมในฐานะคนขับรถต้องหาข้อมูลการเดินทางจาก Google Map และ Youtube เป็นการเบื้องต้น ส่วนที่พักแห่งที่สอง คือ บ้านพักอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จองผ่านเว็บไซต์ http://nps.dnp.go.th/ ในช่วงวันธรรมดาจะได้ราคาพิเศษ ในราคา 1,400 บาท จาก 2,000 บาท
จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
หลังจากเตรียมเรื่องที่พักเสร็จแล้ว เราก็เริ่มการเดินทางวันที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 11.30 น. สถานที่แรกตามแผนการท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ คือ เขาตะเคียนโง๊ะ ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้เส้นทาง อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ใช้เวลาเดินทาง และพักบ้างเป็นระยะๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง เส้นทางจากอำเภอเมือง ไปยังเขาค้อมีทางลาดชันเป็นส่วนใหญ่ แต่กระนั้นเก๋งน้อยก็ไม่หวั่นไปได้อยู่แว้ว เมื่อถึงทางที่จะขึ้นไปยังจัดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะที่เราจะพักในค่ำคืนนี้ เพื่อชมทะเลหมอกยามเช้า จะมีทางชันมากประมาณเกือบๆ แต่ระยะทางสั้น แค่ 300 เมตร
วีดีโอจากกล้องหน้ารถ
เมื่อลงจากรถ อากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อยๆ ครอบครัวเราได้เต็นท์เบอร์ 4-5 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม และทำเลดีมาก ด้านซ้ายเป็นเขาหญ้า ตอนเช้าเป็นตำแหน่งที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนด้านหลังจะเห็นพระอาทิตย์ตกยามเย็นสวยงาม
ที่นี่มีห้องน้ำ จำนวน 10 ห้อง ที่สะอาดดีมาก แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพห้องน้ำมาให้ทุกท่านได้ดูกัน ช่วงค่ำหลังจากที่อาบน้ำมา ลืมบอกไปว่า ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะครับ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอยากอุ่นให้กระโดดตบ 100 ครั้ง แล้วไปอาบน้ำ (ฮ่าๆๆๆๆ) ก็นึกถึงอาหารค่ำ ซึ่งอากาศแบบนี้ วิวแบบนี้ ต้องหมูกระทะเท่านั้น ว่าแล้วก็จัดการสั่งมากิน มี 2 ร้านที่มีหมูกระทะให้เลือก ร้านแรก ชุดเล็ก 350 บาท ชุดใหญ่ 500 บาท แถมน้ำอัดลมขวดใหญ่ 1 ขวด ส่วนร้านที่สอง ชุดเล็ก 350 บาท ชุดใหญ่ 450 บาท จากนั้นเราก็เลือกร้านที่สองครับ เขามาส่งให้ถึงเต็นท์เลยครับ ไม่มีค่าส่ง กินกัน 3 คน อิ่มกำลังพอดี ช่วงกลางคืนในวันที่ผมไป ลมแรงและอากาศประมาณ 20 องศา ครับ
ตื่นเช้ามาประมาณ 05.30 น. ล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วก็มารอดูทะเลหมอก วันที่ 21 ตุลาคม 2562 ทางทิศตะวันตกมีหมอกเป็นแผ่นที่สวยงามมาก แต่เราก็ยังคงรอว่าทางฝั่งทิศตะวันออกที่เต๊นท์เราตั้งอยู่จะเห็นทะเลหมอกบ้าง รอจนพระอาทิตย์ขึ้น ก็ไม่เห็นทะเลหมอกดังที่เคยดูมาในเพจหลายๆแห่งที่แชร์กัน แต่พบความงามอีกแบบหนึ่ง พระอาทิตย์ตัดกับสายหมอกบางๆ นี่แหละครับ คือ ธรรมชาติ ครับ
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
ทะเลหมอกฝั่งตะวันตก
พระตำหนักเขาค้อ
หลังจากที่ชมทะเลหมอกกันอย่างจุใจแล้ว ก็ได้เก็บของขึ้นรถเตรียมเดินทางไปเที่ยวต่อ เราลงจากเขาตะเคียนโง๊ะ เวลาประมาณ 8.30 น. เดินทางต่อไปยังพระตำหนักเขาค้อ ระยะทาง 10 กิโลเมตร ในช่วงทางขึ้นเขาจะไม่ชันมากนัก แต่ขึ้นตลอดครับ จะมีช่วงหนึ่งที่ทางขึ้นกับทางลงอยู่คนละทางกัน ทำให้ขับง่าย เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุ ใช้เกียร์ 1-2-1 ตลอดทาง เมื่อเดินทางถึงข้างบนพระตำหนักแล้ว บรรยากาศดีมาก มีลานต้นสนที่ร่มรื่นมาก ด้านหน้าพระตำหนักมีมัคคุเทศก์น้อยอาสา จากโรงเรียนสะเดาะพง มาให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว เพียงน้องๆขอน้ำใจทุนการศึกษาตามที่นักท่องเที่ยวจะมอบให้ น้องๆ บอกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับแรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาสที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงเยี่ยมงานในโครงการพระราชดำริ ทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดพระตำหนัก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร ภายในพระตำหนักมีบ้านพักรับรอง และสถานที่กางเต็นท์สำหรับรับรองนักท่องเที่ยว และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า หรือผู้ที่ชอบเก็บภาพวิวสูง มีทางเดินขึ้นไปยังยอดเขาหญ้า ระยะทางประมาณ 700 เมตร ทางเดินมีความชันตลอดเส้นทาง
กังหันลมเขาค้อ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง เดินทางต่อไปยังกังหันลมเขาค้อ ระยะทางจากพระตำหนักเขาค้อ ประมาณ 22 กิโลเมตร ถ้าให้ GPS ค้นหา จะให้เขาตรงโรงเรียนอนุบาลเขาค้อ ลักษณะจะเป็นเส้นทางผ่านหมู่บ้าน ทางแคบ แต่ถ้าเลยไปประมาณ 2 กิโลมาตร จะเป็นทางลาดยางขึ้นลงเขาที่กว้างกว่า แต่ผมได้เลือกตาม GPS ช่วง 1 กิโลเมตร ก่อนที่จะถึงที่จอดรถ จะเป็นทางชันสูงมาก จะมีป้ายเตือนให้ใช้เกียร์ต่ำ อีกทั้งต้องระวังรถบรรทุก ที่ขนดินขึ้นไปยังด้านบน ด้วยการทิ้งระยะห่างที่ปลอดภัย วันที่ผมไปเป็นวันธรรมดา แต่มีปริมาณรถมาก สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมกังหันขนาดใหญ่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม ที่มีความสูงกว่า 100 เมตร มีทั้งหมด 24 ต้น ทีนี่จะมีบริการรถพานักท่องเที่ยวไปยังจุดชมวิว ราคาคนละ 60 บาท ราคานี้รวมค่าเข้าจุดชมวิวคิงคอง เขาค้อ รถพาเราไปจังจุดแรก คือ คิงคอง เขาค้อ มีมุมให้ถ่าสยภาพมากมาย มีชิงช้า มีหุ่นจำลอง และลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว ใช้เวลาตรงนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนั่งรอรถที่ร้านกาแฟ เพื่อเดินทางไปยังจุดที่สอง ที่เป็นสวนดอกไม้ จุดนี้จะเสียค่าเข้า 10 บาท และมีเครื่องเล่นมากมาย ทั้งยิงปืนอัดลม ยิงหน้าไม้ ยิงธนู ชิงช้า และฟอร์มูล่า ม้ง
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว - จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ
หลังจากรับประทางอาหารกลางวันอิ่มแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางจาก กังหันลมเขาค้อ ประมาณ 93 กิโลเมตร เราถึงอุทยานแห่งชาติ เวลาประมาณ 16.00 น. คืนนี้เราพักบ้านพักของอุทยานที่จองผ่านเว็บไซต์ http://nps.dnp.go.th/ เข้าพักวันธรรมดา จะได้ส่วนลด 30% ของราคาเต็ม ซึ่งเราได้จองบ้าน 103 แสนคำ เป็นขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำในตัว บ้านชั้นเดียว จากราคา 2,000 บาท ลดเหลือ 1,400 บาท บ้านพักสะอาด มีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊ส เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต ห้องละ 2 เตียง ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม เนื่องจากที่นี่อากาศเย็นมาก มีแก้วน้ำ แก้งกาแฟ ชาม จาน ช้อน ตู้เย็น กาน้ำร้อน ทีวีติดจานรับสัญญาณดาวเทียม สำหรับอาหารค่ำของพวกเรา บรรยากาศแบบนี้ ก็ต้องหมูกระทะอีกตามเคย วันนี้สั่งร้านอาหารบริเวณตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ราคาจำไม่ได้ครับ ทางร้านมีบริการมาส่งถึงบ้านพัก ครั้งปิด 2 ทุ่ม นะครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เคยได้รู้ข้อมูลของช้างป่า ทางอุทยานแจ้งว่าปัจจุบันได้มีรั้วไฟฟ้าล้อมรอบไว้หมดแล้ว แต่เส้นทางศึกษาธรรมชาติจะอยู่นอกบริเวณรั้วไฟฟ้า
ตื่นมาตอนเช้าอากาศเย็นมากครับ เวลา 05.56 น. อากาศอยู่ที่ 15 องศา จากนั้นเราได้ไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูค้อ เดินทางจากอุทยานไปทางหล่มสักประมาณ 5 กิโลเมตร มีที่จอดรถ แล้วเดินขึ้นเขาไปประมาณ 100 เมตร จากจุดนี้ในวันที่ผมไปจะเป็นสายหมอกจางๆ ตัดกับแสงพระอาทิตย์สวยมาก มากไกลๆจะเห็นภูกระดึง ซึ่งเปรียบเสมือนภูเขาไฟฟูจิ และภูผาจิต
จบทริปท่องเที่ยวต้นฤดูหนาว ทริปที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ส่วนทริปต่อไป จะไปที่ไหนนั้น เราจะนำรูปภาพมาให้ชม และนำเสนอประสบการร์ท่องเที่ยวให้ทุกท่านได้อ่านกัน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้