เป็นผู้ชาย ขอรีวิว เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร (The Untamed ) หน่อยนะครับ
ปรมาจารย์ลัทธิมาร เนี่ยเป็นนวนิยายจีนชื่อดังซึ่งแต่งโดย "โม่เซียงถงซิ่ว" เป็นแนว BL หรือชายรักชาย (BoyLove) หรือแนว Y (yaoi) แต่พอมาสร้างแล้วตัดฉาก NC ออกไปทั้งหมด และไม่มีเนื้อหา BL หรือ Y ที่มันอึ่กๆอั่กๆ แต่อย่างใด และผู้หญิงส่วนใหญ่มักจิ้นกันและตัดต่อลง youtube จนมันเว่อซะเกินจริง(ฮา)
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อ ค.ศ.2016 จนได้รับความนิยมอย่างมากจนถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นและเป็นซีรี่ส์ ปี 2019 นี้ ภายใต้การออกอากาศทาง Tencent Video มีทั้งหมด 50 EP.
หลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือคุ้นๆหู แต่ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตเกม ROV นั่นและ คงจะร้องอ๋อกันเป็นแถว และสตรีมในประเทศไทยโดยเว็บ WETV
ตอนนี้ Netflixได้ซื้อลิทธิ์ไปสตรีมในเกือบทุกประเทศทั่วโลก ทั่วทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย ร่วมถึง Netflix ประเทศไทย โดยจะเริ่มต้นสตรีมตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.2562 เป็นต้นไป
ความดังของ ปรมาจารย์ลัทธิมาร เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์จริงๆ หาก บุพเพสันนิวาส เราเรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ เรื่องนี้คงเรียกได้ว่าโคตรของโคตรของปรากฎการณ์เลยทีเดียว เพราะโด่งดังสุดๆ ทั่วเอเชีย ดังแค่ไหน ก็แค่ทำให้ บ.Tencent นั้น เติบโตถึง 250% จากซีรี่ส์เรื่องนี้แค่เรื่องเดียวได้แล้วกัน (โอ้วว)
และเรื่องที่ทำให้ผมทึ่งอีกอย่างนึงคือ เรื่องนี้ Producer โดยคุณหยางเซี่ย เรื่องนี้ขณะที่มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นเอง!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ซี่รีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมารได้รับเรตติ้ง 8.2 ในประเทศจีนโดย Douban และเป็นละครที่เรตติ้งสูงที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ทางออนไลน์ขณะกำลังฉาย ด้วยยอดวิวมากกว่า 5,000 ล้านวิว!!
พูดถึง ปรมาจารย์ลัทธิมาร แล้ว พาลให้นึกถึงหนังจีนช่อง 3 สมัยก่อน เรื่อง ศึกเทพยุทธเขาซูซัน ตอนทายาทมารโลหิต ที่สร้างชื่อให้เจิ้งอี้เจี้ยนดังเป็นพลุแตก ณ ขณะนั้น แต่ไปๆมาๆ ธีมของเนื้อเรื่องไม่เหมือนกันเลย เรื่องนี้เน้นมิตรภาพ และดราม่ามากกว่า
หลายๆคนบอกว่า กรูไม่อยากดูซีรี่ส์ เกย์หรือชายรักชาย คือจะบอกว่าหนึ่งคือ มันไม่เกย์เลย มันตัด Y ออกไปหมด เหลือแต่เพียงมิตรภาพ ถ้ามัน เป็นเกย์อย่างหอแต๋วแตก หรือช่อง gmm หรือ รักแห่งสยาม เพื่อนกูรักว่ะ พวกนั้น ผมก็ไม่ดูเหมือนกัน แต่ดูเรื่องนี้เพราะอยากทราบเนื้อหาว่า "ทำไมซีรี่ส์จีนชุดนี้ จึงได้โด่งดังขนาดนี้"
พอผมได้ดูแล้วพบว่า นอกจากเนื้อเรื่องที่มันโคตรสนุก ฉากทุกฉากปราณีตในการถ่ายทำ อลังการงานสร้าง ดราม่าหนักหน่วง ยังผูกเรื่องได้แน่น น่าติดตาม และก็ยังมีมิตรภาพลูกผู้ชาย เรื่องของครอบครัว ความผูกพันของตัวละครต่างๆ รวมถึงความรักของพี่น้อง
Part ของพี่น้องสามคนคือ เว่ยอู๋เซี่ยน (ตัวเอก) เจียงเฉิน และศิษย์พี่เจียงเยี่ยนหลีแล้ว มันโคตรขยี้ดราม่าสุดๆ จนพวกคุณไม่คาดคิดว่าเรื่องนี่จะทำให้คุณเสียน้ำตาได้ ขนาดผมเป็นคนร้องไห้ได้ยากมาก แต่ถ้าใครคิดว่าน้ำตาซึม กับ one piece หรือ kimi no nawa ได้ เรื่องนี้ทำได้ยิ่งกว่านั้นอีกนะ (ร้องไห้ขี้มูกโป่งจริงๆ)
ทั้งยังแทรกด้วย ความเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ความสัมพันธ์ของครอบครัว ที่แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน อย่างน้องอาเยวี่ยน มีความซาบซึ้ง จนอาจต้องเสียน้ำตาได้
ซีรี่ส์จะดำเนินไปในลักษณะตัวเอกคู่ (duel protagonist) อย่างหนัง bad boy ของ will smith, seven ของ brad pitt หรือ shawshank ของ morgan freeman ในปรมาจารย์ลัทธมาร พระเอกคู่คือ เว่ยอู๋เซี่ยน (แสดงโดย เซี่ยวจ้านและ หลานจ้าน (แสดงโดย หวังอี้ป๋อ)
(เว่ยอิง / นามรอง เว่ยอู๋เซี่ยน /ฉายาปรมาจารย์อี้หลิง)
(หลานจ้าน / นามรอง หลานวั่งจี/ฉายา หานกวงจวิน)
ตอนแรกก็หวั่นใจว่าทั้งสองคนจะมีบุคลิคเป็นเกย์หรือเปล่า แต่พอดูแล้ว ทั้งสองคนเป็นบุคลิคผู้ชายทั้งแท่ง ไม่มีออกสาวแม้แต่นิดเดียว
แค่หน้าหวานตามสไตล์เกาหลีนิยมมากกว่า เช็คมาแล้วว่าในจอและนอกจอไม่เป็น ดังนั้นใครที่จะดูกับพ่อแม่หรือครอบครัวถือว่าสบายใจได้ครับ
(เซี่ยวจ้าน ที่แสดงเป็นเว่ยอู๋เซี่ยนมีภาพยนต์จะกำลังจะเข้าฉายคือ กระบี่เทพสังหาร เดือน พ.ย.62 นี้)
คาแรคเตอร์ทั้ง 2 คนนั้น ทำให้ผมนึกถึง เอี้ยก้วย และ เซียวเล่งนึ่ง จากมังกรหยก ภาค 2 ขึ้นมาทันที แต่คอนดัคเตอร์ เอ๊ย! คาแรคเตอร์ของ เว่ยอู๋เซี่ยน มันกลับคล้ายกับ เล่งฮู้ชง ในกระบี่เย้ยยุทธจักรมากกว่า
คือมีนิสัยตลกเฮฮา ทะเล้น กวนๆ ชื่นชอบดื่มสุรา (เว่ยอู่เซี่ยน ดื่มตั้งแต่อายุ 14-15 !!) เข้ากับคนอื่นได้ง่าย นิสัยไม่นำพาต่อความอำนาจ หรือชั่วร้ายใดๆ เสียสละ ใครมีบุญคุณเค้าจดจำ และพร้อมช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะและอธรรม จนนำความลำบากมาสู่ตัวเองบ่อยๆ
แต่ขณะเดียวกันนั้น การที่เขายึดถือคุณธรรมเป็นหลัก ไม่เคยทรยศตนเองที่ต้องช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ป้องป้องคนดีจากคนชั่ว ทำให้เขาต้องพบจุดจบที่คาดไม่ถึง เพราะเป็นการฝืนกระแสต่อสังคมในยุทธจักร ที่ใครดีใครเลว วัดกันที่ใครประกาศเป็นฝ่ายธรรมะ และใครมีพวกมากกว่า คนดีที่วัดกันที่ผลประโยชน์ โดยเอาคุณธรรมบังหน้าซะส่วนใหญ่
การขบถต่อสังคมนั้น เป็นสิ่งสมมุติในชีวิตของคนส่วนใหญ่อยากทำ แต่ไม่สามารถทำได้ กล่าวได้ว่า.."คนในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง" นั้นเป็นเรื่องจริง
การเป็นจอมมารของเว่ยอู๋เซี่ยน (ปรมาจารย์อี้หลิง) จึงเปรียบเหมือนสังคมคนเลวบีบคั้นเขาจนไม่มีทางออกอื่นอีก ถ้าไม่ตาย ก็ต้องเป็นฝึกวิชาสายมารสถานเดียว เค้ายอมเป็นมารเพื่อปกป้องครอบครัว มิตรสหาย จากคนเลวยิ่งกว่า
ส่วน หลานจ้าน นั้น เค้าเองเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ (เหมือนเซียวเล่งนึ่ง หรือ ซาสึเกะ จากเรื่องนารุโตะ) เก่งวิชาสายขาว ยึดถือคุณธรรม เถรตรง มีคาแรคเตอร์ที่มั่นคง เป็นที่พึงให้เว่ยอู๋เซี่ยนในยามลำบากได้ และถ้าไม่ใช่ หลานจ้าน คอยช่วยเหลือแล้ว เว่ยอูเซี่ยน คงอยู่ไม่จบเรื่องแน่ๆ
เรื่องนี้กล่าวถึงจีนโบราณ ยุคที่เซียน (ไม่ใช่เทพนะ) เป็นมนุษย์ที่มีพลังวิเศษสามารถร่ายคาถา ร่ายอาคม สร้างยันต์ ขี่กระบี่(บินได้) ด้วยพลังของ"จินตาน" (ถ้าใน hunterxhunter ก็คือเน็น หรือ นารูโตะ ก็คือจักระ) เป็นลมปราณของเซียน นั่นแหละ
และยังมีการเพิ่มพลังวิญญานได้โดยการจับภูตผีปีศาจได้อีก รวมถึงยังมีสัตว์ในตำนานจีนให้พระเอกได้ต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดด้วย
นอกจากนี้ยังมี Artifact ระดับ S ที่ใครได้ครอบครองสามารถเพิ่มพลังวิญญานและสามารถครองยุทธภพได้ง่ายๆ นั่นคือ "เหล็กทมิฬ" มีทั้งหมด 4 ชิ้นในยุทธภพ
สปอยล์เน้อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มต้น เวินรั่วหาน ผู้นำตะกูลเวินได้ครอบครอง 1 ชิ้น และตามหาทีหลังจนฆ่าล้างตระกูลเจียง (ของพระเอก) 1,400 คนจนเกือบหมดกระกูล
แล้วไล่ฆ่าตระกูลหลาน (ตระกูลของหลานจ้าน) และตระกูลเนี่ยจนแทบสิ้นตระกูล) จึงได้มาอีก 2 กลายเป็น 3 ชิ้น
ส่วนชิ้นที่ 4 มีคนซ่อนเอาไว้(??)
แต่เว่ยอู๋เซี่ยนทราบทีหลังว่าจริงๆแล้ว เหล็กทมิฬมีทั้งหมด 5 ชิ้น ซึ่งไม่มีใครรู้ และด้วยความที่เค้าเป็นอัจริยะ เค้าได้สร้าง Artifact ระดับ SS เรียกว่า "ตราพยัคฆ์ทมิฬ" ขึ้นมา เพื่อฝึกวิชามาร
ทำให้เค้าสามารถควบคุม เหล่าวิญญาณอาฆาตและควบคุมซากศพ(เหมือนซอมบี้)ได้ และยังสยบ"เหล็กทมิฬ" ไม่ให้แสดงอานุภาพได้ด้วย
แต่ก็มีข้อเสียคือมันจะกัดกร่อนวิญญาณผู้ใช้ด้วย
เรื่องนี้ เนื้อเรื่องหลักๆจะแบ่งเป็น Part อดีต และ Part ปัจจุบัน
สปอยล์คับผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และมีฉาก Event ใหญ่ๆ 3 Part คือ สงครามกับสกุลเวิน สงครามกับปรมาจารย์อี้หลิง และสุดท้าย ในวัดเจ้าแม่กวนอิม กับ Last Boss
ใน part ใหญ่ๆ ก็มี part ย่อยๆมีมีความเกี่ยวเนื่องกันอีก ทั้งเหตุการณ์และตัวละคร แถมยังมีการวางพล็อตที่ตัวเอกต้องไขปริศนาไปด้วย ซึ่งเป็นธีมหลักใน Part ปัจจุบันจนถึงตอนจบว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้คิดว่าผู้แต่งและคนเขียนบททำการบ้านมาดีมากๆ
ฉากที่เว่ยอู๋เซี่ยนเป่าขลุ่ย และ หลานจ้านเล่นฉิน (พิณ) ทำให้ผมมีภาพทับซ้อนซี่รี่ส์จีนดังในอดีตคือ มังกรหยก ภาคเดชคัมภีร์มารนพเก้า ที่มารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือใช้ขลุ่ย และ พิษประจิมใช้พิณ คือบุคลิคตัวละครทั้งคู่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ (อาจจะเป็นแรงบันดาลใจ)
การกำกับฉากต่อสู้ทำได้ดีมากๆเช่นกัน เนื้อเรื่องมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเพื่อครองความเป็นใหญ่และการแก้แค้นเหมือน นวนิยายจีนสมัยก่อนหลายๆเรื่อง
มีวิญูชนจอมปลอม ผู้ที่มีปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ และมีแฝงนัยยะทางการเมือง คนที่แสร้งเป็นคนดีทำดีเพื่อสร้างภาพ พวกงูเห่าชอบลอบกัด คนที่ไหลไปกับกระแสคนส่วนใหญ่ ใครว่าคนนั้นดีกรูก็ว่าดี ใครว่าคนนั้นเลวกรูก็ว่าเลว
เพื่อผลประโยชน์ พร้อมที่จะฆ่าได้ทั้งเพื่อนสนิท พี่ น้อง หรือแม้แต่บิดาของตัวเองเพื่อความเป็นใหญ่ได้
แต่ทุกอย่างที่ตัวละครทุกตัวทำ ต่างมีเหตุมีผลในการทำ ไม่ได้โหดขึ้นมาลอยๆเหมือนบางเรื่อง ขนาดตัวร้ายยังมีมิติ ว่าทำไมมันถึงร้ายและเลวได้ขนาดนี้ ทำให้คนดูรู้สึกสงสารในชะตากรรมของตัวละครได้
กิมย้ง เคยให้สัมภาษณ์เรื่องผลงานของตัวเองว่า พวกพลังและทักษะวิทยายุทธต่างๆ เป็นเปลือกนอกของ "กำลังภายใน" แต่หัวใจของ นิยายกำลังภายในคือคำว่า "คุณธรรม" แต่เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ยังรวมถึง "สันดาน" ของคนเข้าไปด้วย
คุณไม่สามารถวัดคุณค่าของคนด้วย สีดำ หรือ สีขาว ในกลุ่มคนชั่ว มีคนดี ในกลุ่มคนดี มีคนชั่ว ดังนั้น การมองคนว่าดีหรือเลว จึงวัดที่สันดานของคนนั้นๆ และไม่มีอะไรน่ากลัวในยุทธจักร (หรือสังคม)ไปกว่า " คนเลว ที่สวมหน้ากากเป็นคนดี" อีกแล้ว
ทุกตัวละครทุกคนมีบทบาท ยอมรับว่าแคสติ้งออกมาดีมาก เห็นออกมานึกว่าแค่ตัวประกอบ แต่ part ของตัวละครตัวนั้นมีความสำคัญกับตัวละครตัวอื่นอีกในฉากอื่นๆอีก
ซึ่งแต่ละบททำได้สนุก ซึ้ง เศร้าในขณะเดียวกันได้ ดำเนินเรื่องได้ดี ทำให้เรายิ้มและหัวเราะไปพร้อมกับน้ำตาได้ (จนตรูคิดว่าจะเป็นไบโพล่าร์หรือเปล่าวะ)
ใครที่สนใจสามารถดูฟรี 3 ตอนแรกได้ในยูทูปนะคับ (ฉากแรกแปลถึงตราพยัคฑ์ทมิฬได้ถูกต้อง แต่รู้สึกจะแปลผิดตรงตระกูลเวินครอบครอง เหล็กทมิฬ ไม่ใช่ตราพยัคฆ์ทมิฬนะครับ)
ให้คะแนน 9.5/10
มาตรฐานดีกว่าซีรี่ส์จีนย้อนยุคทั่วๆไปครับ
เป็นผู้ชายขอรีวิว "ปรมาจาย์ลัทธิมาร" ครับ
ปรมาจารย์ลัทธิมาร เนี่ยเป็นนวนิยายจีนชื่อดังซึ่งแต่งโดย "โม่เซียงถงซิ่ว" เป็นแนว BL หรือชายรักชาย (BoyLove) หรือแนว Y (yaoi) แต่พอมาสร้างแล้วตัดฉาก NC ออกไปทั้งหมด และไม่มีเนื้อหา BL หรือ Y ที่มันอึ่กๆอั่กๆ แต่อย่างใด และผู้หญิงส่วนใหญ่มักจิ้นกันและตัดต่อลง youtube จนมันเว่อซะเกินจริง(ฮา)
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อ ค.ศ.2016 จนได้รับความนิยมอย่างมากจนถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นและเป็นซีรี่ส์ ปี 2019 นี้ ภายใต้การออกอากาศทาง Tencent Video มีทั้งหมด 50 EP.
หลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือคุ้นๆหู แต่ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตเกม ROV นั่นและ คงจะร้องอ๋อกันเป็นแถว และสตรีมในประเทศไทยโดยเว็บ WETV
ตอนนี้ Netflixได้ซื้อลิทธิ์ไปสตรีมในเกือบทุกประเทศทั่วโลก ทั่วทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย ร่วมถึง Netflix ประเทศไทย โดยจะเริ่มต้นสตรีมตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.2562 เป็นต้นไป
ความดังของ ปรมาจารย์ลัทธิมาร เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์จริงๆ หาก บุพเพสันนิวาส เราเรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ เรื่องนี้คงเรียกได้ว่าโคตรของโคตรของปรากฎการณ์เลยทีเดียว เพราะโด่งดังสุดๆ ทั่วเอเชีย ดังแค่ไหน ก็แค่ทำให้ บ.Tencent นั้น เติบโตถึง 250% จากซีรี่ส์เรื่องนี้แค่เรื่องเดียวได้แล้วกัน (โอ้วว)
และเรื่องที่ทำให้ผมทึ่งอีกอย่างนึงคือ เรื่องนี้ Producer โดยคุณหยางเซี่ย เรื่องนี้ขณะที่มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นเอง!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซี่รีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมารได้รับเรตติ้ง 8.2 ในประเทศจีนโดย Douban และเป็นละครที่เรตติ้งสูงที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ทางออนไลน์ขณะกำลังฉาย ด้วยยอดวิวมากกว่า 5,000 ล้านวิว!!
พูดถึง ปรมาจารย์ลัทธิมาร แล้ว พาลให้นึกถึงหนังจีนช่อง 3 สมัยก่อน เรื่อง ศึกเทพยุทธเขาซูซัน ตอนทายาทมารโลหิต ที่สร้างชื่อให้เจิ้งอี้เจี้ยนดังเป็นพลุแตก ณ ขณะนั้น แต่ไปๆมาๆ ธีมของเนื้อเรื่องไม่เหมือนกันเลย เรื่องนี้เน้นมิตรภาพ และดราม่ามากกว่า
หลายๆคนบอกว่า กรูไม่อยากดูซีรี่ส์ เกย์หรือชายรักชาย คือจะบอกว่าหนึ่งคือ มันไม่เกย์เลย มันตัด Y ออกไปหมด เหลือแต่เพียงมิตรภาพ ถ้ามัน เป็นเกย์อย่างหอแต๋วแตก หรือช่อง gmm หรือ รักแห่งสยาม เพื่อนกูรักว่ะ พวกนั้น ผมก็ไม่ดูเหมือนกัน แต่ดูเรื่องนี้เพราะอยากทราบเนื้อหาว่า "ทำไมซีรี่ส์จีนชุดนี้ จึงได้โด่งดังขนาดนี้"
พอผมได้ดูแล้วพบว่า นอกจากเนื้อเรื่องที่มันโคตรสนุก ฉากทุกฉากปราณีตในการถ่ายทำ อลังการงานสร้าง ดราม่าหนักหน่วง ยังผูกเรื่องได้แน่น น่าติดตาม และก็ยังมีมิตรภาพลูกผู้ชาย เรื่องของครอบครัว ความผูกพันของตัวละครต่างๆ รวมถึงความรักของพี่น้อง
Part ของพี่น้องสามคนคือ เว่ยอู๋เซี่ยน (ตัวเอก) เจียงเฉิน และศิษย์พี่เจียงเยี่ยนหลีแล้ว มันโคตรขยี้ดราม่าสุดๆ จนพวกคุณไม่คาดคิดว่าเรื่องนี่จะทำให้คุณเสียน้ำตาได้ ขนาดผมเป็นคนร้องไห้ได้ยากมาก แต่ถ้าใครคิดว่าน้ำตาซึม กับ one piece หรือ kimi no nawa ได้ เรื่องนี้ทำได้ยิ่งกว่านั้นอีกนะ (ร้องไห้ขี้มูกโป่งจริงๆ)
ทั้งยังแทรกด้วย ความเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ความสัมพันธ์ของครอบครัว ที่แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน อย่างน้องอาเยวี่ยน มีความซาบซึ้ง จนอาจต้องเสียน้ำตาได้
ซีรี่ส์จะดำเนินไปในลักษณะตัวเอกคู่ (duel protagonist) อย่างหนัง bad boy ของ will smith, seven ของ brad pitt หรือ shawshank ของ morgan freeman ในปรมาจารย์ลัทธมาร พระเอกคู่คือ เว่ยอู๋เซี่ยน (แสดงโดย เซี่ยวจ้านและ หลานจ้าน (แสดงโดย หวังอี้ป๋อ)
(เว่ยอิง / นามรอง เว่ยอู๋เซี่ยน /ฉายาปรมาจารย์อี้หลิง)
(หลานจ้าน / นามรอง หลานวั่งจี/ฉายา หานกวงจวิน)
ตอนแรกก็หวั่นใจว่าทั้งสองคนจะมีบุคลิคเป็นเกย์หรือเปล่า แต่พอดูแล้ว ทั้งสองคนเป็นบุคลิคผู้ชายทั้งแท่ง ไม่มีออกสาวแม้แต่นิดเดียว
แค่หน้าหวานตามสไตล์เกาหลีนิยมมากกว่า เช็คมาแล้วว่าในจอและนอกจอไม่เป็น ดังนั้นใครที่จะดูกับพ่อแม่หรือครอบครัวถือว่าสบายใจได้ครับ
(เซี่ยวจ้าน ที่แสดงเป็นเว่ยอู๋เซี่ยนมีภาพยนต์จะกำลังจะเข้าฉายคือ กระบี่เทพสังหาร เดือน พ.ย.62 นี้)
คาแรคเตอร์ทั้ง 2 คนนั้น ทำให้ผมนึกถึง เอี้ยก้วย และ เซียวเล่งนึ่ง จากมังกรหยก ภาค 2 ขึ้นมาทันที แต่คอนดัคเตอร์ เอ๊ย! คาแรคเตอร์ของ เว่ยอู๋เซี่ยน มันกลับคล้ายกับ เล่งฮู้ชง ในกระบี่เย้ยยุทธจักรมากกว่า
คือมีนิสัยตลกเฮฮา ทะเล้น กวนๆ ชื่นชอบดื่มสุรา (เว่ยอู่เซี่ยน ดื่มตั้งแต่อายุ 14-15 !!) เข้ากับคนอื่นได้ง่าย นิสัยไม่นำพาต่อความอำนาจ หรือชั่วร้ายใดๆ เสียสละ ใครมีบุญคุณเค้าจดจำ และพร้อมช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะและอธรรม จนนำความลำบากมาสู่ตัวเองบ่อยๆ
แต่ขณะเดียวกันนั้น การที่เขายึดถือคุณธรรมเป็นหลัก ไม่เคยทรยศตนเองที่ต้องช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ป้องป้องคนดีจากคนชั่ว ทำให้เขาต้องพบจุดจบที่คาดไม่ถึง เพราะเป็นการฝืนกระแสต่อสังคมในยุทธจักร ที่ใครดีใครเลว วัดกันที่ใครประกาศเป็นฝ่ายธรรมะ และใครมีพวกมากกว่า คนดีที่วัดกันที่ผลประโยชน์ โดยเอาคุณธรรมบังหน้าซะส่วนใหญ่
การขบถต่อสังคมนั้น เป็นสิ่งสมมุติในชีวิตของคนส่วนใหญ่อยากทำ แต่ไม่สามารถทำได้ กล่าวได้ว่า.."คนในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง" นั้นเป็นเรื่องจริง
การเป็นจอมมารของเว่ยอู๋เซี่ยน (ปรมาจารย์อี้หลิง) จึงเปรียบเหมือนสังคมคนเลวบีบคั้นเขาจนไม่มีทางออกอื่นอีก ถ้าไม่ตาย ก็ต้องเป็นฝึกวิชาสายมารสถานเดียว เค้ายอมเป็นมารเพื่อปกป้องครอบครัว มิตรสหาย จากคนเลวยิ่งกว่า
ส่วน หลานจ้าน นั้น เค้าเองเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ (เหมือนเซียวเล่งนึ่ง หรือ ซาสึเกะ จากเรื่องนารุโตะ) เก่งวิชาสายขาว ยึดถือคุณธรรม เถรตรง มีคาแรคเตอร์ที่มั่นคง เป็นที่พึงให้เว่ยอู๋เซี่ยนในยามลำบากได้ และถ้าไม่ใช่ หลานจ้าน คอยช่วยเหลือแล้ว เว่ยอูเซี่ยน คงอยู่ไม่จบเรื่องแน่ๆ
เรื่องนี้กล่าวถึงจีนโบราณ ยุคที่เซียน (ไม่ใช่เทพนะ) เป็นมนุษย์ที่มีพลังวิเศษสามารถร่ายคาถา ร่ายอาคม สร้างยันต์ ขี่กระบี่(บินได้) ด้วยพลังของ"จินตาน" (ถ้าใน hunterxhunter ก็คือเน็น หรือ นารูโตะ ก็คือจักระ) เป็นลมปราณของเซียน นั่นแหละ
และยังมีการเพิ่มพลังวิญญานได้โดยการจับภูตผีปีศาจได้อีก รวมถึงยังมีสัตว์ในตำนานจีนให้พระเอกได้ต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดด้วย
นอกจากนี้ยังมี Artifact ระดับ S ที่ใครได้ครอบครองสามารถเพิ่มพลังวิญญานและสามารถครองยุทธภพได้ง่ายๆ นั่นคือ "เหล็กทมิฬ" มีทั้งหมด 4 ชิ้นในยุทธภพ
สปอยล์เน้อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องนี้ เนื้อเรื่องหลักๆจะแบ่งเป็น Part อดีต และ Part ปัจจุบัน
สปอยล์คับผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใน part ใหญ่ๆ ก็มี part ย่อยๆมีมีความเกี่ยวเนื่องกันอีก ทั้งเหตุการณ์และตัวละคร แถมยังมีการวางพล็อตที่ตัวเอกต้องไขปริศนาไปด้วย ซึ่งเป็นธีมหลักใน Part ปัจจุบันจนถึงตอนจบว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้คิดว่าผู้แต่งและคนเขียนบททำการบ้านมาดีมากๆ
ฉากที่เว่ยอู๋เซี่ยนเป่าขลุ่ย และ หลานจ้านเล่นฉิน (พิณ) ทำให้ผมมีภาพทับซ้อนซี่รี่ส์จีนดังในอดีตคือ มังกรหยก ภาคเดชคัมภีร์มารนพเก้า ที่มารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือใช้ขลุ่ย และ พิษประจิมใช้พิณ คือบุคลิคตัวละครทั้งคู่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ (อาจจะเป็นแรงบันดาลใจ)
การกำกับฉากต่อสู้ทำได้ดีมากๆเช่นกัน เนื้อเรื่องมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเพื่อครองความเป็นใหญ่และการแก้แค้นเหมือน นวนิยายจีนสมัยก่อนหลายๆเรื่อง
มีวิญูชนจอมปลอม ผู้ที่มีปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ และมีแฝงนัยยะทางการเมือง คนที่แสร้งเป็นคนดีทำดีเพื่อสร้างภาพ พวกงูเห่าชอบลอบกัด คนที่ไหลไปกับกระแสคนส่วนใหญ่ ใครว่าคนนั้นดีกรูก็ว่าดี ใครว่าคนนั้นเลวกรูก็ว่าเลว
เพื่อผลประโยชน์ พร้อมที่จะฆ่าได้ทั้งเพื่อนสนิท พี่ น้อง หรือแม้แต่บิดาของตัวเองเพื่อความเป็นใหญ่ได้
แต่ทุกอย่างที่ตัวละครทุกตัวทำ ต่างมีเหตุมีผลในการทำ ไม่ได้โหดขึ้นมาลอยๆเหมือนบางเรื่อง ขนาดตัวร้ายยังมีมิติ ว่าทำไมมันถึงร้ายและเลวได้ขนาดนี้ ทำให้คนดูรู้สึกสงสารในชะตากรรมของตัวละครได้
กิมย้ง เคยให้สัมภาษณ์เรื่องผลงานของตัวเองว่า พวกพลังและทักษะวิทยายุทธต่างๆ เป็นเปลือกนอกของ "กำลังภายใน" แต่หัวใจของ นิยายกำลังภายในคือคำว่า "คุณธรรม" แต่เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ยังรวมถึง "สันดาน" ของคนเข้าไปด้วย
คุณไม่สามารถวัดคุณค่าของคนด้วย สีดำ หรือ สีขาว ในกลุ่มคนชั่ว มีคนดี ในกลุ่มคนดี มีคนชั่ว ดังนั้น การมองคนว่าดีหรือเลว จึงวัดที่สันดานของคนนั้นๆ และไม่มีอะไรน่ากลัวในยุทธจักร (หรือสังคม)ไปกว่า " คนเลว ที่สวมหน้ากากเป็นคนดี" อีกแล้ว
ทุกตัวละครทุกคนมีบทบาท ยอมรับว่าแคสติ้งออกมาดีมาก เห็นออกมานึกว่าแค่ตัวประกอบ แต่ part ของตัวละครตัวนั้นมีความสำคัญกับตัวละครตัวอื่นอีกในฉากอื่นๆอีก
ซึ่งแต่ละบททำได้สนุก ซึ้ง เศร้าในขณะเดียวกันได้ ดำเนินเรื่องได้ดี ทำให้เรายิ้มและหัวเราะไปพร้อมกับน้ำตาได้ (จนตรูคิดว่าจะเป็นไบโพล่าร์หรือเปล่าวะ)
ใครที่สนใจสามารถดูฟรี 3 ตอนแรกได้ในยูทูปนะคับ (ฉากแรกแปลถึงตราพยัคฑ์ทมิฬได้ถูกต้อง แต่รู้สึกจะแปลผิดตรงตระกูลเวินครอบครอง เหล็กทมิฬ ไม่ใช่ตราพยัคฆ์ทมิฬนะครับ)
ให้คะแนน 9.5/10
มาตรฐานดีกว่าซีรี่ส์จีนย้อนยุคทั่วๆไปครับ