ปลาย นักสืบจำเป็น - File 17 : ความตายบนภูกระดึง [บทเฉลย]

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แนะนำตัวละคร


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- 3 -
 

                ปลายและมีนเริ่มเร่งฝีเท้า เพื่อเดินตามให้ถึงอ๊อฟ ซึ่งมันก็สร้างความเหนื่อยล้าให้กับทั้งสองมากทีเดียว เพราะแสงแดดอันเจิดจ้าแผดเผาตลอดเส้นทางเดิน ไม่มีร่มเงาช่วยบังแดดให้พวกเขาเลย

                ทั้งสองตามติดอ๊อฟไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงจุดลงเขา จึงตามอ๊อฟทัน

                “อ๊อฟ หยุดก่อน!!” ปลายตะโกนบอก

                เมื่ออ๊อฟเห็นปลายและมีน ในทีแรกเขาเหมือนจะก้าวเดินต่ออย่างไม่สนใจทั้งสอง แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจหยุดรอทั้งสองเดินเข้ามาหา

                “นายตามฉันมา มีอะไรเหรอ?” อ๊อฟเอ่ยถาม

                “อ๊อฟ...” ปลายมองหน้า แล้วค่อยพูดต่อ “ฉันรู้เรื่องที่นายทำแล้ว”

                อ๊อฟนิ่งชั่วครู่ พูดต่อว่า “เรื่องอะไร ฉันไปทำอะไร?”

                ปลายจ้องหน้า “ฉันรู้ว่านายไม่ได้มาภูกระดึงคนเดียว มีอีกคนที่มากับนายด้วย”

                “ปลาย! นายพูดอะไรน่ะ!” อ๊อฟเถียงทันที “นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันอยู่คนเดียว ที่เต็นท์ฉันก็ไม่มีคนอื่น ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับ ก็กลับคนเดียว มีคนอื่นที่ไหนล่ะ”

                “นายว่าอย่างนั้นเหรอ ...แล้วทำไมนายถึงใช้สบู่เหลวล่ะ นายบอกว่าไม่ชอบใช้ไม่ใช่หรือ?”

                “ก็พอดีฉันหาสบู่ก้อนไม่ได้ เลยต้องใช้สบู่เหลวไปก่อน”

                “อย่างงั้นเหรอ... เออ...ฉันว่าไม่ใช่ล่ะมั้ง” ปลายบอก “สบู่เหลวต้องเป็นของคนอื่นแน่ มันต้องมีคนมากับนาย ถ้าดูจากยี่ห้อสบู่เหลวแล้วด้วย ..เป็นยี่ห้อดัง ๆ อย่างดี ราคาแพงอีกด้วย ผู้ชายอย่างนายคงไม่ลงเงินซื้อเองแน่ คนซื้อต้องเป็นผู้หญิง และผู้หญิงที่สามารถมากับนายที่ภูกระดึงสองต่อสองได้ คงจะมีแต่ ฝน แฟนของนายเองเท่านั้น”

                อ๊อฟได้ฟังปลายพูดอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ยังเถียงออกไป “นั่นมันนายคิดเอาเอง สบู่เหลวนั่นฉันซื้อมาเองแหละ แค่นี้เอามาบอกว่าฉันมากับฝนไม่ได้หรอก”      

                “เหรอ...” ท่าทางปลายคล้ายจะยียวน แต่แววตายังแฝงความมั่นใจ “แล้วทำไมกระเป๋านายถึงพองใหญ่นักล่ะ”

                “เอ่อ...” อ๊อฟนิ่งไปสักพัก แล้วค่อยพูดตอบไป “ก็ฉัน... มาตั้งหลายวัน สัมภาระมันต้องเยอะหน่อยสิ”

                “งั้นเหรอ... พักสองคืนของไม่น่าเยอะขนาดนี้นี่ ...นายเอาสัมภาระของอีกคนยัดไว้ในกระเป๋านายใช่มั้ยล่ะ” ปลายมองหน้าอ๊อฟ แต่อ๊อฟก็ยังนิ่งอยู่ “แต่เอาเถอะ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีสิทธิ์ค้นกระเป๋านาย แต่รูปในกล้องของนายมันก็ยังฟ้องอยู่ดี”

                “อะไรกัน! ในกล้องก็มีแต่รูปฉันคนเดียว มีคนอื่นซะที่ไหนเล่า”

                “ใช่.. มีแต่รูปนาย แต่ทำไมถึงมีรูปนายเกือบทุกจุดเที่ยวของภูกระดึงเลย เพราะบางที่มันก็ไม่น่าจะมีคนอื่นมาถ่ายให้นายได้ แถมรูปยังถ่ายออกมาได้ดีอีกด้วย มันแสดงว่าต้องมีอีกคนคอยถ่ายให้แน่”

                “ไม่นะ.. ไม่ ฉันมาคนเดียว” อ๊อฟเริ่มมีอะไรจุกปาก เถียงไม่ออก

                “นายยอมรับมาเองดีกว่าน่า”

                “ไม่! นายอย่ามาพูดอะไรมากมายเลย ฉันบอกแล้วไงว่ามาคนเดียว แล้วถ้าฝนมาด้วย ไหนล่ะฝน?”

                “ฝนเหรอ... เธอโดนนายฆ่าแล้วไง” ปลายพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย คล้ายบ่งบอกอ๊อฟว่านี่คือเรื่องจริง ไม่มีเสริมแต่ง

                “นายพูดอะไร ฉันจะฆ่าแฟนตัวเองทำไม?”

                “ก็ถ้านายมากับฝน ฝนต้องอยู่ข้าง ๆ นาย แต่นี่กลับไม่อยู่ แสดงว่าต้องเป็นอะไรไปแน่ แล้วถ้าดูจากอาการของนายที่ไม่ออกตามหาเลย นายต้องเป็นคนทำอะไรกับเธอเอง”

                “แล้วไหนล่ะ? ... ถ้าฉันฆ่าจริง... ร่างฝนอยู่ไหน?” อ๊อฟเถียงใส่ทันที

                “นายเอาไปซ่อนไว้ไง” ปลายบอก

                “ฉันเอาไปซ่อนเหรอ... เฮอะ ฉันเอาไปซ่อนได้ไง คนออกเยอะแยะ แถมช่วงเทศกาลอย่างนี้ด้วย เจ้าหน้าที่เดินตรวจกันตลอดเวลา ถ้าฉันเอาซ่อนไว้จริง ป่านนี้คงเจอแล้ว”

                “งั้นเหรอ” ปลายแสยะยิ้มเล็กน้อย “นายก็มีวิธีซ่อนศพโดยที่คนอื่นไม่เห็นนะสิ”

                พอฟังหนุ่มผมตั้งพูดอ๊อฟนิ่งเงียบไปเลย เขาจึงพูดต่อ

                “วิธีของนายคือ ซ่อนไว้ในเต็นท์นั่นแหละ แต่ไม่ใช่เต็นท์ที่ฉันไปหานาย มันเป็นอีกเต็นท์หนึ่ง”

                สีหน้าอ๊อฟเริ่มเปลี่ยนไป เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามใบหน้า

                “เต็นท์นั้นก็คือ เต็นท์ที่อยู่ด้านข้างต่อกับเต็นท์ของนาย นายพาฝนเข้าไปในเต็นท์นั้น ซึ่งเต็นท์ที่ใช้จะมีสีและลักษณะเดียวกับเต็นท์นอนของนาย แถมนายยังทำสัญลักษณ์ให้ฝนจำผิด ไม่ทันฉุกคิดว่าเข้าเต็นท์ผิดด้วย นั่นคือ ป้ายห้ามทิ้งขยะ นายเอาป้ายห้ามทิ้งขยะที่ตอนแรกปักอยู่หน้าเต็นท์ของนาย ย้ายมันมาปักไว้หน้าเต็นท์ที่นายใช้ในแผน ฝนเลยเข้าใจผิด เพราะเธอเห็นป้ายอยู่ด้านหน้าเต็นท์นายตั้งแต่ทีแรก จึงคิดไปเองว่าเต็นท์นี้เป็นเต็นท์เดียวกัน เข้าไปข้างในโดยไม่คิดอะไร และหลักฐานของวิธีนี้ก็คือ รูปักป้ายที่พบอยู่ด้านหน้าเต็นท์นั่นเอง”

                พออ๊อฟฟังปลายพูดหน้าก็ถอดสีทันที ดูท่าเขาจะรู้แล้วว่าปลายทราบแผนการของตัวเอง

                หนุ่มผมตั้งจ้องมองเขา แล้วพูดต่อว่า “พอนายสังหารฝนภายในเต็นท์นั้นเสร็จ ก็ขนสัมภาระที่อยู่ข้างในออกมาไว้ที่เต็นท์ของนาย ปิดเต็นท์สังหารนั่นให้เรียบร้อย แล้วเข้าไปในเต็นท์ตัวเองรอคอยเวลาลงเขา ว่าง่าย ๆ คือ นายไม่ได้แบกศพออกไปไหนเลย ศพอยู่ในเต็นท์นั้นตลอด นายเพียงสร้างเต็นท์นั้นเป็นที่ลวงให้ฝนคิดว่าเป็นเต็นท์ที่เคยนอน แล้วนายก็ออกจากเต็นท์นั้นไปอยู่ในเต็นท์ที่พักจริง ๆ แทน ...นายคงคิดว่าอากาศหนาวอย่างนี้ อุณหภูมิต่ำ ศพของฝนจะเปลี่ยนสภาพช้าลง ไม่ส่งกลิ่นให้คนอื่นรู้แน่ และถึงจะมีเต็นท์ตั้งอยู่ก็ไม่ดูผิดปกติ เพราะที่ภูกระดึงมีคนมาท่องเที่ยวตลอด จนกว่าจะช่วงกลางปีหน้าอุทยานถึงจะปิด ถึงจะมาพบศพภายหลังก็บ่งบอกอะไรมากไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่เลย”

                สิ้นคำอ๊อฟหน้าซีดลง แต่เขาก็ยังเถียงอยู่อีก

                “นายกล่าวหาฉันอย่างนี้ มีหลักฐานมั้ยล่ะ นายอาจคิดเองเออเองก็ได้”

                “หลักฐานเหรอ.... ต้องมีแน่” ปลายฉีกยิ้ม “หลักฐานก็คือ เต็นท์ไง ถึงนายจะบอกว่าเต็นท์ที่ทิ้งไว้ไม่ใช่ของนาย แต่ตอนนี้นายมีถุงเต็นท์อยู่ในกระเป๋าสะพายหลัง นายให้ฉันค้นมั้ยล่ะ.. ว่าในถุงเต็นท์นั้นยังมีเต็นท์ของนายอยู่ ...ฉันว่าในถุงเต็นท์นั้นต้องไม่มีเต็นท์แน่ เพราะเต็นท์ถูกทิ้งไว้ที่ลานกางเต็นท์โดยมีศพของฝนอยู่ข้างใน ...ใช่มั้ยล่ะอ๊อฟ?”

                อ๊อฟนิ่งครู่หนึ่ง คล้ายกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ

                เพียงพักเดียวหน้าตาของอ๊อฟ ๆ ก็เศร้าลง แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า

               “เออ... ฉันยอมรับแล้ว... ถูกแล้ว..ฉันมากับฝน แล้วฆ่าเธออย่างที่นายบอกนั่นแหละ” ในที่สุดอ๊อฟก็ยอมรับจนได้ “ปลาย...นายรู้วิธีของฉันได้ไง?” 

                ปลายจ้องมองอ๊อฟ “จริง ๆ แล้ววิธีของนายถือว่าร้ายกาจทีเดียว แต่มันมีจุดหนึ่งที่ทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้”

                “มันคืออะไร?”

                “ไม่มีอะไรหรอก ก็ตอนคืนเต็นท์ เห็นนายมีถุงเต็นท์สองใบ แต่นายคืนไปแค่ใบเดียว ฉันเลยคิดว่า ถ้านายเอาเต็นท์มาด้วย ทำไมถึงต้องเช่าเต็นท์อีก ซึ่งมันแสดงว่า เต็นท์ของนายต้องเอาไปใช้อะไรแน่ แล้วมันก็จริง เต็นท์ของนายมีสีและลักษณะเหมือนเต็นท์เช่าเลย พอมาตั้งอยู่ใกล้ ๆ รวมกับเต็นท์เช่าของคนอื่น ทำให้แยกไม่ออก ฉันจึงคิดว่านายอาจจะซ่อนไว้ในเต็นท์อีกหลังก็ได้”

                “อืม.. ยอดเยี่ยม ไม่เสียทีที่ได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษานักสืบ ฉันมันโชคไม่ดีเองที่มาเจอนายที่นี่”

                ในขณะที่พูดคุยอยู่นั้น เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของปลายก็ดังขึ้นมา เขารีบรับทันที

                เป็นเจที่โทรมา เขาพูดกับเจที่ปลายสายว่า “อืม... เจอแล้วใช่มั้ย ...อือ.. ดีแล้ว เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง ...แค่นี้แหละ”

                ปลายวางสายลง แต่ในขณะที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้น อ๊อฟคงรู้ตัวว่าศพถูกพบแล้ว จึงอาศัยจังหวะที่ปลายคุยนั้น รีบวิ่งเพื่อจะหนีลงเขาไปทันที

                ปลายและมีนเห็นอ๊อฟวิ่งหนี พวกเขาร้องเรียกอ๊อฟให้หยุด แต่ก็ไม่ได้วิ่งไล่ตาม

                ทั้งสองกลับฉีกยิ้มขึ้นมาพร้อมกันแทน

                ที่ทั้งคู่ไม่วิ่งไล่ตาม เพราะมีผู้หนึ่งโผล่มาขวางทางอ๊อฟ โผจับตัวเขาไว้

                เป็นแอลนั่นเอง

                ปลายได้สั่งให้แอลมาดักรอที่ทางลงเขาไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้อ๊อฟหนีลงเขาไปก่อนที่พวกเขามาถึง

                “ไม่... ปล่อยฉัน” อ๊อฟพยายามดิ้นรนหนีการเข้าจับตัวของแอล แต่ทว่าไม่เป็นผล แอลเป็นถึงนักกีฬายูโดมหาวิทยาลัย เขาย่อมมีวิธีที่ล็อกไม่ให้อ๊อฟหลุดหนีไปได้แน่

                “นายหนีไม่รอดหรอก” ปลายที่ตามมาจนถึงพูดขึ้นมา “ตอนนี้ทางตำรวจป่าไม้พบศพของฝนแล้ว นายยอมมอบตัวซะเถอะ”

                อ๊อฟดิ้นพยายามจะสลัดหลุดให้ได้ แต่ก็ถูกแอลใช้น้ำหนักตัวกดล็อกไว้อีก

                “นายฆ่าฝนทำไมหรือ.. บอกฉันได้มั้ย?” ปลายพูดต่อ ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเขาตอนนี้ดูอ่อนโยนขึ้น

                “เค้าหนีฉันไป... หนีไปมีอะไรกับคนอื่น” อ๊อฟตะโกนบอกเสียงดัง หน้าตาเศร้าสร้อยลง “ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง รอดูว่าเค้าจะเลิกทำแบบนี้มั้ย ...ไม่... เค้าไม่ยอมเลิก ...ฉันยอมไม่ได้ ฉันรักเค้าหมดใจ เค้ากลับเห็นฉันเป็นเพียงศาลาพักใจ อยากมาหาก็มา เบื่อก็ไปกับคนอื่น ไม่ได้นึกถึงความรักที่ฉันมีให้เลย ฉันยอมไม่ได้...”

                อารมณ์ของอ๊อฟตอนนี้มีทั้งโกรธและเศร้าคละเคล้ากันไป เขาไม่ยอมให้แฟนของเขาเป็นของใครเด็ดขาด จึงวางแผนสังหารเธอ โดยใช้ภูกระดึงเป็นฉากในแผนการฆาตกรรมครั้งนี้

                ปลายพาตัวอ๊อฟส่งเจ้าหน้าที่อุทยานให้คุมตัวไว้ เพื่อรอบทลงโทษที่จะตามมา ส่วนศพของฝนก็ถูกพบจริงตามที่ปลายบอก ร่างของเธออยู่ในเต็นท์ถัดมาจากที่ที่เต็นท์ของอ๊อฟเคยอยู่ ซึ่งฝนนั้นเสียชีวิตโดยการฉีดยาพิษเข้าเส้นด้วยฝีมืออ๊อฟนั่นเอง  
  
                เมื่อเสร็จสิ้น ปลายและพรรคพวกก็พากันไปเที่ยวชมทัศนียภาพที่สวยสดงดงามตามจุดท่องเที่ยวบนยอดภูกระดึงต่อทันที ทั้งหมดเสียเวลากับเรื่องของอ๊อฟไปมากแล้ว จึงต้องรีบเที่ยวโดยด่วน เพราะพรุ่งนี้ก็จะลงเขากันแล้ว

                โดยที่ทั้งหมดยังไม่ลืมว่า สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามอย่างภูกระดึงนี้ ได้มีเพื่อนของพวกเขาเสียชีวิตไปคนหนึ่ง และเป็นฆาตกรอีกคนหนึ่ง…
 
 

  ………………………………………………..จบตอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่