Terminator Dark fate : ฅนเหล็ก วิกฤตชะตาโลก (8/10) [ฅนเหล็ก ภาค1+2]


Terminator Dark Fate  จะเล่าเรื่องราวต่อจากหนังภาค2 อย่างเป็นทางการ โดยเนื้อหาจะเป็นช่วง 30 ปี หลังจากที่ “ซาร่า คอนเนอร์” (ลินดา แฮมิลตัน)  เอาชนะ T 1000 และปกป้องลูกชายเอาไว้ได้ แต่ทว่า นักฆ่าจักรกลจากโลกอนาคต ยังมาไม่หยุดหย่อน ทำให้ซ่าร่ายังคงต่อสู้กับพวกหุ่นเหล็กจนอายุเข้าสู่วัยชราเต็มขั้น ซึ่งในครั้งนี้ ซาร่า จะต้องร่วมมือกับ ไซบอร์กสาว “เกรซ” (แม็คเคนซี่ เดวิส)ในการคุ้มกันและปกป้องเด็กสาวที่ชื่อว่า “ดานี่ รามอส” (นาตาเลีย เรเยส) จากจักรกลสังหารรุ่นใหม่ไฉไลกว่าเดิม  "Rev-9" (แกเบรียล ลูนา ) พร้อมกับการกลับมาอีกครั้งของ หุ่นเหล็ก T-800  (อาร์โนลด์ ชวาเซเน็กเกอร์)
หลังจากความสำเร็จของสองภาคก่อน ทำให้มีผู้สร้างหลายคนต่างมาสร้างสรรค์หนังชุดนี้ต่อ แต่หนังภาคต่อทุกเรื่องต่างก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก ด้านรายได้และคำวิจารณ์ ผู้สร้างอย่างปู่เจมส์ คาเมรอน เลยตัดสินใจตัดภาคต่อ3ภาคนั้นทิ้ง และกลับมาสร้างเรื่องราวที่แท้จริงของ "ฅนเหล็ก" ผลที่ตอบเลยกลายเป็นหนังแอ็กชั่นโคตรเดือดส่งท้ายปีเลยครับ
หนังพร้อมสาดฉากบู๊มาตั้งแต่10กว่านาทีแรกเลย ฉากใหญ่ด้วยนะ เป็นการเปิดตัวหนังที่เดือดมาก ด้วยความที่หนังสาดฉากบู๊มาเร็วขนาดนี้ ดังนั้นหนังจึงเดินเรื่องเร็วมาก ปูพื้นฐานตัวละครหลักเพียงเล็กน้อยก็เข้าสู่ฉากบู๊เลยซึ่งก็ลากยาวไปตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งในแต่ละฉากคือไม่มีการปราณีรีรอเลยครับคือกะเอากันให้ตายไปข้าง ประมาณฉาก3รุม1ใน Avengers:EndGame ใครมีอะไรเด็ดก็ประเคนใส่ไอ้ฝั่งตรงข้ามอย่างเต็มที่ สภาพแต่ละคนคือยับเยินกันเต็มที่ อารมณ์แบบดราก้อนบอล คือตลอด2ชั่วโมงกับอีก8นาทีของหนัง คิดเป็นฉากแอ็กชั่นไล่ล่า1ชั่วโมงกับอีกสัก40นาที อีก20นาทีเป็นการเล่าเรื่องดำเนินเรื่อง ส่วน8นาทีที่เหลือก็เครดิตผู้สร้าง-นักแสดง 
แม้ว่าในตัวอย่างหนังจะเผยเนื้อหาและฉากต่างๆ(โดยเฉพาะฉากบู๊)มากเกินไปจนหลายคนกลัวว่าในหนังจะไม่มีอะไรให้เราดู ซึ่งจะว่าแบบนั้นก็จริงครับแต่มันก็ไม่ทั้งหมด เพราะฉากต่างๆในตัวอย่างเผยฉากเด็ดๆจริงๆแต่มันยังไม่ทั้งหมด เพราะแต่ละฉากยังมีลูกเล่นอยู่มาก ให้ทุกท่านลองคิดถึงตัวอย่าง5นาทีของ Aquaman กับตัวหนังจริงๆ อารมณ์ประมาณเดียวกัน
ด้านนักแสดงของเรื่องก็ถ่ายทอดบทบาทของแต่ละคนออกมาได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นนักแสดงรุ่นเก่า คุณย่าลินดา แฮมิลตัน แกก็เป็นสาวแกร่งกร้านโลกได้ดี ดูเท่และสตรองมากๆ ด้านพ่อใหญ่อาโนลของเรานั้นก็ไม่เบาดูเท่และดูดีเหมือนเดิมแม้อายุจะ70กว่าปีแล้วก็ยังดูดี เป็นคนแก่ที่ยังดูดีมากๆ(ผมนี่นึกถึงปู่นิรุตติ์ ปู่นพพลเลยครับ) แม้ว่าภาคนี้บทบาทของแกจะยังเป็นหุ่นเหล็กเช่นเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือบุคลิกและมิติของความเป็นมนุษย์ซึ่งแกก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีแม้ว่ามันจะดูนิ่งๆบ้างแต่ก็มีความเป็นผู้ชายอบอุ่นอยู่เด้อ สำคัญที่สุดคือเสียงพากย์ของนักแสดงทั้งสองท่านก็สุดยอดเช่นกัน พากย์ได้ดีทั้งคู่ ป้าหนูกรณิการ์ ประภัสภักดีก็ถ่ายทอดบทซาร่าในแต่ละอารมณ์ได้ดี ด้านลุงโอ๊ต จักรกฤษณ์ก็เป็นT-800ที่เท่สุดๆ
ด้านนักแสดงใหม่ของภาคนี้ก็ไม่น้อยหน้าครับเข้าขากับรุ่นเก่าได้ดีเลย “เกรซ” (แม็คเคนซี่ เดวิส) ก็เป็นนักรบครึ่งจักรกลที่เท่ใช้ได้ยึดภารกิจของตัวเองเป็นหลักแต่ดูเป็นคนที่หัวรั้นมากไป "ดานี่ รามอส” (นาตาเลีย เรเยส) ผู้เป็นความหวังแห่งอนาคตในยุคโลกล่มสลาย เธอถ่ายทอดออกมาได้ดีครับเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการจากสาวผู้ที่เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัวต้องผจญกับหุ่นเหล็กที่ครั้งแรกอาจจะดูกลัวและท้อแท้แต่จากสถานการณ์ทั้งหลายก็หลอมให้เธอลุกขึ้นสู้อย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป "Rev-9" (แกเบรียล ลูนา ) ก็มาเป็นผู้ร้ายโดยเฉพาะ นิ่งๆ อำมหิต
การที่ผมพาดหัวเอาไว้ว่า "ฅนเหล็ก ภาค1+2" มันหมายความว่าภาคนี้มีเนื้อหาที่เหมือนกับการนำเอาภาค1และภาค2มารวมกันครับ คือไล่มันตั้งแต่ฉากไล่ล่าเลยนะมันครบเลยรถบรรทุก เฮลิคอปเตอร์ รถแวน มีการขับไล่ล่ากันบนถนนเส้นหลัก ฉากบู๊ไคลแม๊กซ์ที่พักแปปก็ลากยาว การต่อสู้กันและมีบทสรุปที่โรงงาน  คาแรกเตอร์ตัวละครหน้าใหม่ก็เหมือนเอาตัวละคร2ภาคแรกมาผสมกัน ดานี่ รามอสเป็นทั้งซาร่า คอนเนอร์และจอห์น คอนเนอร์ในคนเดียวกัน เกรซก็เป็นเหมือนT-800จากภาค2และไคย์ล รีสพระเอกภาคแรกผสมกัน Rev-9นี่ก็ T-1000เวอร์ชั่นอัปเกรดชัดๆ นอกจากฉากบู๊ก็มีบางฉากที่ผมแอบนึกถึงฉากในหนังภาค1และ2 (โดยเฉพาะตอนจบของหนัง) มันเลยกลายเป็นข้อเสียของหนังที่ไม่มีอะไรใหม่ยังคงยึดความสำเร็จจากภาคเก่า ภาค3-5ที่หลายคนไม่ชอบ ผมว่าหนังภาคเหล่านั้นมันยังมีอะไรใหม่ๆและลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไปไม่เหมือนภาคนี้ แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าภาคนี้เองยังแอบเอากิมมิคของภาค3-5มาโผล่อยู่ด้วย จากจุดนี้ผมมองว่าเหมือนเจมส์ คาเมรอนแกสร้างภาคต่อในแบบที่อัปเกรดCGและทุนสร้างให้มากขึ้น แบบเดียวจากที่ภาคหนึ่งเป็นหนังทุนต่ำ พอแกสร้างภาคสองก็เป็นหนังทุนสร้างสูงมาก พอภาคนี้แกมีโอกาสสร้างซึ่งCGในปัจจุบันก็ดีขึ้นมากแกเลยจัดหนักจัดเต็ม ระบายความแค้นใจในการสร้างฉากที่ยากลำบากในภาคหนึ่งและสองระบายลงมาที่ภาคนี้ เหมือนกรณีอวตารที่แกมีไอเดียนานแล้วแต่อะไรหลายๆอย่างไม่พร้อม พอถึงเวลาที่พร้อมแกก็ทำออกมาอย่างเต็มที่
หนังเองก็มีการทิ้งข้อคิดบางอย่างไว้ให้เล็กน้อยจากคำพูดและสถานการณ์ "ทำไมต้องเป็นห่วงอนาคต ในเมื่อเรายังทำวันนี้ได้ดี" ถ้าให้ความหมายก็คงประมาณว่าตราบใดที่เรายังคงทำปัจจุบันนี้ได้ดีทำอย่างเต็มที่และมีประโยชน์จะยังไงซะอนาคตที่กำลังมาถึงผลลัพธ์ก็ย่อมไม่ต่างที่เราเคยทำมันในช่วงเวลาปัจจุบัน เป็นข้อคิดเล็กๆน้อยๆจากหนังที่ผมพอจับใจความได้ครับ
ปล. ผิดพลาดอย่างไรขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับผม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่