เรามีแผลนจะพาแม่ของเราไปเที่ยวหลังจากรักษามะเร็งหายแล้วเป็นการปลอบขวัญสร้างกำลังใจให้แม่เราสักหน่อย โดยทริปนี้เราก็พยายามวางแผนให้แม่ที่ร่วมทริปไปกับเรานั้น เหนื่อยน้อยที่สุด เราไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเมื่อต้นปี วันที่เราไปตรงกับวันเกิดของแม่เราพอดี

ก่อนไปเราก็ศึกษาประมาณนึง ตอนแรกจะไปกับทัวร์ ที่วางแผนมาเสร็จสรรพให้เราแล้ว สบายไม่ต้องคิดมาก แต่วันที่เราจะไปไม่ตรงกับทางที่ทัวร์มีจัดเราเลยต้องเริ่มแผนสอง คือการเดินทางไปโดยพึ่งไกด์ท้องถิ่น แบบ Private Trip

ไกด์คนแรกชื่อโกตานที่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ แม่เราพูดค่อนข้างเก่งเราเลยอยากให้เขาคุยกับคนท้องถิ่นเองจะได้ฟินๆไปเล้ย ซึ่งเราได้คอนแท๊คมาจากในพันทิปนี่แหละ นัดกันไปกันมา วันไปถึง สลับคนมาแทน เป็นไกด์ที่ชื่อว่า  Pisi สื่อสารกับเราเป็นภาษาอังกฤษ ราคาตกลง คือ 3,000 บาทรวมค่ารถ

เช้าวันที่ไป เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไฟล์ท 7 โมงเช้า ต้องถึงประมาณ 9 โมง แต่ดีเลย์ประมาณเลย 10 โมง พอลงมา หิวจัดๆเลย

เราออกมาจาก Gate มี Pisi ยืนรอรับเราอยู่แล้ว หลังจากทักทายกันไป เราขอให้เขาพาเราไปแลกเงิน กับ ซื้อซิม 

เราแลกไปประมาณ5,000บาทไทย แต่ได้เงินพม่ามาหลาย จ๊าดเลยเลย รวยจ้า รวยหลังจากจัดการนู่นนี่นั่นเรียบร้อย ไกด์ก็นำรถมารับเรา เป็นรถตู้ แอร์เย็นช่ำ ซึ่งเรามากัน 2 คน มันก็จะโล่งๆหน่อย

อาหารที่ไกด์มาเรามาลองชิม เราจำชื่อได้ รูปทรงคือ ขนมจีนน้ำยา แต่รสชาติจะออกแนวเปรี้ยวๆ แปลกๆไม่คุ้นลิ้น

อันนี้เป็นอาหารเคียงหรืออาหารว่าง รูปทรงเหมือนกระหรี่ปั๊บ อร่อยดี 

ชาของพม่าเขาจะให้วุ้นที่เหมือนเฉาก๋วย มันละมุนมากๆเลยอ่ะ ถึงกับซื้อกลับไทยไปด้วย และอาหารบนโต๊ะเขาจะออกแนวมาวางไว้จ่ายเท่าที่กินไป

เราพอกินได้อยู่ แต่มาเราเรียกได้ว่าแทบกินอะไรไม่ลง มันแปลกรสชาติแปลกลิ้นไปหมด (น่าสงสาร) พออิ่มหนำแล้ว เราเดินไปสถานที่แรกเลย คือ...

ด้วยความที่เราเป็นคนเยอะในการแต่งตัว ธีมของเราในวันนั้น คือ สีเขียว แล้วเสื้อที่เราใส่มันเป็นเอวลอยหน่อยๆ แต่เราเอาผ้าไปนะ เผื่อไว้ตอนขึ้นไปไหว้พระ 

  

เจ้าหน้าที่พม่าที่เป็นผู้หญิง มาพูดกับเรา แต่เราฟังไม่รู้เรื่อง ทางไกด์เลยแปลให้ว่า ชุดสวย กระเป๋าสวย เป็นคนสวย ตายแล้วววว แล้วเขาก็หาผ้าถุงที่แมชท์กับเสื้อสีเขียวให้เรา เราจึงได้ชุดที่เขียวไปตั้งแต่หัวจรดเท้า

ไกด์ดูแลดีมาก ถ่ายรูปให้ตลอด ชวนคุยตลอด แม่เราขนาดฟังไม่ออก ยังชมเลยว่าเขาดูแลดี 

เจดีย์กำลังบูรณปฏิสังขรณ์

ตอนนั้นน่าจะมีเทศกาลหรือพิธีอะไรอยู่เลยมีการถวายผลไม้เป็นเจดีย์แบบนี้ (ข้อมูลไม่แม่นค่ะ)

การรดน้ำประจำวันเกิดให้รดตามอายุและ เพิ่มไปอีก 1 ครั้ง เพื่อเสริมความสิริมงคล

ซึ่งการมาวัดทำให้เราทราบว่าคนพม่าค่อนข้างเคร่งศาสนาและเรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งศรัทธาเสียจริงๆ

ถัดจากที่แรกมาเราก็มาที่ เทพทันใจ

พอเดินข้ามฝั่งก็จะเป็น เทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย 

ไหว้พระไปสักพักแม่เราเริ่มหิว เพราะกินอะไรไม่ได้ในตอนแรกเลยแวะกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารไทย

เราชวนไกด์มากินกับเราด้วย พออิ่มเราเลยได้เดินเล่นระแวกนั้นนิดหน่อยก่อนไปต่อ

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ที่นั่นมีงานประจปีพอดีเราเลยมีโอกาสได้เห็นการเล่นตระกร้อพร้อมวงมโหรี

จบทริปก็เย็นพอดี Pisi พาไปดูช้าง Royal White Elephant Garden ไม่เสียค่าเข้า ก่อนกลับ

แต่ตอนเรามาทันเห็นช้างเผือกแต่ถ่ายไม่ทันน้องกำลังจะไปอาบน้ำ

จบทริปเรียกได้ว่าอิ่มบุญอิ่มใจมากเลยเลย ไกด์พาเราไปส่งสนามบินช่วง 5 โมงเย็น ล่ำลากัน เราไฟล์ทกลับตอนทุ่มครึ่ง เวลาเหลือเฟือยังพาแม่กินข้าวเย็นที่สบามบินได้อีกมื้อ ถือทริปที่อิ่มทั้งบุณอิ่มทั้งใจ 

ปล. แก้ไขราคาค่าเข้าเจดีย์ชเวดากองและอัพเดตชื่อวัดเจดีย์กาบาเอ ตามคอมเม้นท์ 2 ค่า