นุสรา สุขหน้าไม้ : พ่อแม่อดีตนางงามทวงถามความเป็นธรรมจาก "คิง เพาเวอร์" และครอบครัวศรีวัฒนประภา

ที่มา :  https://www.bbc.com/thai/thailand-50134921



สำเริง สุขหน้าไม้ แม่ของ น.ส.นุสรา สุขหน้าไม้ เดินทางไปยื่นจดหมายขอความช่วยเหลือจากสถานทูตอังกฤษในการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยในประเทศอังกฤษ

กล้องวงจรปิดที่นุสรา สุขหน้าไม้ พนักงานบริษัทคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด วัย 31 ปี ติดตั้งไว้หลายจุดในบ้านยังคงอยู่ที่เดิม แต่วันนี้ไม่มีใครคอยดูความเคลื่อนไหวทางโทรศัพท์มือถือหรือส่งเสียงทักทายพ่อและแม่ผ่านกล้องวงจรปิดมาอีกแล้ว

"บางทีเขาก็ส่งเสียงมาทางกล้อง ถามว่าแม่...วันนี้แกงอะไรคะ" สำเริง สุขหน้าไม้ อายุ 61 ปี เล่าถึงนุสราหรือ "จุ๋ม" ลูกสาวคนเล็กด้วยเสียงสั่นเครือ เธอกอดกระเป๋าแบรนด์เนมสีม่วงที่เธอเคยซื้อมาฝากจากอังกฤษไว้แน่น

นุสราเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 5 ศพจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้สนามคิงเพาเวอร์สเตเดียมของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ในอังกฤษ ซึ่งจะครบรอบ 1 ปีในวันที่ 27 ต.ค. 2562 นี้



ผู้เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2561 ทั้งหมด 5 คน ได้แก่ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสร กวีพร พรรณแพร และ นุสรา สุขหน้าไม้ ซึ่งเป็นคณะทำงานของนายวิชัย, และนักบิน 2 คน คือ อิสซาเบลลา โรซา เลโควิช และเอริก สวอฟเฟอร์

หลังงานศพที่วัดแถวบ้านย่านคลอง 4 จ.ปทุมธานี เสร็จสิ้นเมื่อปีก่อน สำเริงแทบไม่เคยเข้าไปในห้องนอนของนุสราบนชั้นสองของบ้านอีกเลย แม้แต่รูปถ่ายของลูกสาวก็ไม่นำมาติดไว้เพราะ "ไม่อยากเห็น เห็นแล้วมันคิดถึง"

เช่นเดียวกับวีรโรจน์ สุขหน้าไม้ วัย 60 ผู้เป็นพ่อ ที่น้ำตาซึมทุกครั้งที่ขับรถผ่านสถานที่เขาและลูกสาวเคยไปด้วยกัน

แม้นุสราย้ายไปอยู่คอนโดมีเนียมในกรุงเทพฯ แต่เธอกลับมาหาพ่อ แม่ พี่สาวและหลาน ๆ ที่บ้านปทุมธานีเป็นประจำ เธอโทรศัพท์มาคุยกับแม่เกือบทุกวัน และทุกครั้งก่อนเดินทางไปต่างประเทศ นุสราจะต้องส่งเสียงมาร่ำลาและบอกกำหนดกลับ

ก่อนเดินทางไปอังกฤษเมื่อเดือน ต.ค. 2561 ก็เช่นกัน

"เขาโทรศัพท์มาบอกว่า แม่หนูจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว เดี๋ยวรถตู้จะมารับไปสุวรรณภูมิ คราวนี้ไปอาทิตย์นึงนะแม่" สำเริงถ่ายทอดบทสนทนาสุดท้ายระหว่างเธอกับลูกสาว

นุสรากลับบ้านช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวหัวใจสลายคือเธอกลับมาในสภาพร่างไร้วิญญาณ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกส่งกลับมาด้วยในสภาพที่แตกหัก แต่ข้าวของภายในยังอยู่ครบ รวมทั้งเสื้อผ้า ของเล่นและเสื้อทีมฟุตบอลเลสเตอร์ฯ ที่เธอซื้อมาฝากพ่อแม่และหลาน



นุสราในความทรงจำ

สำเริงและวีรโรจน์บอกว่านุสราเป็นคนขยัน กตัญญูและรักครอบครัว หลังจากคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ เธอก็เริ่มมีรายได้จากการทำงานในวงการบันเทิง และส่งเสียตัวเองเรียนมาตั้งแต่ตอนนั้น

เธอประสบความสำเร็จในเวทีประกวดนางงามอีกครั้ง ด้วยการคว้าตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส จากนั้นจึงเข้าสู่วงการบันเทิง

"ตั้งแต่เรียนปริญญาตรีที่ ม.กรุงเทพฯ และปริญญาโทที่ ม.เกริก จุ๋มหาเงินส่งตัวเองเรียนตลอด และให้เงินพ่อกับแม่ใช้ไม่เคยขาด เขาเป็นเสาหลักของครอบครัวเรา" สำเริงเล่า

จากที่ไม่ได้ทำงานมาหลายปีเพราะมีนุสราดูค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน ให้เงินพ่อแม่ใช้และส่งเสียหลาน ๆ เรียนหนังสือ เมื่อนุสราจากไป วิโรจน์ผู้เป็นพ่อจึงต้องกลับมาทำนาเพื่อหารายได้

"ลูกได้ดั่งใจทุกอย่าง ภูมิใจในตัวเขา" วีรโรจน์รำพึงเบา ๆ



สำเริงและวีรโรจน์ สุขหน้าไม้ แม่และพ่อของนุสรา ร้องไห้เป็นระยะ ๆ เมื่อพูดถึงลูกสาวที่เสียชีวิต




ทั้งคู่ยอมรับว่าลูกสาวไม่ค่อยเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่ บ.คิง เพาเวอร์

"เขาไม่เคยพูดอะไร รู้แต่ว่าไปอังกฤษบ่อย ๆ บางทีก็ไปอาทิตย์นึง บางทีก็ไปเดือนนึง กลับมาแล้วก็ไปอีก กลับมาทุกครั้งก็ซื้อของมาฝาก"

สำเริงและวีรโรจน์บอกว่าแม้นผ่านมา 1 ปีแล้ว ครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหันของลูกสาวคนเล็ก

"ผมเคยบอกเพื่อนที่สูญเสียลูกไปว่าจะเศร้าอะไรนักหนา ลูกเสียไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้มาเจอกับตัวเอง มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่จะปีหนึ่งแล้วก็ยังคิดถึง ยังร้องไห้ เห็นภาพเขาไม่ได้" วีรโรจน์บอก ขณะที่สำเริงพูดสั้น ๆ ว่า "เคยคุยกันทุกวัน คิดถึงทุกวัน"

คิง เพาเวอร์


สำเริงและวีรโรจน์ไม่เคยซื้อของจากคิง เพาเวอร์ และไม่เคยรู้จักนักธุรกิจที่ชื่อ "วิชัย ศรีวัฒนประภา"

"เพิ่งจะมาได้ยินชื่อหลังจากเครื่องบินตกนี่ล่ะ" วีรโรจน์พูดถึงเจ้าสัววิชัยผู้เป็นนายจ้างของนุสรา เขารู้ว่าลูกสาวทำงานกับทีมฟุตบอลในอังกฤษ เพราะไปดูฟุตบอลบ่อย แต่เขาจำชื่อทีมไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นคนดูบอล

แต่หลังจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก สำเริงและวีรโรจน์จำชื่อเหล่านี้ได้ขึ้นใจ แม้จดจำในทางที่ไม่ค่อยดีนักก็ตาม



วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการบริษัทคิง เพาเวอร์ฯ เสียชีวิตในเฮลิคอปเตอร์ลำเดียวกับนุสรา สุขหน้าไม้ พนักงานวัย 31 ปี และคนอื่น ๆ อีก รวม 5 คน

วีรโรจน์เล่าว่าหลังเกิดเหตุ ฝ่ายบุคคลของ บ.คิง เพาเวอร์ ติดต่อมาให้ความช่วยเหลือในการจัดการงานศพวันละ 15,000 บาท เป็นเวลา 5 วัน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ซองปัจจัยถวายพระ 5 คืน เท่านั้น

แม้ลึก ๆ แล้ว ครอบครัวรู้สึกว่าสมควรจะได้ค่าชดเชยเพิ่มเติมเพราะนุสราเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงาน ตามการมอบหมายของนายวิชัย ประธานกรรมการบ. คิง เพาเวอร์ในขณะนั้น และเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นก็เป็นของบริษัท แต่ไม่ได้คิดจะเรียกร้องอะไรจนกระทั่งวันหนึ่งได้รับจดหมายจากสำนักงานทนายความในประเทศสิงคโปร์

จดหมายฉบับนั้นเป็นภาษาอังกฤษ สำเริงและวีรโรจน์จึงนำไปปรึกษาญาติที่เป็นทนายความ เมื่อนำไปแปลจึงได้รู้ว่า สำนักงานกฎหมายแห่งนั้นเป็นตัวแทนของ บ.คิง เพาเวอร์ที่ติดต่อมายื่นข้อเสนว่าจะให้เงินเยียวยา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 762,000 บาท) แต่มีเงื่อนไขว่าทายาท คือ พ่อและแม่ของนุสราต้องสละสิทธิต่าง ๆ เกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก

ต่อมาได้รับข้อเสนอว่าจะให้เงินเยียวยาเพิ่มเป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,524,000 บาท) โดยแลกกับการสละสิทธิที่จะได้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์เช่นเดิม



ข้อเสนอนี้ทำให้ครอบครัวรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม และต้องการรู้ข้อเท็จจริงว่ากรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุนั้นมีรายละเอียดอย่างไร ครอบคลุมผู้โดยสารบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นแค่ไหน ผู้เสียชีวิตมีสิทธิจะได้รับอะไรบ้าง

"พอรู้เนื้อหาในเอกสารแล้วก็อึ้ง รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมกับเรา เคยไปที่ บ.คิง เพาเวอร์ฯ 2 ครั้ง ไม่เคยได้เจอผู้บริหารเลย เจอแต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ผมเคยขอพบผู้บริหาร เขาบอกไม่ได้" วีรโรจน์กล่าวอย่างอัดอั้น

เดินหน้าฟ้อง

ความรู้สึก "ไม่เป็นธรรม" นั้นทำให้วีรโรจน์และสำเริงตัดสินใจยื่นฟ้องกองมรดกของนายวิชัย ซึ่งมีนางเอมอร ศรีวัฒนประภา เป็นจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลจัดการกองมรดก และบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ทายาทของนุสราเป็นเงิน 300 ล้านบาท โดยศาลจะเริ่มพิจารณาไต่สวนนัดแรกในวันที่ 25 พ.ย. นี้

ต้นเดือน ต.ค. ครอบครัวของนุสราสู้อีกทางด้วยการยื่นจดหมายถึงสถานทูตอังกฤษในประเทศไทย ขอให้ช่วยตรวจสอบและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผู้รับประกันภัย วงเงินประกันภัยและข้อมูลการคุ้มครองตามกรมธรรม์ของเฮลิคอปเตอร์ อากัสต้า เวสต์แลนด์ รุ่น AW 169 ทะเบียน G-VSKP ที่เกิดอุบัติเหตุตก รวมทั้งขอให้ช่วยติดตามทรัพย์สินของนุสราที่อาจเก็บรักษาไว้หรืออยู่ในความดูแลของหน่วยงานหรือองค์กรในประเทศอังกฤษ

"มีหรือไม่มีไม่สำคัญ ขอแค่ได้รู้ความจริง ผมจะได้จบแบบไม่ต้องติดใจ ไม่ต้องคาใจ" วีรโรจน์กล่าว



"อยากให้เขาทำให้ถูกต้อง ตามสิทธิที่เราควรได้รับ"

บีบีซีไทยถามถึงเหตุผลที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายถึง 300 ล้านบาท นายบวรกิตติ์ สันทัด ทนายความอธิบายว่าคำนวณจากรายได้ที่นุสราน่าจะหาได้ไปจนถึงอายุ 60 ปี รวมถึงสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ทายาทควรจะได้รับ

"ถ้าจะเจรจาให้พ่อแม่สละสิทธิต่าง ๆ เราก็ต้องรู้ว่าเรามีสิทธิอะไรก่อน ถ้ากรมธรรม์บอกว่าได้เท่านี้ แล้วเขา (คิง เพาเวอร์) เห็นว่ามันเยอะไป ต่อรองลงมา ก็คุยกันได้ แต่นี่มามัดมือชกว่าคุณเอาเท่านี้ไป จบนะ" ทนายความระบุ

ครบรอบ 1 ปี

วันที่ 27 ต.ค. นี้ เป็นวันครบรอบ 1 ปีการเสียชีวิตของนุสราและผู้โดยสารอีก 4 คนบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น

สำเริงและวีรโรจน์เตรียมทำบุญและสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของลูกสาวที่ส่วนหนึ่งยังเก็บไว้ที่บ้าน

สำหรับคดีความนั้น วีรโรจน์บอกว่า "อยากให้จบ ๆ ถ้าบริษัทมาคุยกัน มาตกลงกันได้ก็จบ...อยากให้เขาทำให้ถูกต้อง ตามสิทธิที่เราควรได้รับ"

คำชี้แจงจาก คิง เพาเวอร์ฯ


24 ก.ย. หลังครอบครัวของนุสรายื่นฟ้องต่อศาลเพียง 1 วัน บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ว่า บริษัทฯ ได้เสนอให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย รวมทั้งความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ครอบครัว น.ส. นุสรา แต่ครอบครัวของเธอกลับปฏิเสธ

"ทาง คิง เพาเวอร์ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือตามที่กฎหมายกำหนด และเสนอให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่จำเป็นแก่ครอบครัวของคุณนุสรา สุขหน้าไม้ รวมถึงความช่วยเหลือในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของคุณนุสรา สุขหน้าไม้ได้ยอมรับเงินสวัสดิการและเงินช่วยเหลือตามกฎหมายเท่านั้นโดยปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือทางกฎหมายอื่นที่บริษัทได้เสนอไปและในเดือนธันวาคมปี 2561 ทาง คิง เพาเวอร์ ยังได้เสนอความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้แก่ครอบครัวของคุณนุสรา สุขหน้าไม้ แต่ทางครอบครัวได้ปฏิเสธความช่วยเหลือดังกล่าว รวมถึงยังปฏิเสธข้อเสนอของบริษัทประกันภัย สำหรับการจ่ายเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินไหมทดแทนจำนวน 25,000 เหรียญสหรัฐฯและยังไม่สามารถตกลงเรื่องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัยได้ในระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา"

"อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และได้นำมาซึ่งการเสียชีวิตของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานคณะกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อันเป็นความสูญเสียและความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงของสมาชิกในครอบครัว และพนักงานของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จำกัด ในการนี้ หน่วยงานสืบสวนด้านอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accidents Investigation Branch (AAIB)) ของประเทศอังกฤษ กำลังสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อยู่ ซึ่งตามรายงานระหว่างกาลของ AAIB ที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะเกิดจากใบพัดหางของเฮลิคอปเตอร์ไม่ทำงานตอบสนองคำสั่งของนักบิน"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่