จากคำบอกเล่าด้วยน้ำตาที่เตือนใจได้อย่างน่าจดจำของ “หมอแอ๊นท์” ฐิติมา ว่องวิริยะวงศ์ อาจารย์แพทย์สาขาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย (ดูแลสุขภาพผู้สูงอาย) อีกทั้งยังเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลศิริราช วัย 35 ปี ผู้เข้าแข่งขันรอบบลายด์ออดิชั่นในรายการ “The Voice Thailand 2019” ซึ่งมาถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตเมื่อครั้งสูญเสียคุณพ่อเมื่อ 14 ปีที่แล้ว โดยที่ตัวเองไม่ได้บอกลาสักคำ เพราะยังโกรธที่พ่อเคยทิ้งไป เมื่อตอนเธออายุได้ 2 ขวบ ผ่านบทเพลง “ครั้งสุดท้าย” โดยมากับพรสวรรค์ของเสียงที่ไม่ต้องใช้เทคนิคการร้องอะไรมากมาย แต่สามารถร้องได้อิน กินใจ ปล่อยทุกความรู้สึกออกมากับน้ำเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นลูกทีมโค้ชป๊อบ ปองกูล

สำหรับเหตุผลที่มาประกวดร้องเพลงบนเวที “The Voice Thailand 2019” เพราะมี “หมอนีนี” วรบุตร ทวีรุจจนะ (The Voice Thailand Season 6) อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นแรงบันดาลใจ หลังจากเชื่อมาตลอดว่า...เป็นหมอไม่เหมาะสมที่จะมาประกวดร้องเพลง… รวมถึงเพื่อนชาวต่างชาติบิ้วให้เธอมาประกวด มาแสดงความสามารถที่มีอยู่ในตัวให้คนอื่นได้รู้ ล่าสุดมีโอกาสร้องเพลงในงานของ ศิริราช ได้เจอกับ “ครูกิต” กิตตินันท์ ชินสำราญ (The Voice Thailand Season 2) จึงชวนมาลองประกวดร้องเพลงดูสักครั้ง 

โดยเบื้องลึกของน้ำเสียงกินใจนี้ มาจากความคิดถึงคุณพ่อสุดหัวใจที่ถึงเวลาจะผ่านไป 14 ปี แต่เมื่อได้ยินเพลง “ครั้งสุดท้าย” ทีไรก็นึกถึงช่วงเวลาที่ไม่ได้ร่ำลาก่อนคุณพ่อเสียมาโดยตลอด “เมื่อตอน 2 ขวบ คุณพ่อ-คุณแม่ แยกทางกัน และตัวเองอยู่กับแม่มาตลอด เหตุความเสียใจที่ติดมาถึงทุกวันนี้ คือเมื่อ 14 ปีก่อน ตอนนั้นกำลังศึกษาเป็นนักศึกษาแพทย์ ปี 5 อยู่ๆ คุณพ่อโทรมาให้ช่วยหาเตียง Admit ให้หน่อย แต่ด้วยความน้อยใจที่พ่อไม่เคยแสดงความห่วงใยกันบ้างเลย จึงตอบกลับไปด้วยความโกรธว่าป๊าไม่ต้องโทรมาแล้วนะ หากจะโทรมาแค่นี้ ไม่เคยห่วงหนูเลยหรอ หลังจากนั้น มารู้อีกที ญาติโทรบอกว่า คุณพ่อ เข้า CCU แล้ว ยื้อไม่ทันแล้ว จนป็นความเสียใจที่ค้างคาใจมาถึงทุกวันนี้ ที่ตัวเองไม่มีโอกาสได้ร่ำลาพ่อเลย” 

หมอแอ๊นท์ เปิดเผยเรื่องราวด้วยน้ำตา

            โดยเรื่องราวของ หมอแอ๊นท์ เป็นบทเรียนราคาแพงที่อาจทำให้หลาย ๆ คนฉุกคิดว่าคนที่กำลังโกรธหรือทะเลาะกันอยู่ ให้หันกลับมาใส่ใจกัน เห็นคุณค่ากันให้มากขึ้น ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะเวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้...อยากให้ดูแลคนรักให้ดีที่สุด 

เหมือนว่าเป็น “วันสุดท้าย” ทุกเวลาและทุกวินาที เหมือนว่าวันพรุ่งนี้ไม่สามารถมาแก้ตัวได้อีกแล้ว