"บางคนอ่านหัวข้อแล้วคงจะคิดว่า เอ้ไอ้นี่อะไรนักหนาหนังมันก็นานมาแล้วนะยังจะพูดถึงอีกแถมตัวคนเขียนไม่ได้ตามวงละด้วยจะมาตั้งกระทู้ถึงทำไม"
ใจเย็นๆครับ555 นี่คืออยากจะเขียนบันทึกความทรงจำ1ปี ต่อสารคดีที่ค่อนข้างชอบมากๆ เอาจริงๆก็ตื่นเต้นตั้งแต่ตอนแรกๆที่ประกาศโปรเจคแล้ว ค่อนข้างชอบผลงานพี่เต๋อ โดยเฉพาะเรื่องMarry is happy มันปั่นดี555 GDCเป็นสารคดีที่สามารถเดินได้ไปเรื่อยๆจนครบ1ปี จนทำให้เราอยากรวบรวมมาว่า1ปีนี้ สารคดีตัวนี้ได้ทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายออกมาหลายๆอย่าง จนอยากจะบันทึกแบบรวมๆเอาไว้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้โอตะหลายๆคนก็รอตัวอย่างสารคดีตัวที่สองของวงอย่าง Real me ที่กำกับโดย"โดนัท มนัสนันท์" กันแบบรากงอก เพราะไม่ออกมาซะที
แต่ถึงอย่างงั้นแล้ว ก็มีเรื่องดีๆเกี่ยวกับสารคดีอยู่บ้าง ซึ่งก็คือผลงานสุดมาสเตอร์พีชของ "เต๋อ นวพล" กับเรื่อง BNK48 Girls dont cry
จะเรียกว่าเป็นสารคดีเหนือความคาดหมายก็ไม่แปลกนัก เพราะเดิมทีโปรเจคGirls dont cry ถูกวางไว้แค่เป็น"คลิปสั้น"ที่จะฉายทาง"ออนไลน์"เพียงแค่นั้น แต่สุดท้ายด้วยอะไรหลายๆอย่างก็กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในโรงหนังซะได้
เสียงตอบรับในช่วงแรกนั้นก็ถือว่ากลางๆ แม้กระแสวิจารณ์จากคนนอกหลายคนค่อนข้างชอบ แต่สำหรับแฟนคลับแล้วมีเสียงว่าค่อนข้างผิดหวังและไม่ชอบเนื่องจากหวังจะได้เป็นประเด็นที่ลึกกว่านี่ ทำให้มีกระแสช่วงนั้นว่า"นวพลทำสารคดีออกมาไม่ดีไม่เต็มที่เอาซะเลย" อีกทั้งยังมีดราม่าเรื่อง"แอร์ไทม์"ของสมาชิกแต่ละคนว่าออกมาไม่เท่ากันและทำไมคนนี้ออกน้อยคนนั้นออกเยอะ ทำให้แฟนคลับของสมาชิกวงแต่ละคนไม่พอใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามกระแสนี้ก็จางหายไปในที่สุด
แต่แล้วก็มีข่าวดีว่า ภาพยนตร์BNK48 Girls dont cry จะได้ไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่ประกาซครั้งแรกนั้นเป็นต้นมา สารคดีเรื่องนี้ก็ได้บินไปฉายหลายประเศ อาทิเช่น ฮ่องกง เกาหลี อิตาลี่ ญี่ปุ่น เยอรมัน(ประเทศนี้ไป2รอบ) ชิลี อังกฤษ และอื่นๆรวมแล้วทั้งหมด13ประเทศในระยะเวลา1ปี เรียกได้ว่าแทบจะเดือนละครั้งเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เพียงบินไปฉายเฉยๆ แต่ก็กวาดคำวิจารณ์ในแง่บวกจากสำนักรีวิวหนังต่างประเทศมาแบบ100%
และนี่ก็ครืออออ โปสเตอร์ของGirls dont cry แต่ละภาพที่ได้ใช้ในการฉายในเทศกาลต่างๆ
(รวมไม่หมด ถ้าอยากดูเยอะกว่านี้ไปที่เพจ Nawapol Thamrongrattanarit)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่เหนือความคาดหมายแบบเซอร์เรียลไปเลยก็คือ สารคดีBNK48 Girls dont cry ได้รับรางวัลจากเทศกาลsee the sound - soundtrack cologne ณ เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน! ในสาขา best documentary feature award
และยังเก็บรางวัลในประเทศไทยไปได้อีก1รางวัลเล็กๆก็คือ ภาพยนตร์แห่งปีจากกระทรวงวัฒนธรรม
จากการที่ได้บินไปฉายตามเทศกาลหนังต่างๆแทบจะเดือนละครั้ง แถมยังได้รางวัลจากต่างประเทศมาอีก ทำให้แฟนคลับกลับมาเปิดใจและดูอีกครั้ง พร้อมกลับมาด้วยกระแสชื่นชมภาพยนตร์จากแฟนคลับหลายๆท่านว่า"คิดถูกแล้วที่ใช้คนนี้กำกับ" "ถ้าไม่ใช่พี่เต๋อคงไม่ได้ไปไกลขนาดนี้"
ในอีกมุมนึงเรื่องจากการที่BNK48 Girls dont cry ทำไว้ดีมากขนาดนี้ "Real me" สารคดีตัวที่2 ที่กำกับโดย "โดนัท มนัสนันท์" จะมีกระแสแรงกดดันจากแฟนคลับอยู่ในระดับนึงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นคำตอบว่า"ทำไม" สารคดีReal me ถึงได้ออกมาช้าขนาดนี้
เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว สารคดีเรื่องนี้ก็เป็นความสุขอย่างนึงในชีวิตของคุณผู้กำกับที่กลายเป็นพี่ชายแสนดีของวงBNK48มาโดยตลอด ตามให้กำลังใจและแซวน้องๆในวงอยู่เรื่อยๆ แม้เขาจะคิดถึงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเขียนคำว่าคิดถึงออกมาได้ เพราะเขาเป็นคนซึน
ซึ่งก็ถือว่าราวกับเป็นนิยายแฟนตาซีเลยทีเดียว ที่ตัวเอกจะเจอเรื่องแย่ๆในชีวิต พอหลับไปปุ๊ปตื่นมาอยู่ที่ดินแดนเทพนิยายที่เป็นคนละขั้วจากโลกความจริงมันจึงเป็นสารเหตุที่BNK48 Girls dont cry นับว่าเป็นสารคดีเหนือความคาดหมาย เพราะใครจะคิดหละว่า สารคดีของวงไอดอล ซึ่งเป็นวงไม่ได้ดังเท่าไหร่แถมการเล่าเรื่องสุดติส(แต่สนุก) และวัฒนธรรมไอดอลที่ยากเกินอะไรเข้าใจ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรแมสเลยสักอย่างเดียว จะมาถึงขนาดนี้ได้ อีกทั้งความสนุกของสารคดีเรื่องนี้คือ เราสามารถกำหนดความยาวของสารคดีและตอนจบเองได้ ว่าอยากจะให้สารคดีเรื่องนี้มีความยาวเท่าไหร่ อาจจะสัก1ปี หรือสัก5ปี และอาจจะจบตอนไหนก็ได้ อาจจะเป็นตอนงานเลือกตั้ง ตอนรุ่น1แกรดหมด หรือตอนที่วงยุบ เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ใช่การแสดง ทุกอย่างมันเดินไปเรื่อยๆ แม้จะปิดจอลงแล้วก็ตาม ซึ่งส่วนตัวได้ดูถึงตอนจบของตัวเองไว้เรียบร้อย และถือว่าเป็นหนังที่ยาวที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว มอบทั้งความสุขและทุกข์ แต่นั่นก็คืออีกหนึ่งกล่องความทรงจำที่เราจะเก็บไว้อย่างดี
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้คุณสามารถกำหนดความยาวและตอนจบได้ด้วยตัวเองว่าอยากจบตอนไหน ทุกคนเลือกรึยังครับว่าอยากจะให้มันจบตอนไหนและคิดว่าจะเล่นยาวไปถึงเมื่อไหร่?
//จบ.
สารคดีBNK48 Girls dont cry สารคดีสุดเหนือความคาดหมายของวงBNK48 และสารคดีที่คุณสามารถเลือก"ตอนจบ"ได้เอง
ใจเย็นๆครับ555 นี่คืออยากจะเขียนบันทึกความทรงจำ1ปี ต่อสารคดีที่ค่อนข้างชอบมากๆ เอาจริงๆก็ตื่นเต้นตั้งแต่ตอนแรกๆที่ประกาศโปรเจคแล้ว ค่อนข้างชอบผลงานพี่เต๋อ โดยเฉพาะเรื่องMarry is happy มันปั่นดี555 GDCเป็นสารคดีที่สามารถเดินได้ไปเรื่อยๆจนครบ1ปี จนทำให้เราอยากรวบรวมมาว่า1ปีนี้ สารคดีตัวนี้ได้ทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายออกมาหลายๆอย่าง จนอยากจะบันทึกแบบรวมๆเอาไว้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้โอตะหลายๆคนก็รอตัวอย่างสารคดีตัวที่สองของวงอย่าง Real me ที่กำกับโดย"โดนัท มนัสนันท์" กันแบบรากงอก เพราะไม่ออกมาซะที
แต่ถึงอย่างงั้นแล้ว ก็มีเรื่องดีๆเกี่ยวกับสารคดีอยู่บ้าง ซึ่งก็คือผลงานสุดมาสเตอร์พีชของ "เต๋อ นวพล" กับเรื่อง BNK48 Girls dont cry
จะเรียกว่าเป็นสารคดีเหนือความคาดหมายก็ไม่แปลกนัก เพราะเดิมทีโปรเจคGirls dont cry ถูกวางไว้แค่เป็น"คลิปสั้น"ที่จะฉายทาง"ออนไลน์"เพียงแค่นั้น แต่สุดท้ายด้วยอะไรหลายๆอย่างก็กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในโรงหนังซะได้
เสียงตอบรับในช่วงแรกนั้นก็ถือว่ากลางๆ แม้กระแสวิจารณ์จากคนนอกหลายคนค่อนข้างชอบ แต่สำหรับแฟนคลับแล้วมีเสียงว่าค่อนข้างผิดหวังและไม่ชอบเนื่องจากหวังจะได้เป็นประเด็นที่ลึกกว่านี่ ทำให้มีกระแสช่วงนั้นว่า"นวพลทำสารคดีออกมาไม่ดีไม่เต็มที่เอาซะเลย" อีกทั้งยังมีดราม่าเรื่อง"แอร์ไทม์"ของสมาชิกแต่ละคนว่าออกมาไม่เท่ากันและทำไมคนนี้ออกน้อยคนนั้นออกเยอะ ทำให้แฟนคลับของสมาชิกวงแต่ละคนไม่พอใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามกระแสนี้ก็จางหายไปในที่สุด
แต่แล้วก็มีข่าวดีว่า ภาพยนตร์BNK48 Girls dont cry จะได้ไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่ประกาซครั้งแรกนั้นเป็นต้นมา สารคดีเรื่องนี้ก็ได้บินไปฉายหลายประเศ อาทิเช่น ฮ่องกง เกาหลี อิตาลี่ ญี่ปุ่น เยอรมัน(ประเทศนี้ไป2รอบ) ชิลี อังกฤษ และอื่นๆรวมแล้วทั้งหมด13ประเทศในระยะเวลา1ปี เรียกได้ว่าแทบจะเดือนละครั้งเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เพียงบินไปฉายเฉยๆ แต่ก็กวาดคำวิจารณ์ในแง่บวกจากสำนักรีวิวหนังต่างประเทศมาแบบ100%
และยังเก็บรางวัลในประเทศไทยไปได้อีก1รางวัลเล็กๆก็คือ ภาพยนตร์แห่งปีจากกระทรวงวัฒนธรรม
จากการที่ได้บินไปฉายตามเทศกาลหนังต่างๆแทบจะเดือนละครั้ง แถมยังได้รางวัลจากต่างประเทศมาอีก ทำให้แฟนคลับกลับมาเปิดใจและดูอีกครั้ง พร้อมกลับมาด้วยกระแสชื่นชมภาพยนตร์จากแฟนคลับหลายๆท่านว่า"คิดถูกแล้วที่ใช้คนนี้กำกับ" "ถ้าไม่ใช่พี่เต๋อคงไม่ได้ไปไกลขนาดนี้"
ในอีกมุมนึงเรื่องจากการที่BNK48 Girls dont cry ทำไว้ดีมากขนาดนี้ "Real me" สารคดีตัวที่2 ที่กำกับโดย "โดนัท มนัสนันท์" จะมีกระแสแรงกดดันจากแฟนคลับอยู่ในระดับนึงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นคำตอบว่า"ทำไม" สารคดีReal me ถึงได้ออกมาช้าขนาดนี้
เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว สารคดีเรื่องนี้ก็เป็นความสุขอย่างนึงในชีวิตของคุณผู้กำกับที่กลายเป็นพี่ชายแสนดีของวงBNK48มาโดยตลอด ตามให้กำลังใจและแซวน้องๆในวงอยู่เรื่อยๆ แม้เขาจะคิดถึงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเขียนคำว่าคิดถึงออกมาได้ เพราะเขาเป็นคนซึน
ซึ่งก็ถือว่าราวกับเป็นนิยายแฟนตาซีเลยทีเดียว ที่ตัวเอกจะเจอเรื่องแย่ๆในชีวิต พอหลับไปปุ๊ปตื่นมาอยู่ที่ดินแดนเทพนิยายที่เป็นคนละขั้วจากโลกความจริงมันจึงเป็นสารเหตุที่BNK48 Girls dont cry นับว่าเป็นสารคดีเหนือความคาดหมาย เพราะใครจะคิดหละว่า สารคดีของวงไอดอล ซึ่งเป็นวงไม่ได้ดังเท่าไหร่แถมการเล่าเรื่องสุดติส(แต่สนุก) และวัฒนธรรมไอดอลที่ยากเกินอะไรเข้าใจ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรแมสเลยสักอย่างเดียว จะมาถึงขนาดนี้ได้ อีกทั้งความสนุกของสารคดีเรื่องนี้คือ เราสามารถกำหนดความยาวของสารคดีและตอนจบเองได้ ว่าอยากจะให้สารคดีเรื่องนี้มีความยาวเท่าไหร่ อาจจะสัก1ปี หรือสัก5ปี และอาจจะจบตอนไหนก็ได้ อาจจะเป็นตอนงานเลือกตั้ง ตอนรุ่น1แกรดหมด หรือตอนที่วงยุบ เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ใช่การแสดง ทุกอย่างมันเดินไปเรื่อยๆ แม้จะปิดจอลงแล้วก็ตาม ซึ่งส่วนตัวได้ดูถึงตอนจบของตัวเองไว้เรียบร้อย และถือว่าเป็นหนังที่ยาวที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว มอบทั้งความสุขและทุกข์ แต่นั่นก็คืออีกหนึ่งกล่องความทรงจำที่เราจะเก็บไว้อย่างดี
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้คุณสามารถกำหนดความยาวและตอนจบได้ด้วยตัวเองว่าอยากจบตอนไหน ทุกคนเลือกรึยังครับว่าอยากจะให้มันจบตอนไหนและคิดว่าจะเล่นยาวไปถึงเมื่อไหร่?
//จบ.