น้ำหอมของฉัน

               ออกตัวไว้ก่อนว่า กระทู้นี้ไม่ได้จะมารีวิวน้ำหอมแต่ประการใด เพราะดิฉันเอง ความรู้ด้านนี้ ก็ไม่ได้มากมาย ก็ได้อาศัยรีวิวและกระทู้ให้ความรู้ในพันทิปนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคุณปรารถนาดีฯ และคุณเข็มขัดสั้น มาคอยแนะนำอะไรใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ

ในรูปเป็นส่วนหนึ่งของน้ำหอมที่มีอยู่ค่ะ




 
 
ในบรรดาอายตนะทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส 

             ดิฉันรู้สึกว่า “รูป” เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบทางใจได้ง่ายและเร็วที่สุด อะไรมากระทบทางตาปุ๊บ ความรู้สึกปรุงแต่งจะขึ้นได้ทันที ดีใจ เสียใจ ลิงโลด มันกระโดดขึ้นมาได้ทันทีที่ตาเห็น
เพี้ยนลอย

            “รส” และ “สัมผัส” เป็นสิ่งที่กระทบสัมผัสได้เนิ่นช้ากว่า ใช้ความพยายามมากกว่า
หิว

           “เสียง” เป็นสิ่งที่ปลอบประโลมได้ดีที่สุดและทำให้รำคาญได้มากที่สุดเช่นกัน
โซนมโน

           ส่วน “กลิ่น” เป็นสิ่งที่แปลก กลิ่นเป็นสิ่งกระทบทางอารมณ์ที่กระตุ้นจินตนาการและปลุกความทรงจำได้ดีที่สุด คุณอาจมองรูปถ่ายเก่า ๆ แล้วอมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในรูป แต่ในเหตุการณ์หรือประสบการณ์เดียวกัน ถ้ามี “กลิ่น”ที่ดีงามด้วย คุณจะนึกถึงเหตุการณ์นั้นได้อย่างตรึงใจยิ่งกว่า
เพี้ยนลาเวนเดอร์

         บางคนให้คุณค่าน้ำหอมว่า “เป็นเมคอัพชิ้นสุดท้ายของผู้หญิง ถ้าแต่งหน้าแล้วไม่ใส่น้ำหอมเลย เหมือนขาดอะไรไป” 

         แต่ดิฉันเป็นคนที่ไม่ช่างแต่งตัว และไม่แต่งหน้าเลย ไม่แต่งหน้าเสียจนแปลกใจเวลามีกระทู้ทำนอง “มีใครกล้าหน้าสดออกจากบ้านบ้าง หรือมีใครหน้าสดออกไปออกกำลังกายบ้าง” เพราะส่วนตัวหน้าสดทุกวัน ทาครีมกันแดดดี ๆ ดูแลผิวไม่ให้แห้งเป็นขุยลอกเป็นหย่อม ๆ เคลือบขี้ผึ้ง (ถ้าจำเป็น) ไม่ให้ปากลอกแตกเท่านั้น   

         สักปีละครั้ง ถ้ามีงานประชุมคู่ค้าที่สำคัญมากจริง ๆ อาจจะรองพื้นเบา ๆ และทาปาก ปัดแก้มนิด ๆ เท่านั้น กับอีกงานที่จะทาปาก(บ้าง) คือ ตอนไปงานศพ (ที่เป็นทางการหน่อย) เพราะถือว่าให้เกียรติเจ้าภาพ ไม่อยากให้ใครค่อนได้ว่า “หน้าซีดราวกับผีมาเผาผี”

        แต่น้ำหอมนี่เป็นเรื่องแปลก  ถ้าอยู่ในวิสัยที่พอจะควักสตางค์ซื้อได้ ในอายุปูนนี้แล้ว ซื้อทุกครั้งที่มีโอกาส แม้ว่าจะไม่ได้จมูกดีถึงกับ identify ได้ทุก notes ที่บรรยายมาในกระดาษพรรณาสรรพคุณ แต่คิดว่ากลิ่นแต่ละอย่าง และการปรุงกลิ่นให้เคล้ากัน และระเหยออกมาในแต่ละชั้นนั้นสร้างบรรยากาศและบุคลิกบางอย่างได้ดีจริง ๆ 

        สมัยยังรุ่น ๆ เพื่อนเคยใช้ให้ไปเข้าคอร์สหัดชิมไวน์ฟรี จำได้ว่า เวลาอ่านคำบรรยายทั้งหลายว่า ได้กลิ่นผลไม้ สดชื่น ได้กลิ่นหนัง กลิ่นเบอรี่ กลิ่นวานิลา กระทั่งกลิ่นถั่ว ยังงง ๆ เลยว่า มันขนาดนั้นเลยหรือ ?

         พอได้เรียนบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ประกอบกับมีคนมาชี้แนะ เลยพบว่า เออ...มันมีจริง ๆ ด้วยนั่นแหละ เพียงแต่มันเคล้าไปกับกลิ่นไวน์ได้นวลเนียนและเราต้องฝึกจมูกให้ “ไว” พอที่จะได้กลิ่นพวกนี้โชยมาเพียงเบา ๆ  มันไม่ได้แหลมชัดเหมือนของนั้น ๆ จริง ๆ เพราะถ้าอยากได้กลิ่นเบอรี่แรง ๆ ก็ไปกินฟรุตสลัดดีกว่าไหม หรือ อยากได้กลิ่นถั่วมากซะขนาดนั้น ตั้งกระทะคั่วถั่วลิสงซะกลิ่นมันยังจะสะใจกว่า

 
ทำไมเราถึงหลงรักน้ำหอม ? ใช้กลิ่นอะไรดี ? ควรมีงบเท่าไร ?

           - ดิฉันชอบและซื้อน้ำหอมได้ในทุก range ราคา ชอบทดลองกลิ่นไปเรื่อย ๆ และพบว่าน้ำหอมแพงไม่จำเป็นต้องดี แต่น้ำหอมดีมักจะแพง ดิฉันมักเชื่อมโยงกลิ่นหอมกับประสบการณ์ดี ๆ ในชีวิต และเลือกน้ำหอมที่กลิ่นเชื่อมโยงไปตามเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วย เช่น ดิฉันเห็นน้ำหอมยี่ห้อไทย ๆ มีกลิ่นดอกปีป กลิ่นดอกมหาหงส์ ก็เลยซื้อมาลอง พบว่าเข้าท่าดีเหมือนกัน

            ชอบกลิ่นปีป เพราะว่า เป็นกลิ่นหอมบาง หอมสะอาด ทำให้นึกถึงรีสอร์ตที่เมืองกาญจน์ที่เคยไปพักกับครอบครัว       ทำให้นึกถึงตอนเดินจงกรมที่ลานวัด เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำที่วัดถ้ำผาปล่อง 8 ปีกว่าผ่านไปแล้ว ความรู้สึกหอม สะอาดยังตรึงอยู่ใจ ล่าสุด ไปดู Swan Lake ที่ศูนย์วัฒนธรรม ระหว่างทางเดินไปหอประชุม ได้กลิ่นดอกปีปโชยมาจากต้น มันเชื่อมโยง กับความโอ่อ่า สง่างามของบัลเลต์ ปีปสีขาว กับ ชุดขาวของฝูงหงส์ใน Swan Lake ดูเป็นโทนที่สะอาดตาน่ารื่นรมย์

             ชอบมหาหงส์ เพราะชอบกลิ่นฉ่ำเย็น หวานหอมอ่อน ๆ ทำให้นึกถึงตอนเอาดอกมหาหงส์ไปบูชาที่เจดีย์ชะเวดากอง น้ำหอมกลิ่นพวกนี้ กระตุ้นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดี

 -  ขวดจิ๋ว ๆ ที่เห็นทางซ้ายเป็นของ Bottega ชื่อ Eau Sensuelle --- อันนี้ ขอแนะนำเลยค่ะ บรรยายสั้น ๆ ต้องบอกว่า “หอมแบบราคาแพง สง่า สะอาด หวานแต่ไม่เลี่ยน” น้ำหอมของ Jo Malone หลาย ๆ กลิ่นให้ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน คือ หอมสะอาด แต่ Bottega อันนี้ กลิ่นติดทนกว่า

           ความทรงจำดี ๆ ที่มากับน้ำหอมขวดจิ๋วนี้คือ ตอนต้นปี ดิฉันกำลังขึ้นเครื่องกลับจาก Munich มากรุงเทพ เห็นร้าน Bottega ในสนามบินเลยแวะเข้าไปดู  พนักงานขายน่ารักและ friendly มาก เธอเป็นคนไต้หวัน เรียนจบที่ไต้หวัน ต่อที่อเมริกา มาเยอรมันแล้วยังขี้เกียจกลับบ้าน เลยหางานทำมันในมิวนิคนี่ละ ลงเอยด้วยการทำงานกับบ็อตเตก้า

          วันที่แวะร้าน ดิฉันไม่ได้มีมาดคุณนายเลย เดินเข้าไปชมงานหนังถักของยี่ห้อนี้ จนคิดว่าจะตัดใจซื้อซักใบ น้องพนักงานก็น่ารัก ชวนคุย หัวเราะกันสนุก ดิฉันเลือกไม่ได้ซักทีว่าจะเอาใบไหน เธอก็ชวนให้ดิฉันค่อย ๆ พิจารณา เปรียบเทียบ หยิบใบนั้นใบนี้มาให้ลองแบบไม่เซ้าซี้เลย ถึงมีนักท่องเที่ยวจีนรายอื่น (ที่ท่าทางจะกระเป๋าหนักกว่า) เข้ามาในร้าน เธอก็ไม่ผละไป ท้ายสุด ดิฉันเลือกได้แล้ว เธอยังน่ารักบอกกับดิฉันว่า ชอบน้ำหอมกลิ่นไหนเธอแถมให้ขวดนึง เลยเป็นที่มาของ Eau Sensuelle ขวดจ้อยนี้   ครั้งหน้า เจ้าซองซูแอลขวดนี้ของดิฉันมันคงได้เติบกล้าเป็นขนาดสัก 50ml. แน่ ๆ 

           - กลิ่นสะอาด ๆ (แต่แรงขึ้นมาอีกนิด) คือ Eau d’Orange Verte ของ Hermes อันนี้ จะเป็นขวดถัดมา เคยดูรีวิวน้ำหอมทางช่อง youtube ช่องไหนก็จำไม่ได้แล้ว เค้าบอกว่า กลิ่นแนว ๆ ส้ม ๆ Citrus อะไรทำนองนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ ดมฟุดฟิด ๆ แล้วชอบกันทุกราย

           - ขวดจิ๋ว ๆ ถัดมาคือ The Sun และ 1000kissesdeep ของ Lush บอกได้เลยว่า ถ้าอารมณ์กำลังขุ่นมัว จ่ายยาเป็น The Sun ไป 2 ฟืด จะสดชื่นขึ้นทันควัน ด้วยกลิ่นส้มแทนเจอรีน กับมิโมซ่า ส่วน 1000kissesdeep อันนี้ก็หอมค่ะ เป็น orange กับ osmunthus blossoms 

           Osmunthus หรือหอมหมื่นลี้นี้ หอมสะอาดนะคะ เคยไปพักที่บ้านหอมหมื่นลี้ที่เชียงราย มีน้ำหอมกลิ่นนี้ขายด้วยราคาไม่แพงประมาณ 600 บาท ของขาดตลาดไปเกือบสองปี เพิ่งกลับมาใหม่ในขวดไม้ไผ่ พร้อมชื่อญี่ปุ่น ๆ 




             - ขวดที่ฝาขวดเป็นไม้นี่ได้จากเยอรมันค่ะ CLEAN กลิ่น fig หอมหวานสะอาดมาก แนะนำอย่างแรง มันไม่ fruity แบบกระโดกกระเดกเหมือนสาวรุ่น แต่มันหอม ๆ หวาน ๆ แบบสดชื่น เป็นมิตร

              - ขวดขาว Olfactory Series ของกอมส์เดการ์ซง กลิ่น Synthetic Soda อันนี้ กลิ่นมันโซดา หวานอมเปรี้ยว หอมแปลกดีนะคะ ส่วนลูกรักตลอดกาล (ที่ตอนนี้ของขาดตลาดเมืองไทยไปแล้ว) คือ  Series Incense รุ่น Kyoto อันนี้ อ่านแนะนำในพันทิปแล้วรีบไปหามา กลิ่นกำยานนี่ถ้าปรุงดี ๆ มันยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ ให้ความรู้สึกหอม ขลัง สะอาด ศักดิ์สิทธิ์

              - ริมขวาสุด Butterfly ค่ะ ส่วนตัวชอบกลิ่นใบมะม่วงที่สุด ดิฉันว่าหอมเขียว ๆ ดี แต่พอฉีดเข้ากับตัวแล้ว ลูกสาวดิฉันทักว่ากลิ่นเหมือนแฟ้บ 
 คือ น้ำหอมบางกลิ่น บางคนใช้แล้วดีงามมาก หรือเวลาเราลองดมแล้วดีมาก แต่พอฉีดกับตัว อาจเป็นด้วยเหงื่อหรือกลิ่นตัวเราที่ไม่เข้ากับน้ำหอมนั้น ทำเอาหกคะเมนตีลังกาไปได้เหมือนกัน 
เม่าฝนตก

               - ขวดชมพู ที่มีหัวฉีดเป็นพู่สีดำ อันนี้ของ Victoria Secret ปกติ ไม่ค่อยได้ใช้ยี่ห้อนี้เลย แต่อันนี้ เก็บไว้ด้วยความประทับใจ เพราะลูกน้องลงขันหุ้นกันซื้อให้

               - Tommy Girl (ขวดที่ติดกับ INCENSE สีดำ) ก็เป็นอีกกลิ่นที่วัยรุ่นเกิ๊น หอมแบบวัยรุ่น ลูกสาวซื้อให้

               - Diptyque มีอยู่ 3 ขวด ไม่ได้ตั้งใจจะสอยมาพร้อมกันทีเดียวขนาดนี้เลย Eau Duelle, Eau de Lierre, Vetyverio ยี่ห้อนี้ ดิฉันชอบในรูปแบบ balm มากกว่า พกง่าย (อุปาทานไปรึเปล่าไม่รู้ ว่ากลิ่นจากขี้ผึ้งมันหอมทนกว่าด้วยนะ) ยี่ห้อนี้ Unisex ค่อนไปทางผู้ชายนิดนึง มันหอมสะอาดแบบขรึม ๆ 

                - HAVANA ของ Aramis อันนี้ คีย์เวิร์ดคือ tobacco กลิ่นยาสูบ masculine มาก ๆ น้ำหอมขวดนี้ ส่วนตัว ถ้าใช้ตอนอากาศหนาว ๆ (เมืองไทยไม่มีวันหนาว เอาหนาวแอร์ก็ได้) และระเหยออกมาจากไอตัวอุ่น ๆ กลิ่นมันจะฟินมาก แต่เคยฉีดแล้วไปออกแดดเปรี้ยง เหงื่อไหลเยอะ ๆ นี่เน่าเฟะไปเหมือนกัน

                - ขวดจุกเขียว ส้ม เหลือง แป้งเด็กในตำนานของ Bulgari เปอตีเอมามอง เจ้าตัวน้อยและแม่ อันนี้ ก็หอมสะอาดนะคะ แต่สำหรับเรากลิ่นไม่ทนเลย เคยพยายามชดเชยความกลิ่นไม่ทน และกลิ่นอ่อนของมันด้วยการใส่มากหน่อย เวลาเจอเหงื่อแล้วขุ่นแม่จะลมจับ  ขวดนี้ไว้ฉีดชิลล์วันสบาย ๆ ไม่แนะนำให้ฉีดในงานประชุมสำคัญ มันเบาไป
 
 
               เราชอบใช้น้ำหอมตามอารมณ์ น้ำหอมบางกลิ่นให้ความรู้สึกเย็นชื่นใจ ผ่อนคลาย 

               พวกน้ำอบ หรือ essential oil จะช่วยได้มาก ก่อนนอน ลองหา essential oil กลิ่น lavender หยดที่หมอนสัก 2-3 หยด หรือเวลาเครียด ๆ ลองหา essential oil กลิ่น peppermint หรือ กลิ่น lemon หยดกลางฝ่ามือ ถูฝ่ามือให้อุ่นแล้วดม ก็ชื่นใจมาก ๆ 

               essential oil เป็นของที่น่าจะมีติดบ้าน เราคิดว่ามีประโยชน์ เช่น เราแพ้ง่าย เวลายุงกัด ขึ้นตุ่ม ขึ้นผื่น ก็จะใช้ lavender แต้ม สิวยุบเร็วกลิ่นหอมผ่อนคลายด้วยค่ะ

              เวลาอยากใจสงบ หรือช่วงนั่งสมาธิ ลองหยอด frankincense สัก 2-3 หยด ถู ๆ แล้วดม จะสงบ เร็วขึ้น
เม่าฝึกจิต

             ถ้าปลูกต้นไม้ ลองขยี้ใบจำปาแล้วดมดู ก็จะพบว่ามันหอมดีมากนะคะ หรือบางคนก็เด็ดใบเนียมมาทัดผม หรือวางไว้ใกล้ ๆ ก็หอมดี

              สำหรับสาว ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าใช้อะไรดี เราคิดว่าตัวที่จะไม่ทำให้คุณพลาดเลยคือ Mademoiselle ของ CHANEL หอมแพง หอมหรู หอมสะอาด ฟืดสองฟืดเบา ๆสำหรับการประชุมช่วงเช้า คุณจะได้สวมมงกุฎแน่นอน 
อ้อ...ในรูปเราไม่มี Mademoiselle นะคะ ใช้หมดไปแล้ว

 
            ส่วนตัวเราชอบกลิ่นส้ม กลิ่นเขียว ๆ หรือกลิ่นผลไม้สุกที่ไม่หนักจนเกินไป

            กลิ่นแนววานิลา แนวขนม นี่ต้องใส่เวลาอากาศเย็นจริง ๆ หรืออยู่ในห้องแอร์   ไม่งั้น ดูไม่จืดเลย ส่วนกลิ่นแนวแป้ง ๆ ดอกไม้จ๋า ๆ นี่ไม่ใช่ทางเลย

           เราคิดว่า กระทั่งกลิ่นหอมที่เป็นสากล ที่ทุกคนในโลกลงความเห็นว่าหอมอย่างมะลิ กุหลาบ ก็ต้องเลือกที่ปรุงในแบบที่เราชอบ มะลิเข้มข้นเกินไป หรือกุหลาบที่เข้มจนหนักนี่เวียนหัวมาก แต่ก็อีกนั่นละ บางทีมันขึ้นกับสภาพเหงื่อและกลิ่นตัวคุณด้วยว่าจะเข้ากับแบบไหนได้ดีที่สุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่