สวัสดีค่ะ จขกท.มีเรื่องปรึกษาค่ะ
ขอเกริ่นข้อมูลส่วนตัวจขกท.นิดหน่อยนะคะ จขกท.เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างค่ะ จดทะเบียนหจก.จขกท.เป็นผู้มีอำนาจลงนามคนเดียว ถือหุ้น 50% พ่อเป็นกรรมการ ถือหุ้น 40% แม่แฟนเป็นกรรมการ ถือหุ้น 10% หจก.รับแต่งานราชการที่ประมูลในระบบจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐ จขกท.อายุ 33 ปี จบป.ตรี ธุรกิจการโรงแรม โท MBA ปัจจุบันเรียนป.ตรีใบที่ 2 วิศวกรรมโยธาภาคเสาร์-อาทิตย์ ที่ม.เอกชนแห่งหนึ่ง เรียนได้ 1 ปี เทอมนี้ อยู่ปี 2 เกรดของโยธาที่เรียนมา A ทุกวิชา ได้ C 1 วิชาค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ การเงิน ทรัพย์สิน และหนี้สิน ต่างๆ ดังนี้ ค่ะ
1. กู้เงินแบงค์ F ซื้อที่ดิน 1 ไร่ (ในตัวเมืองของจังหวัดใหญ่ติดชายแดนอยู่ภาคตะวันตก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจขกท.) เพื่อปลูกบ้าน ลักษณะ Home Office แบ่งพื้นที่ 1 งาน เป็นแคมป์คนงาน , 2 งาน เป็นพื้นที่เก็บวัสดุ เครื่องมือก่อสร้าง และที่จอดรถ , อีก 1 งาน เป็นตัวบ้าน เงินต้นเงินกู้ ณ ปัจจุบัน 3.3 ล้าน โดยบ้านยังก่อสร้างไม่เสร็จ คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเบิกเงินกู้จากแบงค์ได้อีก 1 ล้านบาทเมื่อบ้านก่อสร้างเสร็จ (เท่ากับเงินต้นเงินกู้จะเพิ่มเป็น 4.3 ล้าน) อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันร้อยละ 5.87 รีไฟแนนซ์ได้หลังจากเบิกเงินกู้งวดสุดท้ายไปแล้ว 3 ปี
2. หนี้ธุรกิจแบงค์ G เงินต้น ณ ปัจจุบัน 3.2 ล้าน โดยแบ่งเป็น
- เงินต้นเงินกู้ 1.8 ล้าน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 13 บสย.ค้ำประกัน
- เงินต้นเงินกู้ 1.4 ล้าน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ใช้โฉนดที่ดินบ้านแม่แฟนค้ำประกัน
- วงเงิน O/D 7.5 แสน ใช้โฉนดที่ดินบ้านแม่จขกท.ค้ำประกัน ปัจจุบันใช้หมดวงเงิน
3. หนี้แบงค์ของ R เงินต้น ณ ปัจจุบัน ประมาณ 3.5 ล้าน ดอกเบี้ย 1 - 4 บาท (กู้ 3 ครั้ง อัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้งไม่เท่ากัน)
4. จขกท.ซื้อคอนโดไว้ย่านสนามบินสุวรรณภูมิ (ซื้อตั้งแต่ครั้งยังทำงานแถวนั้น) เงินต้นเงินกู้คอนโด ณ ปัจจุบัน 9.7 แสน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.625 อีก 1 ปี สามารถรีไฟแนนซ์ได้ ปัจจุบันปล่อยเช่าเดือนละ 7,500 บาท สัญญาเช่าปีต่อปี
5.รถยนต์ ดังนี้
- Ford Fiesta ชื่อแม่ ติสลิสซิ่ง เดือนละ 14,000 เดือน ก.พ. 63 ผ่อนหมด
- TOYOTA VIGO ติสลิสซิ่ง เดือนละ 8,000 เดือน ก.พ. 63 ผ่อนหมด
- กระบะ CHEF 4 ประตู เดือนละ 14,000 อีก 3 ปี ผ่อนหมด
- รถแบคโฮ เดือนละ 33,000 อีก 2 ปี ผ่อนหมด
6. ด้านเงินฝาก
- แบงค์สีเขียว 900,000 บาท เป็นบัญชีฝากประจำ ซึ่งใช้ค้ำวงเงิน LG อยู่ 3 ล้าน (จขกท.มี LG ทั้งหมด 4 ล้าน แต่อีก 1 ล้าน เป็นโฉนดบ้านแม่จขกท.โฉนดใบเดียวกับที่ค้ำประกันวงเงิน O/D)
- สลากออมสิน 300,000 อีก 1 ปี สามารถถอนคืนได
7. เงินสดที่จขกท.ถืออยู่ตอนนี้ 1.3 ล้าน
8. ด้านรายละเอียดอื่นๆ คือ
- ณ ปัจจุบันจขกท.มีงานที่ทำค้างอยู่ โดยจขกท.คิดว่าเงิน 1.3 ล้านบาทที่ถืออยู่ ยังเพียงพอต่อการปิดงานที่เหลือ โดยงานที่เหลือ น่าจะมีกำไรอยู่ราว 1 ล้านบาท งานที่เหลือจะสิ้นสุดประมาณ เดือน มี.ค. 63
- ณ ปัจจุบัน จขกท.ยังไม่ค้างชำระค่างวดใดๆ เลย
จากข้อมูลทั้งหมด ตามความคิดของจขกท.ตอนนี้ คือ จขกท.พังแล้วค่ะ ไม่มีปัญญาใช้หนี้แล้วค่ะ เพราะจากภาระหนี้สิ้นทั้งหมด ที่ผ่อนต่อเดือน ราว 300,000 (แบงค์ G 100,000 แบงค์ R 100,000 บ้าน 33,000 รถทั้งหมด 70,000) ไม่สามารถจ่ายได้แล้ว ถ้าจ่าย เงินสดหมดใน 3 เดือน
คำถามที่จขกท.ขอคำแนะนำ ปรึกษา คือ
1. จขกท.ควรนำเงิน 7.5 แสน ไปปิด O/D แล้วนำบ้านแม่จขกท.ออกจากแบงค์มาก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ประเด็นนี้ จขกท.ไม่รู้ว่านำออกได้หรือไม่ เพราะติด LG อยู่ หากสมมติ เช็คกับแบงค์แล้ว ไม่ติดเรื่อง LG ก็ยังควรปิด O/D นำบ้านออกมาหรือไม่?
2. จขกท.คิดว่า เริ่มตั้งแต่เดือนหน้า พ.ย.62 (งวดแรก)
- กำเงินสดไว้เท่าที่มีไว้ เพื่อมีโอกาสเอาไปลงทุนทำงานต่อ จขกท.คิดถูกหรือไม่?
- ไม่ชำระค่างวดรถแบคโฮเป็นอย่างแรก เพราะลิสซิ่งไม่ขึ้นบูโร อาจจะจ่ายหยอดๆไปเดือนละ 1 พัน จะป้องกันการยึดรถได้หรือไม่? (ตามคำบอกเล่าของเพื่อนผู้รับเหมา 2 ราย บอกว่าลิสซิ่งนี้ไม่ยึดรถ เมื่อไม่ผ่อนครบ 10 เดือน เขาจะเรียกขึ้นศาล เจรจาให้จ่ายเงินก้อนบางส่วน ตามที่เพื่อนจขกท.ประสบมาคือ 50,000 แล้วจากนั้นเขาก็จะเพิ่มงวดผ่อนให้ ยอดเงินผ่อนแต่ละเดือนน้อยลง)
- คุยกับแบงค์ต่างๆ ขอชำระแต่ดอกเบี้ย มีโอกาสที่แบงค์จะยอมมั้ย?
- หากปรับโครงสร้างหนี้ จขกท.สามารถที่จะทำกำไรจากเงินทุนอันน้อยนิดที่มีอยู่ ได้พอกับการปลดหนี้ทั้งหมดให้ผ่านพ้นไปได้หรือไม่?
- ระหว่างที่ไม่ว่าการเจรจากับแบงค์ใดๆ จะเป็นเช่นไร จขกท.เลือกที่จะผ่อนค่างวดบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จอย่างถูกต้องตามงวดต่อไป เพื่อเบิกเงินงวดสุดท้ายออกมา นำเงินงวดสุดท้ายมาลงทุนต่อ และบ้านที่สร้างเสร็จจะประกาศขายค่ะ
จริงๆ มีคำถามมากมาย ที่จขกท.อยากรู้(หรือไม่ได้อยากรู้ แต่ถามตัวเองวนไปวนมาด้วยความกลัว) แต่เหมือนหนี้สินหลายอย่างที่ผสมปนเปกันไปหมด จนจขกท.ไม่รู้จะถามเป็นประเด็นยังไง จะเป็นแค่ NPL มั๊ย? จะล้มละลายมั้ย? ทางออกทางไหนมันดีที่สุด? แม้แต่คำถามที่ว่า จขกท.ควรเรียนต่อโยธาให้จบมั๊ย? (อีก 1.5 ปี จบ ค่าเทอม+ค่าเดินทางและที่พักอีก ราว 190,000 บาท)
ด้านสภาพจิตใจตอนนี้ พยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่าง จขกท.จะผ่านมันไปได้ มีอาการร้องให้ประปรายในช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว ยอมรับว่ากลัวบ้านแม่(ทั้งสองแม่) โดนแบงค์ยึด รู้สึกเสียใจ รู้สึกผิด ถ้าทำให้พ่อแม่ในวัยแก่ชราไม่มีที่ซุกหัวนอน
สุดท้าย ขอขอบคุณทุกคำปรึกษา ทุกคำแนะนำล่วงหน้านะคะ และต้องขออภัยหากตั้งกระทู้ผิดพลาด ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม หรือแท็กผิดห้อง
บางครั้งจขกท.ก็อยากให้ทุกอย่างที่คิดเป็นแค่เพราะตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเท่านั้นน่ะค่ะ อยากให้เป็นเพราะตัวเองจิตตกไปเอง รอคำแนะนำจากเพื่อนทุกคนค่ะ
มันคือ ปัญหาการเงินในธุรกิจ หรือ มันคือ โรคซึมเศร้า?
ขอเกริ่นข้อมูลส่วนตัวจขกท.นิดหน่อยนะคะ จขกท.เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างค่ะ จดทะเบียนหจก.จขกท.เป็นผู้มีอำนาจลงนามคนเดียว ถือหุ้น 50% พ่อเป็นกรรมการ ถือหุ้น 40% แม่แฟนเป็นกรรมการ ถือหุ้น 10% หจก.รับแต่งานราชการที่ประมูลในระบบจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐ จขกท.อายุ 33 ปี จบป.ตรี ธุรกิจการโรงแรม โท MBA ปัจจุบันเรียนป.ตรีใบที่ 2 วิศวกรรมโยธาภาคเสาร์-อาทิตย์ ที่ม.เอกชนแห่งหนึ่ง เรียนได้ 1 ปี เทอมนี้ อยู่ปี 2 เกรดของโยธาที่เรียนมา A ทุกวิชา ได้ C 1 วิชาค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ การเงิน ทรัพย์สิน และหนี้สิน ต่างๆ ดังนี้ ค่ะ
1. กู้เงินแบงค์ F ซื้อที่ดิน 1 ไร่ (ในตัวเมืองของจังหวัดใหญ่ติดชายแดนอยู่ภาคตะวันตก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจขกท.) เพื่อปลูกบ้าน ลักษณะ Home Office แบ่งพื้นที่ 1 งาน เป็นแคมป์คนงาน , 2 งาน เป็นพื้นที่เก็บวัสดุ เครื่องมือก่อสร้าง และที่จอดรถ , อีก 1 งาน เป็นตัวบ้าน เงินต้นเงินกู้ ณ ปัจจุบัน 3.3 ล้าน โดยบ้านยังก่อสร้างไม่เสร็จ คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเบิกเงินกู้จากแบงค์ได้อีก 1 ล้านบาทเมื่อบ้านก่อสร้างเสร็จ (เท่ากับเงินต้นเงินกู้จะเพิ่มเป็น 4.3 ล้าน) อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันร้อยละ 5.87 รีไฟแนนซ์ได้หลังจากเบิกเงินกู้งวดสุดท้ายไปแล้ว 3 ปี
2. หนี้ธุรกิจแบงค์ G เงินต้น ณ ปัจจุบัน 3.2 ล้าน โดยแบ่งเป็น
- เงินต้นเงินกู้ 1.8 ล้าน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 13 บสย.ค้ำประกัน
- เงินต้นเงินกู้ 1.4 ล้าน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ใช้โฉนดที่ดินบ้านแม่แฟนค้ำประกัน
- วงเงิน O/D 7.5 แสน ใช้โฉนดที่ดินบ้านแม่จขกท.ค้ำประกัน ปัจจุบันใช้หมดวงเงิน
3. หนี้แบงค์ของ R เงินต้น ณ ปัจจุบัน ประมาณ 3.5 ล้าน ดอกเบี้ย 1 - 4 บาท (กู้ 3 ครั้ง อัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้งไม่เท่ากัน)
4. จขกท.ซื้อคอนโดไว้ย่านสนามบินสุวรรณภูมิ (ซื้อตั้งแต่ครั้งยังทำงานแถวนั้น) เงินต้นเงินกู้คอนโด ณ ปัจจุบัน 9.7 แสน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.625 อีก 1 ปี สามารถรีไฟแนนซ์ได้ ปัจจุบันปล่อยเช่าเดือนละ 7,500 บาท สัญญาเช่าปีต่อปี
5.รถยนต์ ดังนี้
- Ford Fiesta ชื่อแม่ ติสลิสซิ่ง เดือนละ 14,000 เดือน ก.พ. 63 ผ่อนหมด
- TOYOTA VIGO ติสลิสซิ่ง เดือนละ 8,000 เดือน ก.พ. 63 ผ่อนหมด
- กระบะ CHEF 4 ประตู เดือนละ 14,000 อีก 3 ปี ผ่อนหมด
- รถแบคโฮ เดือนละ 33,000 อีก 2 ปี ผ่อนหมด
6. ด้านเงินฝาก
- แบงค์สีเขียว 900,000 บาท เป็นบัญชีฝากประจำ ซึ่งใช้ค้ำวงเงิน LG อยู่ 3 ล้าน (จขกท.มี LG ทั้งหมด 4 ล้าน แต่อีก 1 ล้าน เป็นโฉนดบ้านแม่จขกท.โฉนดใบเดียวกับที่ค้ำประกันวงเงิน O/D)
- สลากออมสิน 300,000 อีก 1 ปี สามารถถอนคืนได
7. เงินสดที่จขกท.ถืออยู่ตอนนี้ 1.3 ล้าน
8. ด้านรายละเอียดอื่นๆ คือ
- ณ ปัจจุบันจขกท.มีงานที่ทำค้างอยู่ โดยจขกท.คิดว่าเงิน 1.3 ล้านบาทที่ถืออยู่ ยังเพียงพอต่อการปิดงานที่เหลือ โดยงานที่เหลือ น่าจะมีกำไรอยู่ราว 1 ล้านบาท งานที่เหลือจะสิ้นสุดประมาณ เดือน มี.ค. 63
- ณ ปัจจุบัน จขกท.ยังไม่ค้างชำระค่างวดใดๆ เลย
จากข้อมูลทั้งหมด ตามความคิดของจขกท.ตอนนี้ คือ จขกท.พังแล้วค่ะ ไม่มีปัญญาใช้หนี้แล้วค่ะ เพราะจากภาระหนี้สิ้นทั้งหมด ที่ผ่อนต่อเดือน ราว 300,000 (แบงค์ G 100,000 แบงค์ R 100,000 บ้าน 33,000 รถทั้งหมด 70,000) ไม่สามารถจ่ายได้แล้ว ถ้าจ่าย เงินสดหมดใน 3 เดือน
คำถามที่จขกท.ขอคำแนะนำ ปรึกษา คือ
1. จขกท.ควรนำเงิน 7.5 แสน ไปปิด O/D แล้วนำบ้านแม่จขกท.ออกจากแบงค์มาก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ประเด็นนี้ จขกท.ไม่รู้ว่านำออกได้หรือไม่ เพราะติด LG อยู่ หากสมมติ เช็คกับแบงค์แล้ว ไม่ติดเรื่อง LG ก็ยังควรปิด O/D นำบ้านออกมาหรือไม่?
2. จขกท.คิดว่า เริ่มตั้งแต่เดือนหน้า พ.ย.62 (งวดแรก)
- กำเงินสดไว้เท่าที่มีไว้ เพื่อมีโอกาสเอาไปลงทุนทำงานต่อ จขกท.คิดถูกหรือไม่?
- ไม่ชำระค่างวดรถแบคโฮเป็นอย่างแรก เพราะลิสซิ่งไม่ขึ้นบูโร อาจจะจ่ายหยอดๆไปเดือนละ 1 พัน จะป้องกันการยึดรถได้หรือไม่? (ตามคำบอกเล่าของเพื่อนผู้รับเหมา 2 ราย บอกว่าลิสซิ่งนี้ไม่ยึดรถ เมื่อไม่ผ่อนครบ 10 เดือน เขาจะเรียกขึ้นศาล เจรจาให้จ่ายเงินก้อนบางส่วน ตามที่เพื่อนจขกท.ประสบมาคือ 50,000 แล้วจากนั้นเขาก็จะเพิ่มงวดผ่อนให้ ยอดเงินผ่อนแต่ละเดือนน้อยลง)
- คุยกับแบงค์ต่างๆ ขอชำระแต่ดอกเบี้ย มีโอกาสที่แบงค์จะยอมมั้ย?
- หากปรับโครงสร้างหนี้ จขกท.สามารถที่จะทำกำไรจากเงินทุนอันน้อยนิดที่มีอยู่ ได้พอกับการปลดหนี้ทั้งหมดให้ผ่านพ้นไปได้หรือไม่?
- ระหว่างที่ไม่ว่าการเจรจากับแบงค์ใดๆ จะเป็นเช่นไร จขกท.เลือกที่จะผ่อนค่างวดบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จอย่างถูกต้องตามงวดต่อไป เพื่อเบิกเงินงวดสุดท้ายออกมา นำเงินงวดสุดท้ายมาลงทุนต่อ และบ้านที่สร้างเสร็จจะประกาศขายค่ะ
จริงๆ มีคำถามมากมาย ที่จขกท.อยากรู้(หรือไม่ได้อยากรู้ แต่ถามตัวเองวนไปวนมาด้วยความกลัว) แต่เหมือนหนี้สินหลายอย่างที่ผสมปนเปกันไปหมด จนจขกท.ไม่รู้จะถามเป็นประเด็นยังไง จะเป็นแค่ NPL มั๊ย? จะล้มละลายมั้ย? ทางออกทางไหนมันดีที่สุด? แม้แต่คำถามที่ว่า จขกท.ควรเรียนต่อโยธาให้จบมั๊ย? (อีก 1.5 ปี จบ ค่าเทอม+ค่าเดินทางและที่พักอีก ราว 190,000 บาท)
ด้านสภาพจิตใจตอนนี้ พยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่าง จขกท.จะผ่านมันไปได้ มีอาการร้องให้ประปรายในช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว ยอมรับว่ากลัวบ้านแม่(ทั้งสองแม่) โดนแบงค์ยึด รู้สึกเสียใจ รู้สึกผิด ถ้าทำให้พ่อแม่ในวัยแก่ชราไม่มีที่ซุกหัวนอน
สุดท้าย ขอขอบคุณทุกคำปรึกษา ทุกคำแนะนำล่วงหน้านะคะ และต้องขออภัยหากตั้งกระทู้ผิดพลาด ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม หรือแท็กผิดห้อง
บางครั้งจขกท.ก็อยากให้ทุกอย่างที่คิดเป็นแค่เพราะตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเท่านั้นน่ะค่ะ อยากให้เป็นเพราะตัวเองจิตตกไปเอง รอคำแนะนำจากเพื่อนทุกคนค่ะ