ก่อนอื่นต้องขอแจ้งก่อนว่า กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหรือกดอาชีพแม่บ้านแต่อย่างใดนะครับ หากแต่ จขกท เพียงแค่ต้องการความคิดเห็นว่า การกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่
ผมอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนงานครับ มีโอกาสได้ไป interview อยู่หลายแห่ง แต่ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น (เลข 3 แล้ว) และเรทเงินเดือนที่อาจจะมากกว่าคนส่วนมากในวัยเดียวกัน (หรืออาจจะน้อยกว่าบางท่านนะครับ) รวมถึงตัวผมเองอาจจะเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการตอบคำถาม ทำให้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากที่ใดครับ
จนมาถึงบริษัทแห่งหนึ่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านสุขภาพ ผมมีโอกาสได้เข้ารับการ interview กับเจ้าของธุรกิจโดยตรง ซึ่งผมก็มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนหน้าอยู่บ้าง ผมค่อนข้างให้ความสนใจกับบริษัทแห่งนี้อยู่พอสมควรเลยครับ เนื่องจากเห็นว่าสวัสดิการค่อนข้างโอเค มีอาหารให้ฟรี มีที่ให้ออกกำลังกายฟรี และกล้าจ่ายค่าจ้างตามเรทที้เรา expected
ระหว่างการพูดคุยสัมภาษณ์ ผมรู้สึกว่าเจ้าของธุรกิจเค้าเจ๋งดีนะครับ ไม่ได้เรียนจบสูงแต่ทำธุรกิจได้ success ขนาดนี้ แต่ช่วงท้ายๆก็เริ่มรู้สึกว่าแกมีแนวคิดที่ค่อนข้างสุดโต่งอยู่ไม่น้อยทีเดียว ผมโดนคำถามที่แปลกๆ เช่น แกเล่าให้ฟังว่าแกเป็นคนเด็ดเดี่ยวมากๆ ทำธุรกิจโดยใช้ passion ไม่สนใจเรื่องเงิน วันดีคืนดีอาจจะเอาเงินมาเผาเล่น 1 ล้านบาทให้พนักงานดูก็ได้ แล้วแกก็ให้ผมฉีกเงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ที่มีอยู่ตอนนั้น ผมปฏิเสธไปพร้อมกับบอกว่าต้องเก็บไว้จ่ายค่าแท็กซี่ขากลับ นอกจากนี้ยังโดนคำถามแบบเชิงบังคับให้คล้อยตาม (หรือผมอาจจะอ่อนประสบการณ์เกินไป) ว่าถ้าทำงานที่นี่จะต้องเรียนรู้งานทั้งหมดตั้งแต่แม่บ้าน รปภ และอื่นๆจะทำได้ไหม ผมก็ตอบไปโดยคิดว่าอาจจะเป็นคำถามเชิงจิตวิทยาว่าทำได้ครับ แกเลยบอกผมว่างั้นรับผมเข้าทำงานเลย แต่เดือนแรกจะไม่มีวันหยุด แล้วก็ให้ไปเรียนรู้งานกับแม่บ้าน รปภ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม และช่วงทดลองงานจะได้รับเงินเดือนน้อยกว่าที่เราเรียกไป ถ้าผ่านโปรจึงจะปรับให้ พร้อมทั้งบอกว่าผมต้องฉีกแบงก์พัน 1 ใบต่อหน้าแกหลังจากรับเงินเดือนเดือนแรก เริ่มงานได้ทันทีวันถัดไปเลย ผมก็รู้สึกอึ้งๆผสมกับความงงๆก็ตอบรับไป
วันถัดมา เป็นวันเริ่มงานวันแรกของผม ก็มีพี่ senior ท่านหนึ่งมา brief ว่าจะต้องไปอยู่กับแม่บ้าน ช่วยงานทุกๆอย่าง และก็ส่งตัวผมไปอยู่กับพี่ๆแม่บ้าน เป็นแรงงานพม่าประมาณ 4-5 คน จริงๆผมเป็นคน open มากๆนะครับ และคิดว่าตัวเองก็ผ่านอะไรมาเยอะพอสมควร วันนั้นผมก็เต็มใจที่จะเรียนรู้และปฏิบัติตาม ผมทำทุกอย่างทั้งปัด กวาด เช็ด ถู เช็ดกระจก หนักที่สุดคิอล้างห้องน้ำ จนครบ loop 1 วันในการทำงานของพี่ๆแม่บ้าน ลูกค้าทุกๆท่านที่มาใช้บริการสถานที่วันนั้นจะเห็นผมเป็นคนปัดกวาดเช็ดถูและล้างห้องน้ำ
ความรู้สึกตอนนั้นคือ จริงๆเราตั้งใจที่จะเรียนรู้งานหลายๆอย่าง แต่การที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้โดยไม่มีวันหยุดเลยอาจจะไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมจะเก่งกาจหรือเล่นตัวหรือเลือกงานอะไรนะครับ แต่ผมคิดว่าผมคงทำมันออกมาได้ไม่ดี และช่วงทดลองงานนี้คงเป็นการทำงานที่ทรหดที่สุดในชีวิตผมแล้วแหละครับ ฮ่าๆ วันถัดมาเลยคิดว่าตัวเองไม่น่าจะไหว ก็ไปคุยกับพี่ hr ว่าคงรับกับเงื่อนไขที่เจ้าของธุรกิจแกเสนอมาไม่ได้แล้ว (ตอนนั้นยังไม่ได้ sign contract ด้วยพอดี) ขอปฏิเสธโอกาสที่จะร่วมงานกับองค์กรแห่งนี้
อยากสอบถามพี่ๆเพื่อนๆว่า ผมตัดสินใจผิดพลาดไปหรือไม่ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจท่านนี้ทำเป็นการทำเกินเหตุไปหรือเปล่า หรือเป็นผมเองที่อ่อนแอ ไม่สู้งาน
ปล.ตำแหน่งที่เข้าไป join เป็นระดับ manager นะครับ จขกท จบ ป ตรี เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริญญาโทสองใบด้านบริหารธุรกิจ
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจริงๆ ... ขอบพระคุณที่อ่านจนจบและช่วงแสดงความคิดเห็นนะครับ
โดนทดลองงานโดยการช่วยงานแม่บ้าน 1 เดือน และไม่มีวันหยุด !!
ผมอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนงานครับ มีโอกาสได้ไป interview อยู่หลายแห่ง แต่ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น (เลข 3 แล้ว) และเรทเงินเดือนที่อาจจะมากกว่าคนส่วนมากในวัยเดียวกัน (หรืออาจจะน้อยกว่าบางท่านนะครับ) รวมถึงตัวผมเองอาจจะเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการตอบคำถาม ทำให้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากที่ใดครับ
จนมาถึงบริษัทแห่งหนึ่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านสุขภาพ ผมมีโอกาสได้เข้ารับการ interview กับเจ้าของธุรกิจโดยตรง ซึ่งผมก็มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนหน้าอยู่บ้าง ผมค่อนข้างให้ความสนใจกับบริษัทแห่งนี้อยู่พอสมควรเลยครับ เนื่องจากเห็นว่าสวัสดิการค่อนข้างโอเค มีอาหารให้ฟรี มีที่ให้ออกกำลังกายฟรี และกล้าจ่ายค่าจ้างตามเรทที้เรา expected
ระหว่างการพูดคุยสัมภาษณ์ ผมรู้สึกว่าเจ้าของธุรกิจเค้าเจ๋งดีนะครับ ไม่ได้เรียนจบสูงแต่ทำธุรกิจได้ success ขนาดนี้ แต่ช่วงท้ายๆก็เริ่มรู้สึกว่าแกมีแนวคิดที่ค่อนข้างสุดโต่งอยู่ไม่น้อยทีเดียว ผมโดนคำถามที่แปลกๆ เช่น แกเล่าให้ฟังว่าแกเป็นคนเด็ดเดี่ยวมากๆ ทำธุรกิจโดยใช้ passion ไม่สนใจเรื่องเงิน วันดีคืนดีอาจจะเอาเงินมาเผาเล่น 1 ล้านบาทให้พนักงานดูก็ได้ แล้วแกก็ให้ผมฉีกเงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ที่มีอยู่ตอนนั้น ผมปฏิเสธไปพร้อมกับบอกว่าต้องเก็บไว้จ่ายค่าแท็กซี่ขากลับ นอกจากนี้ยังโดนคำถามแบบเชิงบังคับให้คล้อยตาม (หรือผมอาจจะอ่อนประสบการณ์เกินไป) ว่าถ้าทำงานที่นี่จะต้องเรียนรู้งานทั้งหมดตั้งแต่แม่บ้าน รปภ และอื่นๆจะทำได้ไหม ผมก็ตอบไปโดยคิดว่าอาจจะเป็นคำถามเชิงจิตวิทยาว่าทำได้ครับ แกเลยบอกผมว่างั้นรับผมเข้าทำงานเลย แต่เดือนแรกจะไม่มีวันหยุด แล้วก็ให้ไปเรียนรู้งานกับแม่บ้าน รปภ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม และช่วงทดลองงานจะได้รับเงินเดือนน้อยกว่าที่เราเรียกไป ถ้าผ่านโปรจึงจะปรับให้ พร้อมทั้งบอกว่าผมต้องฉีกแบงก์พัน 1 ใบต่อหน้าแกหลังจากรับเงินเดือนเดือนแรก เริ่มงานได้ทันทีวันถัดไปเลย ผมก็รู้สึกอึ้งๆผสมกับความงงๆก็ตอบรับไป
วันถัดมา เป็นวันเริ่มงานวันแรกของผม ก็มีพี่ senior ท่านหนึ่งมา brief ว่าจะต้องไปอยู่กับแม่บ้าน ช่วยงานทุกๆอย่าง และก็ส่งตัวผมไปอยู่กับพี่ๆแม่บ้าน เป็นแรงงานพม่าประมาณ 4-5 คน จริงๆผมเป็นคน open มากๆนะครับ และคิดว่าตัวเองก็ผ่านอะไรมาเยอะพอสมควร วันนั้นผมก็เต็มใจที่จะเรียนรู้และปฏิบัติตาม ผมทำทุกอย่างทั้งปัด กวาด เช็ด ถู เช็ดกระจก หนักที่สุดคิอล้างห้องน้ำ จนครบ loop 1 วันในการทำงานของพี่ๆแม่บ้าน ลูกค้าทุกๆท่านที่มาใช้บริการสถานที่วันนั้นจะเห็นผมเป็นคนปัดกวาดเช็ดถูและล้างห้องน้ำ
ความรู้สึกตอนนั้นคือ จริงๆเราตั้งใจที่จะเรียนรู้งานหลายๆอย่าง แต่การที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้โดยไม่มีวันหยุดเลยอาจจะไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมจะเก่งกาจหรือเล่นตัวหรือเลือกงานอะไรนะครับ แต่ผมคิดว่าผมคงทำมันออกมาได้ไม่ดี และช่วงทดลองงานนี้คงเป็นการทำงานที่ทรหดที่สุดในชีวิตผมแล้วแหละครับ ฮ่าๆ วันถัดมาเลยคิดว่าตัวเองไม่น่าจะไหว ก็ไปคุยกับพี่ hr ว่าคงรับกับเงื่อนไขที่เจ้าของธุรกิจแกเสนอมาไม่ได้แล้ว (ตอนนั้นยังไม่ได้ sign contract ด้วยพอดี) ขอปฏิเสธโอกาสที่จะร่วมงานกับองค์กรแห่งนี้
อยากสอบถามพี่ๆเพื่อนๆว่า ผมตัดสินใจผิดพลาดไปหรือไม่ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจท่านนี้ทำเป็นการทำเกินเหตุไปหรือเปล่า หรือเป็นผมเองที่อ่อนแอ ไม่สู้งาน
ปล.ตำแหน่งที่เข้าไป join เป็นระดับ manager นะครับ จขกท จบ ป ตรี เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริญญาโทสองใบด้านบริหารธุรกิจ
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจริงๆ ... ขอบพระคุณที่อ่านจนจบและช่วงแสดงความคิดเห็นนะครับ