เด็กสมัยนี้ แปลกมากครับ หรือว่าใครมองว่าเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ อันดับแรกผมขอเล่าก่อนนะครับว่าผมเป็นครู สอนที่xxxx มีลูกศิษย์หลายรุ่น ผมเล่น social ปกติและรับนักเรียนนักศึกษาเป็นเพื่อนใน social ค่อนข้างเยอะ จริงๆก็เพื่อเอาใว้ดู ติดตามเด็ก ดูว่าเขาสามารถ ออกไปเผชิญโลกภายนอกได้มากน้อยแค่ไหน จนเมื่อวานขณะที่ผมกำลังจะเข้าห้องสอบ (ผมเรียนต่อ ปโทที่xxxx) ก็มีข้อความทักมาจากเด็กนักเรียนที่เคยสอน ซึ่งจริงๆเด็กที่จบไปก็มักจะทักทายเข้ามาคุยด้วย ถามสารทุกข์สุกดิบ ตามประสา แต่เด็กคนนี้เข้ามาแบบ ผมก็สตั้นไปพักนึง แทบจะลืมแนวข้อไปเลย
จะเห็นได้ว่า ข้อความครั้งสุดท้ายที่คุยด้วยคือเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว อยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้เลย จริงๆผมให้ยืมได้นะครับ ผมก็ไม่ได้เป็นคนใจดำอะไร แต่มีข้อแม้ว่า เด็กยังเรียนอยู่ เห็นหน้ากันทุกวันแบบนั้นผมสามารถช่วยเหลือได้ แต่บางครั้ง ผมก็มีบทเรียนกับเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะกับนักเรียนที่จบไป...ผมค่อนข้างเจอบ่อยพอสมควร ผมเลยเลือกที่จะตอบ เบาๆและช้าๆ
แต่ดูเหมือนว่า ลูกศิษย์คนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าลดความพยายาม ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาออกอุบายแบบนี้ อีกกับคนสัก 5-10 คน เขาจะมีเงินในมือเท่าไหร่ และอีกอย่าง ผมไม่ได้ใส่ร้ายเขานะครับ แต่ผมก็หลุดปากปรึกษาเพื่อนในห้องขณะนั่งติว แต่เพื่อนในห้องก็เอ่ยมาคำนึงว่า แน่ใจหรอว่าเอาไปจ่ายค่างวดรถที่เป็นล้อ ไม่ใช่ค่างวดรถที่เป็น “ขา” ผมก็คิดตาม
และสุดท้าย ถ้าลูกศิษย์คนนั้นได้มาอ่านกระทู้นี้ ที่ครูเป็นคนตั้งขึ้นเอง ครูไม่มีเจตนาจะให้คุณอับอายแต่อย่างใด แต่ครูอยากให้เรานึกให้ได้ว่า ในโลกของความเป็นจริง เราต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง อย่ารอหวังพึ่งน้ำบ่หน้าทุกครั้งไป ผมอยากให้คุณ ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และวางแผนการเงินให้มันดี จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะสุดท้ายคนที่เดือดร้อนคือตัวคุณเอง แต่มันก็กระทบไปถึงคนอื่นๆด้วยเช่นกัน จำใว้นะครับ วินัยทางการเงิน ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่งั้นอนาคต ถ้าคุณมีครอบครัว มันอาจจะกลายเป็นสาเหตุหลักในการทำให้ชีวิตครอบครัวคุณไม่มีความสุขก็เป็นได้
แล้วพี่ๆคิดอย่างไร กับวิธีที่ผม บอกเด็กไป ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเกินไปมั้ยครับ หรือผมทำถูกแล้ว
ทำไมเด็กสมัยนี้ ถึง กล้าทักมายืมเงินครู ทั้งๆที่ตัวเองก็หายไปจากวงโคจรของครูแล้ว
จะเห็นได้ว่า ข้อความครั้งสุดท้ายที่คุยด้วยคือเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว อยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้เลย จริงๆผมให้ยืมได้นะครับ ผมก็ไม่ได้เป็นคนใจดำอะไร แต่มีข้อแม้ว่า เด็กยังเรียนอยู่ เห็นหน้ากันทุกวันแบบนั้นผมสามารถช่วยเหลือได้ แต่บางครั้ง ผมก็มีบทเรียนกับเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะกับนักเรียนที่จบไป...ผมค่อนข้างเจอบ่อยพอสมควร ผมเลยเลือกที่จะตอบ เบาๆและช้าๆ
แต่ดูเหมือนว่า ลูกศิษย์คนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าลดความพยายาม ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาออกอุบายแบบนี้ อีกกับคนสัก 5-10 คน เขาจะมีเงินในมือเท่าไหร่ และอีกอย่าง ผมไม่ได้ใส่ร้ายเขานะครับ แต่ผมก็หลุดปากปรึกษาเพื่อนในห้องขณะนั่งติว แต่เพื่อนในห้องก็เอ่ยมาคำนึงว่า แน่ใจหรอว่าเอาไปจ่ายค่างวดรถที่เป็นล้อ ไม่ใช่ค่างวดรถที่เป็น “ขา” ผมก็คิดตาม
และสุดท้าย ถ้าลูกศิษย์คนนั้นได้มาอ่านกระทู้นี้ ที่ครูเป็นคนตั้งขึ้นเอง ครูไม่มีเจตนาจะให้คุณอับอายแต่อย่างใด แต่ครูอยากให้เรานึกให้ได้ว่า ในโลกของความเป็นจริง เราต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง อย่ารอหวังพึ่งน้ำบ่หน้าทุกครั้งไป ผมอยากให้คุณ ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และวางแผนการเงินให้มันดี จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะสุดท้ายคนที่เดือดร้อนคือตัวคุณเอง แต่มันก็กระทบไปถึงคนอื่นๆด้วยเช่นกัน จำใว้นะครับ วินัยทางการเงิน ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่งั้นอนาคต ถ้าคุณมีครอบครัว มันอาจจะกลายเป็นสาเหตุหลักในการทำให้ชีวิตครอบครัวคุณไม่มีความสุขก็เป็นได้
แล้วพี่ๆคิดอย่างไร กับวิธีที่ผม บอกเด็กไป ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเกินไปมั้ยครับ หรือผมทำถูกแล้ว