16 เดือน บน Lambretta TV175 Serie2 จากประเทศไทย – อิตาลี

วันนี้พี่หมีพามาเล่าประวัติ อ.อินสนธิ์ วงศ์สาม กันนะครับ
16 เดือน บน Lambretta TV175 Serie2 จากประเทศไทย – อิตาลี กับ อาจารย์ อินสนธิ์ วงศ์สาม [ศิลปินแห่งชาติ สาขาสาขาทัศนศิลป์ ปี พ.ศ. 2542] เรื่องราวของคนตามฝัน กับรถ Lambretta บนเส้นทางอันแสนยาวไกลเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว
 
ชีวิตวัยเด็กของผมไม่ต่างจากเด็กต่างจังหวัดทั่วไป พ่อ ผมเป็นผู้จุดประกายความเป็นศิลปินให้ตั้งแต่วัยเยาว์ จะเรียกว่าท่านเป็นศิลปินท้องถิ่นใน อ.ป่าซาง จ. ลำพูน ก็ว่าได้ ท่านรักวานด้านหัตกรรม งานที่คุ้นตาของผมเป็นงานออกแบบเครื่องเงินแบบท้องถิ ่น และยังชอบเรื่องโหราศาสตร์ ท่านเคยให้ผมวาดภาพ 12 นักษัตรที่ใช้ประกอบภาพร่างในปฏิทินเกี่ยวกับการพยากรณ์

ผมมีโอกาสได้ช่วยงานด้านหัตกรรมเกี่ยวกับ ประติมากรรม งานไม้ แกะสลัก และเครื่องเซรามิค หลังจากที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลาย ผมอยากเรียนต่อทางด้านศิลปะ แต่กลับไม่มีแนวทาง กระทั่งวันหนึ่งพบกับรุ่นพี่ที่ชื่อ ทวี เขาศึกษาที่ศิลปกรในกรุงเทพฯ เขาแนะให้ผมเข้ากรุงเทพฯ เรียนที่โรงเรียนเตรียมศิลป์ ก่อนที่จะเข้าศิลปกรต่อไป

ผมไม่รู้จักกรุงเทพฯ ตอนนั้นอายุ 18 ปี [2497] ผมเห็นอนาคตในกรุงเทพฯ และตั้งใจที่จะเป็นศิลปินอย่างที่ต้องการผมเข้าเรียน ที่โรงเรียนศิลปะศึกษา [เตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร] และโชคดีที่ได้เรียนกับท่าน อาจารย์ศิลป์ พีระศรี [นามเดิม ซี. เฟโรจี ชาวอิตาเลียน/ 2436-2505]

ผมเริ่มที่จะเข้ามารับรู้ถึงงานศิลปะอย่างจริงจังและ หล่อหลอมให้ผมมีความชอบที่ไม่อาจถอนได้แล้ว หลังจากนั้น 2 ปี ผมเข้าเรียนที่ศิลปากร และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท่านอาจารย์ ศิลป์ พีระศรีตลอด 5 ปีเต็ม ผมเรียนในสาขา จิตรกรรมและประติมากรรม

2504 หลังจากจบการศึกษา ผมได้รับเงิน 800 บาท ที่ได้จาก Bangkok Art Center ผมใช้เงินเพื่อเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างสรรค์งานศิลปะตามท ี่ต่างๆได้เรียนรู้ถึงวิถีทางการดำเนินชีวิตในแง่ต่า งๆ
หลังจากนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมาในหัวว่าอยากที่จะเดิ นทางรอบโลก ผมอยากไปที่ฟลอเรน อิตาลี สถานที่เกิดท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี แต่ไม่รู้ว่าจะเดินทางอย่างไรดี ผมเจอกับสุพัฒน์ การะศิลป์ เขาทำงานที่ ททท. ในงานแสดงศิลปะเราพูดถึงการเดินทางรอบโลก เขาอยากไปกับผมแต่เราไม่มีเงิน เขามีรถแต่ทว่าก็เก่ากลัวว่าจะไปไม่รอด อยากใช้รถใหม่แต่ก็ราคาสูงมาก สุดท้ายหลังได้รับการแนะนำจาก อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เราตกลงจะใช้รถ Scooter เราจึงทำโครงการเสนอที่ Berlie Jucker Company 
เพื่อขอการสนับสนุนซึ่งผู้จัดการเขาเป็นเพื่อนกันกับ ท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี เราบอกเขาว่าจะเดินทางไปอิตาลีโดยใช้ระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น เขาก็ให้รถ Lambretta TV175 Serie II เรามา 1 คัน แต่เราต้องการใช้รถ 2 คัน เลยต้องซื้อเพิ่มอีก 1 คัน แต่ก็ยังดีที่ซื้อได้ครึ่งราคา

เราไม่มีความรู้ทางช่างก็ต้องให้แมคานิคที่นี่สอนเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงเอาชนิดที่เป็นเร็วๆและแนวทางที่ง ่ายที่สุดหลังจากได้รถอย่างที่ต้องการก็ถึงคราวต้องห าค่าใช้จ่าย เราได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย[ททท.] และเพื่อนๆที่ศิลปากรที่อยากให้เราสร้างฝันให้สำเร็จ ทั้งสิ้น 30000 บาท และจาก Esso อีก 8000 บาท แล้วเราก็พร้อมเดินทาง

เราทำการดัดแปลงรถ Scooter นั้นเสียใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการเดินทาง มันจะเป็นเสมือนบ้านให้เราตลอดเส้นทาง อุปกรณ์ทำอาหารง่ายๆ ถุงนอน และเสื้อผ้าอีกไม่กี่ตัว ถูกติดตั้งที่ด้านหน้า-หลัง ส่วนด้านข้างนั้นเป็นที่เก็บงานศิลป์ที่พับม้วนกว่า 200 ภาพในกล่องเก็บข้างละ 6 กล่องและอุปกรณ์วาดภาพที่ถูกแพ็คกันน้ำอย่างดีในกระเ ปาหนัง และอุปกรณ์ซ่อมบำรุงอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะหัวเทียน 2505 หลังจากการเสียชีวิตของท่านอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ระหว่างพิธีศพผมบอกกับท่านว่าผมจะเดินทางไปบ้านท่านและจะสร้างฝันนั้นให้เป็นจริง หลังจากนั้น 1 อาทิตยื ผมก็ออกเดินทางจากประตูน้ำ การผจญภัยชองผมเริ่มขึ้นแล้ว!!!

เราออกจากกรุงเทพฯ มุ่งลงใต้จนสิ้นสุดการเดินทางถนนเรียบๆที่ปีนัง เรามาช้าไปเพียงอึดใจ เรือออกไปแล้ว ต้องรอเรื่อข้ามฟากเที่ยวหน้าถึง 1 เดือน เราไม่มีทางเลือก เราต้องรอ มันเป็นความหน้าตื่นตาครั้งแรกในต่างแดน เรารู้ว่ามันสนุกมากและก็ใช้เงินหมดไปอย่างไม่มีแบบแ ผน เราเป็นกังวลอีกครั้งจนคิดว่าจะกลับบ้าน ทว่าก็นึกถึงเพื่อนๆ ครอบครัว ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่ฝากความหวัง

เราจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เดินทางต่อไป  เราเดินทางขึ้นฝั่งที่ Calcata อินเดีย ในเดือนมิถุนายน 2505 มันน่าตื่นตาอีกครั้ง จำได้ว่าผมขับรถ Scooter ทั้งวันกระทั่งค่ำเพื่อชมสถานที่ก่อสร้างที่สวยงามทั ่วเมืองก่อนเข้าพักที่โบสถ์ฮินด ู

เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเราใช้เวลาอยู่ใน Calcata อีก 2-3 วันก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ สุพัฒน์ต้องการกลับบ้าน เขาไม่สนุกกับการเดินทางแล้ว เขาบอกบางทีเขาอาจคิดถึงลูกเล็กๆทั้ง 2 คนที่อยู่กรุงเทพฯ เขาล้มเลิกความฝัน และขาย Scooter พร้อมกับบินกลับกรุงเทพฯ ปล่อยให้การเดินทางเป็นของผมแต่เพียงลำพัง
 
ผมเสียใจมากแต่ก็มุ่งหน้าทำความฝันให้สำเร็จผมขับ Scooter มุ่งหน้าสู่ Delhi อย่างสันโดษ ที่นี่ ผมมีโอกาสพบปะสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเจอ เนื่องจากไม่มีเงิน จึงต้องอาศัยพักตามสถานที่ต่างๆ วัด โบสถ์ฮินดู สถานที่แสดงงานศิลป์ สถานทูตไทย ที่นี่ ผมเริ่มได้เพื่อน ได้ที่พัก ได้อาหาร ผมเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่อย่างโดษเดียวลำพัง อีกแล้ว
อินเดีย เป็นเมืองที่น่าอยู่  ผมมีโอกาสจริงได้เจอที่ประสูติของพระพุทธเจ้าที่เรีย กว่า Bodh-Gaya ผมใช้เวลาในอินเดียถึง 2 เดือน ผมรักที่นี่ จนทำใจได้ยากที่จะจากไป ผมมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่ Lahore มันเป็นประสบการณ์ใหม่ ในดินแดนของมุสลิม แต่ผมไม่มีเงิน ผมต้องขายงานที่สร้างขึ้นในอินเดียบางส่วน ผมโชคดี งานผมขายได้ผมมีทุนรอนที่จะเดินหน้าต่อไป ระหว่างเส้นทาง
ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่ดินแดนตะวันออกกลางนามTeheran ประเทศอิหร่าน ในเดือนธันวาคม 2505 อากาศในทะเลทรายแปรปรวนมากระหว่างกลางวัน-กลางคืน มันเหมือนอยู่กันคนละโลก อย่างไรเสียมันเป็นสภาวะที่ผมต้องเผชิญและต้องผ่านมั นให้ได้ด้วย ในTeheran ผมไม่มีเงินเลย ต้องขอความช่วยเหลือจากองค์การ UNISCO และได้รับการช่วยเหลือโดยเข้าทำงานที่การท่องเที่ยวของอิหร่าน
 
ผมได้รับงานออกแบบโปสเตอร์โปรโมตการท่องเที่ยว ผมเสนองานด้วยภาพพิมพ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเขาเองก็พอใจมากอยากให้ผมนำเสนองานรูปแบบอื่นๆอี กหากต้องการ

แต่ผมก็ต้องปฏิเสธเพราะยังคงรักษาคำมั่นที่จะต้องเดิ นทางให้บรรลุวัตถุประสงค์ ผมกับปรีชาได้แสดงงานในแกลเลอรี่ใน Teharan กับเพื่อนอีก 2-3 คน

เธอพาผมไปกินอาหารที่ร้านเพื่อนของเธอ เธอยังเชื่อมั่นในงแนวทางที่ผมทำ ซ้ำยังประสานงานให้ผมได้แสดงงานในเมือง เรายุติความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อน ณ. ตรงนั้น ก่อนจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่…แต่กลับรักษามันได้เพียง 2 เดือน จากเหตุผลที่พันธนาการต่อการเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุด
ผมถือใบขับขี่สากล กับหนังสือรับรองพร้อมใบผ่านแดนที่ออกให้จากกรมตำรวจ และราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย  ผมและ Scooter คู่ชีพจะเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ แต่บางที่กลับไม่ได้รับความสะดวกเนื่องจากเขาเองก็ไม ่เชื่อว่าผมกับ Scooter คันนี้จะเดินทางได้จริงๆ มันเป็นไปไม่ได้ ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด อย่างในตรุกีที่เส้นทางเต็มไปด้วยหิมะ
 
ผมต้องรอใบผ่านแดนนานมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่เชื่อว่าผมจะเดินทางข้ามทวีปจากเอเชียมายุโรปไ ด้ด้วย Scooter คันเล็กๆนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมหลังจากหลายฝ่ายต่างให้ข้อมูลสนั บสนุน
สวรรค์ทรงโปรดอีกครั้งหลังจากเดินทางมาถึงกลางตุรกี ผมได้รับเงินจาก Esso อีก 200 $ งานผมที่กรุงเทพฯขายได้ ผมมุ่งหน้าสู่ Athen ประเทศกรีซ ประเทศนี้สวยมาก อากาศดี น้ำทะเลสีฟ้า ผู้คนก็ดูเป็นมิตร
 
ผมหลงรักกรีซเข้าอีกแล้ว ผมขับ Scooter ชมความงาม ทั้งวัน ทั้งคืนและก็วาดภาพจากสถานที่แห่งนี้มากด้วย ผมอยู่ที่นี่ 2 เดือน ก่อนที่จะได้มีโอกาสแสดงงานอีกครั้ง ที่งานแสดงผมพบเพื่อนศิลปินชาวนิวยอร์กที่ชื่อ Alexander ซึ่งอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวหลังจบการศึกษา
เขาสนใจงานผมและต้องการที่จะได้เป็นเจ้าของ เขาไม่มีเงิน แต่ผมก็ขายให้ไปในราคาที่ถูกมากๆ และก็ให้ผ่อนเป็นรายเดือนอีกด้วยเราสนทนากันถูกคอมาก
 
เราแลกเปลี่ยนทรรศนะด้านงานศิลป์ เราตัดสินใจร่วมทริปกันสู่เกาะ Corfu ทางตอนใต้ของกรีซ เรามีช่วงเวลาที่ดีซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไป เดือนที่ 6 ผมใช้ชีวิตแบบชาวประมง มันเป็นวัตถุดิบอย่างดีในการสร้างงานศิลป์ ผมยังจำ กลิ่นอายของคาวปลาและวิธีทางที่เรียบง่าย สงบนิ่งมันเป็นแบบอย่างที่เราไม่เคยเจอ ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังที่เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ
 
Lambretta คันเล็กๆของผมมันก็สุดยอดเราร่วมเดินทางกันมาตั้งแต่ ต้นจนจบ ไม่มีเกเรให้ต้องรำคาญใจ มีเฉพาะการแก้ไขเล็กๆน้อยๆที่พอรับมือ ครั้งหนึ่งผมนำ Scooter เข้าเช็คเข้าเช็คเครื่องยนต์ในอู่เล็กๆแห่งหนึ่งผมบอ กไม่มีเงินให้เขาหรอก เขากลับบอกว่า เขาก็ไม่ต้องการเงินเช่นกัน ผมจึงให้งานศิลป์ของผมแทน มันเป็นความทรงจำที่ดี แถมยังได้อาหาร ที่พักและการสอนภาษาให้อีกด้วย ผมนำ Scooter ลงเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากCorfu

มุ่งหน้าBrindisi เมืองท่าสำคัญของอิตาลี ผม..มาถึงแผ่นดินเกิดของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรีแล้ว ฝันของผมเป็นจริง!! ผมมุ่งหน้าเข้า Romeในเดือนสิงหาคม 2506 ซึ่งมันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ที่นี่ผมพบดำรงค์ เพื่อนคนไทยที่อยู่ที่นี่มานานพอควร เราตัดสินใจร่วมทริปกันด้วย Scooter ของผม เราเดินทางไปยังบ้านเกิดของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ Geovenni ใกล้ๆกับ Florence เราถึงบ้านท่านอาจารย์ในเช้าตรู่

ทว่ากลับไม่มีใครอยู่ที่บ้านเรานั่งรอที่บ้านกว่าชั่ วโมงในใจก็ละลึกถึงท่าน บอกท่านว่า ผม พบบ้านท่านแล้ว ที่ Florence ผมตั้งใจจะแสดงงานศิลป์เพื่อบอกเล่าให้ผู้คนรับรู้ว่ า ผมเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี เกจิศิลปินที่เกิดที่เมืองนี้ ฝันผมเป็นจริง ผมและดำรงค์ได้แสดงงานใน Numero Galley ใน Florence เรากลับในเดือน พฤศจิกายน 2506 ดำรงค์ต้องการอยู่ต่อ เขาอยากที่จะหาที่เรียนศิลปะที่นี่ส่วนผมที่ยังไม่อยากเรียนกลับเกิดแนวคิดใหม่ฝันผมไปไกลถึงยุโรปแล้ว

ผมต้องการเดินทางต่อจึงพา Scooter คู่ชีพเข้ารับการช่วยเหลือที่โรงงานแม่ของ Lambretta ในโรม หวังจะให้เขาเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ใหม่ เพราะอาการเสียงดังที่เครื่องยนต์มันน่าวิตกซึ่งผมคิ ดว่ากว่า 20000 กิโลเมตร เครื่องยนต์มันคงไปไม่ไหวแล้ว ผมได้รับการปฏิเสธ จึงจำใจละทิ้งเจ้า Scooter คู่ชีพ ไว้ที่สถานทูตไทยในโรม เป็นการปิดฉากการเดินทางนานถึง 16 เดือนบนอานรถ Scooter อย่างเป็นทางการ ผม มุ่งหน้าโดยรถไปสู่ Vienna ประเทศฝรั่งเศสใช้ชีวิตเฉกเช่นศิลปินอิสระ ที่หวังเพียงสร้างงานศิลป์ควบคู่กับการดำรงชีวิตในดิ นแดนหลากอารยะธรรม

12 ปีในต่างแดน ตัดสินใจกลับลำพูนในปี 2517 ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสร้างสรรคืงานศิลป์และร่วมกิจ กรรมเพื่อท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการประกาศเกียรติคุณให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศศิลป์ประจำปี 2542 นอกเหนือจากนั้นท่านอาจารย์อินสนธิ์และภรรยา ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิอุทยานธรรมะและหอศิลป์ จ.ลำพูน เพื่อเป็นสถานที่ให้ผู้คนได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบก ารณ์ พัฒนาจิตสำนึกที่ดีเพื่อท้องถิ่นในรูปแบบของการสร้าง สรรค์เชิงอนุรักษ์
 
ผมเคยกลับมาตามหา Scooter ที่อิตาลีถึง 2 ครั้ง ที่สถานทูตเองก็ไม้มีใครทราบเรื่อง น่าเสียดายที่เพื่อนคันนี้ต้องอันตรธานไปเราคงต้องทิ ้งเวลาให้ล่วงเลยไปนานสถานทูตเองก็มี การบูรณะก่อสร้างสิ่งต่างๆขึ้นใหม่ สำหรับเขา 

มันก็แค่ซากรถเก่าๆที่ดูเกะกะ สำหรับผม มันมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ซึ่งเราทั้งคู่รู้ดี

credit > http://www.kumaridelam.com/scooter/thailand-to-italy/


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่