THE LION KING THE WORLD' S #1 MUSICAL (2019) IN BANGKOK, THAILAND

     ดูเหมือนว่าในปีนี้บ้านเราจะมีผลงานอย่าง The Lion King ให้เราดูกันถึง 2 เวอร์ชั่น เวอร์ชันแรกทุกคนคงเคยได้ดูกันไปแล้ว ก็คือ ภาพยนตร์ The Lion King (2019) Live Action ที่เข้าฉายไปเมื่อราวเดือนกรกฏาคม ส่วนเวอร์ชันที่สอง ก็เป็นที่มาที่ผมจะมาเล่าในวันนี้ ล่าสุดผมมีโอกาสได้ดู THE LION KING THE WORLD' S #1 MUSICAL ซึ่งอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจัดการแสดงที่เมืองไทย ณ เมืองไทย รัชดาลัย เธียเตอร์

    หลังจากดูจบ ต้องบอกเลยว่า 'คุ้มค่ามาก เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากกับงานคุณภาพระดับโลกแบบนี้'
     คงมีละครมิวสิคัลไม่มากเลยที่สามารถยืนระยะได้อย่างยาวนานขนาดนี้ สำหรับ The Lion King The Musical นี้ เริ่มจัดครั้งแรกใน ปี 1999 ที่ West End's Lyceum Theatre, London และยังคงถูกจัดแสดงมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน (ผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี !) ในวงการ Broadway มิวสิคัลชุดนี้ ถือเป็นหนึ่งในมิวสิคัลที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของโลก กวาดรายได้ไปแล้วกว่า 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 48,000 ล้านบาท ครองแชมป์รายได้สูงสุดตลอดกาลในวงการบรอดเวย์ 

     ในแง่คำวิจารณ์ ล้วนได้รับเสียงชื่นชมยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิวสิคัลที่ดีที่สุดในโลก สามารถกวาดรางวัลได้มากมาย จัดเป็น Musical ที่พลาดไม่ได้

THE LION KING THE WORLD' S #1 MUSICAL

BOOK BY ROGER ALLERS & IRENE MECCHI
DIRECTED BY JULIE TAYMOR
     ละครเวที The Lion King ถูกดัดแปลงมาจาก The Lion King (1994) ซึ่งตัวหนังกับเพลงของเวอร์ชันออริจินัลของ The Lion King (1994) นั้น จัดเป็นผลงานคลาสสิคของค่าย Disney ในเกรดคุณภาพระดับเยี่ยมมาก  [ imdb 8.5/10, Metascore 88/100, ออสการ์เพลงประกอบและดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปี 1995 ]
     เมื่อตัวหนังถูกเอามาตีความในรูปแบบ Musical ทำให้งานชิ้นนี้ได้รับอานิสงค์จากหนังไปเต็มๆ คือ มีฐานเรื่องที่แน่นและแข็งแรงมาก รวมถึงเพลงและดนตรีประกอบจากงานออริจินัล กลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศในการตีความใหม่แบบมิวสิคัล

     ไอเดียหนังและการตีความจึงถูกสร้างออกมาในเชิงงานศิลป์และมีความเป็นนามธรรม (สไตล์ละครเวที) ซึ่งจากที่ดูมา ก็ถือว่าทำผลงานออกมาได้สร้างสรรค์มาก โดยเฉพาะโปรดักชั่นกับงานออกแบบศิลป์ ทั้งฉากการแสดง การเต้น การเคลื่อนไหว ทำมาโคตรแน่น ตระการตา ทุกการเคลื่อนที่ในฉากมีความหมายต่อผู้ชม ทำให้ผู้ชมต้องตาลุกวาวอยู่เสมอ และสามารถทดแทนความสมจริง / ภาพจากแอนิเมชั่นได้
     ในแง่เนื้อเรื่อง ละครเวทีใช้เนื้อหาเดียวกับหนัง อันที่จริงหลายๆ คนคงจะเคยผ่านตา The Lion King มาหมดแล้ว ทำให้เราเข้าใจเรื่องได้ไม่ยาก สำหรับในเวอร์ชันมิวสิคัลนี้ เนื้อหาบางส่วนมีการดัดแปลงนิดหน่อย เพื่อให้เข้ากับสไตล์ละครเวที แต่เนื้อหาหลักกับแก่นเรื่องยังคงอยู่อย่างครบถ้วน ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่า 'ดูในเวอร์ชั่นมิวสิคัลแล้ว จะไม่ประทับใจเหมือนตอนดูในแอนิเมชั่น ยังไงก็ประทับใจในเนื้อเรื่องเหมือนกันแน่นอน'

     ในจุดนี้ต้องขอบคุณเวอร์ชันหนังจริงๆ ที่เขียนเนื้อเรื่องไว้ดีมาก คือเนื้อเรื่องมีขอบเขตกว้าง และมีบทที่ลึก มีมิติ ทำให้เป็นเรื่องที่เด็กและผู้ใหญ่สามารถดูได้อย่างเพลิดเพลิน
     ส่วนการดำเนินเรื่องของมิวสิคัล ก็ทำได้ไม่น่าเบื่อเลย ตัวเรื่องดำเนินเรื่องไว กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ที่ผมชอบอีกอย่างก็คือ การออกแบบท่าเต้น (แบบ Contemporary Dance) แสง สี เสียง และฉากประกอบที่สามารถสื่อความหมายของเรื่องได้อยู่ตลอด พร้อมกับงานศิลป์ที่งดงาม ทำให้มิวสิคัลนี้เปี่ยมไปด้วยสุนทรียภาพและทรงคุณค่าในเชิงศิลปะ

     เมื่อองค์ประกอบทุกส่วนออกมาดีเยี่ยม ทั้งบทเรื่อง จังหวะการดำเนินเรื่อง การแสดงของนักแสดง โปรดักชั่นของละครเวที การเต้นและการเคลื่อนไหว รวมทั้งแสง สี เสียง และเพลงประกอบละครเวที หลังจากนำมารวมกันและจัดเรียงให้เรียบร้อย ก็ทำให้ THE LION KING THE WORLD' S #1 MUSICAL  ออกมาสมบูรณ์และงามมากๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักวิจารณ์ถึงได้ยกย่องกันให้เป็นหนึ่งในมิวสิคัลที่ดีเยี่ยมของโลก เป็นละครเวทีที่สนุกและเปี่ยมด้วยคุณค่าจริงๆ
เพลงและดนตรีประกอบ Musical : THE LION KING ORIGINAL BROADWAY SOUNDTRACK

MUSIC & LYRICS BY ELTON JOHN & TIM RICE
ADDITIONAL MUSIC  LYRICS BY LEBO M, MARK MACHINA, JAY RIFKIN, JULIE TAYMOR, HANS ZIMMER
     สำหรับเพลงและดนตรีประกอบ Musical จัดเป็นอีกไฮไลท์ที่ผมคิดว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้ละครเวทีชุดนี้ออกมาน่าประทับใจ ตัวเพลงและดนตรีถูกดัดแปลงมาจากเวอร์ชั่นออริจินัล (1994) เช่นเดียวกับเนื้อเรื่อง ดังนั้นเพลง ธีมเพลง ดนตรีในอารมณ์ต่างๆ ยังคงถูกใช้ในละครเวทีอย่างครบถ้วน แต่มีการดัดแปลงสไตล์ดนตรีให้ต่างออกไป
     จุดแรกที่สังเกตเห็นคือ การร้องประสานเสียง ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในมิวสิคัล เพื่อเน้นอารมณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนที่สองก็คือ ในเวอร์ชันออริจินัล ดนตรีมีความป็อป และเน้นความกว้างใหญ่ สมจริง พอมาเป็นมิวสิคัล ก็ถูกดัดแปลงให้มีความเฉพาะทางมากขึ้น เมื่อฟังแล้วรู้สึกว่าดนตรีให้อารมณ์แคบกว่าเดิม แต่อัดแน่นด้วยพลัง พร้อมเพิ่มกลิ่นอายแบบแอฟริกันให้ชัดเจนขึ้น อย่างเสียงกลอง เครื่องเคาะให้จังหวะ และเสียงประสาน ทำให้ดูเข้ากับความเป็นละครเวทีในโหมดแอฟริกันมาก แถมติดหูอีกต่างหาก (โคตรชอบเลยแหละ 555)
 
     เพลงที่ประทับใจ ผมชอบทุกเพลงเลย มีที่ชอบที่ในเวอร์ชัน Broadway เป็นพิเศษ ก็ Circle of Life, They Live In You, Be Prepared, Shadowland, Can You Feel The Love Tonight ฟังแล้วรู้สึกมีความครีเอตของเสียงดี ฟังแล้วสนุกเพลินไม่มีเบื่อ
สรุป
     THE LION KING THE WORLD' S #1 MUSICAL สำหรับผมให้ 9/10 จุดที่คะแนนไม่เต็ม มาจากเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ จุดแรกคือ ผมดันนั่งในจุดที่ค่อนข้างไกลจากเวที ทำให้ไม่สามารถมองเห็นอินเนอร์จากการแสดงสีหน้าของตัวละครได้ชัดเจน กับอีกอย่างก็คือ เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ ผมอยากดู Broadway ชุดนี้สุดๆ เลยไปนั่งดูโชว์การแสดง รวมถึงเพลงประกอบของละครเวทีใน Youtube มาก่อนแล้ว กลายเป็นว่าดันรู้ Spoil ก่อนซะงั้น (555)

     จึงขอแนะนำว่า ถ้าอยากได้อรรถรสขั้นสูงสุด ควรเลือกที่นั่งใกล้เวที เพื่อรับรู้อินเนอร์ของตัวละคร (แม้บัตรจะราคาแพงขึ้นมาก) หรือถ้านั่งไกลจริงๆ ก็อาจจะพกกล้องส่องทางไกลไปด้วย รวมถึงอย่าไปดูโชว์หรือว่าฟังเพลงประกอบของมิวสิคัลมาก่อน เดี๋ยวอรรถรสการชมจะน้อยลง

     ทั้งนี้ยังไงก็ถือว่าเป็นละครเวทีที่ดูง่าย น่าดูน่าเสพ และสนุกจริงๆ ดังนั้นใครมีโอกาสก็อยากให้ได้ดูกัน จัดเป็นงานคุณภาพจริง ยกนิ้วให้เลย โอกาสที่เขาจะมาจัดในแถบภูมิภาคนี้คงมีไม่บ่อยสักเท่าไร ไม่ต้องบินไปถึงนิวยอร์คเพื่อดูให้วุ่นวาย มาที่เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ก็พอ... 

     เพิ่มเติมอีกนิด ในการดูละครเวทีค่อนข้างมีความแตกต่างจากภาพยนตร์ คือละครเวทีมีความเป็นนามธรรมกว่าภาพยนตร์ จึงต้องใช้ความคิดในการตีความการแสดง ดังนั้นก่อนดูแนะนำให้เตรียมสมองให้โล่ง เพื่อจะได้เปิดรับสุนทรียศิลป์จากตัวมิวสิคัลได้อย่างเต็มที่ครับ

     ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ