อะไรคือโหงวเฮ้งน่ารังเเก!?

ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งเเต่เมื่อไหร่ ตอนฝึกงานเหรอ ตอนเรียนมหาลัยเหรอ ไม่สิ มันเริ่มตั้งเเต่ตอนนั้น เด็กหญิงอายุ 4 ขวบพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการเอาหัวโขกกำเเพง เพียงเเค่เพราะไม่อยากไปโรงเรียน พอเลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นเด็กประถมก็ดันมีนิสัยเก็บตัวจนเพื่อนๆไม่ชอบเข้าใกล้ เเต่ท่ามกลางมรสุมเเบบนั้น เราก็ยังพยายามทำดีกับเพื่อนๆทุกคน หวังเเค่พวกเขาจะเป็นเพื่อนของเรา

จนกระทั่งวันหนึ่ง ในวิชาพละศึกษา เราก็ได้รู้ความจริง...

ครูพละให้เด็กชายXยืนขึ้น เเละถามเด็กนักเรียนในห้องว่า "ใครเป็นเพื่อนเด็กชายXบ้างให้ลุกขึ้นยืน"
คำตอบคือ มีเด็กชายหลายคนลุกขึ้นเเล้วบอกว่าพวกเขาคือเพื่อนกัน
เเละจู่ๆครูก็ชี้มาที่เราให้ลุกขึ้น เเละถามคำถามเเบบเดียวกัน
ไม่มีใครยืนขึ้นเพื่อบอกว่าเป็นเพื่อนเราเเม้เเต่คนเดียว...
ตอนนั้นฉันคิดเพียงเเค่ว่า เราอาจจะยังทำดีกับพวกเขาไม่พอ เลยปรึกษาเเม่ เเละเเม่ก็เอาบอกครูโดยหวังว่าจะให้ครูช่วยดูเเลบ้าง
เเต่สิ่งที่ครูทำคือ บอกเด็กทุกคนในห้องว่าเราไม่มีเพื่อนเพราะมันไม่เล่นกับใครน่ะสิ นิสัยมันเเย่ ขี้ฟ้อง เเล้วหัวเราะกับเด็กๆในห้องเรียน นั่นคือคำบอกเล่าของ
เพื่อนที่นั่งโต๊ะติดๆกันเล่าให้ฟัง

มันคือจุดเริ่มต้นของโรคเกลียดสังคม!! ตราบาปที่ได้จากโรงเรียนเเห่งนั้น

ส่งผลให้ตอนขึ้นมัธยมไม่มีเพื่อนอีกตามเคย เพราะพวกมันก็มาเรียนที่เดียวกับเราด้วย เเละยิ้มอยู่ห้องเดียวกับเราตามติดยิ่งกว่าวิญญาณอาฆาต
ท่ามกลางความเงียบเหงา จู่ๆก็มีเด็กหญิง'โอ๋'ย้ายเข้ามาเรียนในห้องเดียวกับเราด้วย โอ๋เป็นเด็กจากโรงเรียนต่างจังหวัดเลยไม่รู้ว่าคนในห้องเเบนเรา
เธอเป็นคนเดียวที่ดีกับเราในช่วงมัธยมต้นเเห่งนั้น
ใครจะรู้ ในวันที่โอ๋หยุดเรียนเพราะเป็นตาเเดง อยู่ก็ดีๆคนที่ชื่อดาวก็เข้ามารังเเกเราที่นั่งเรียนอยู่เฉยๆ
มันเวียนมาทุบตีอย่างอุกอาจ เราเลยถามว่า มารังเเกเราทำไม เราไม่ชอบ เเละได้คำตอบมาว่า "หมั่นไส้"
เเละนับจากวันนั้นมันก็เเกล้งเรามาตลอดจนเกินขีดความอดทนเเล้ว เราชกมันไปเต็มเเรง
พวกคนในห้องเลยวิ่งไปเรียกครูฝ่ายปกครองมาเเละบอกว่า "เรารังเเกดาว"
"..........''

เรื่องนี้เลยทำให้เราต้องย้ายโรงเรียนเข้าไปในโรงเรียนอำเภอข้างๆเเทนในชั้นมัธยมปีที่ 3 กลางห้องกลางเทอม นึกสภาพดู อยู่ๆต้องไปอยู่กับคนที่เขาสนิทกันมาจนจะเรียนจบอยู่เเล้ว จำได้เลยว่าบรรยากาศตอนนั้นโครตวังเวง
เเต่มีคนใจดี เราเลยมีเพื่อน
เราเคยถามเพื่อนว่า ทำไมคนในห้องชอบรังเเกเรา เเละได้รับคำตอบว่า เเกมีโหงวเฮ้งน่ารังเเก

หือ โหงวเฮ้งน่ารังเเก ถึงกับเปิดโลก โลกนี้มีโหงวเฮ้งเเบบนั้นด้วยเหรอ


ถึงเเม้จะมีคนมารังเเกอีกบ้าง เเต่เราก็ผ่านมันไปได้เพราะมีเพื่อน เเละเพื่อนส่วนใหญ่ในห้องก็ดีกับเรามาก
บางทีปัญหาอาจจะไม่ได้เกิดที่เรา!!

เเต่ถึงจะเป็นเเบบนั้นความรู้สึกเกลียดสังคมก็ยังคงอยู่เเละมันจะอาละวาดทุกครั้งที่เราจะต้องเลื่อนชั้น หรือเปิดเทอมทุกที ซึ่งในภายหลังเราเรียกมันว่า"ดิ่ง"

จนกระทั่งกระถัดกระถูเข้ามหาลัย อาการบ้าบอก็เกิดขึ้นอีก...
เรามีเพื่อนเยอะเเยะตั้งเเต่ปีเเรก
ปีสองเพื่อนก็ยังคงอยู่กับเรา
ปีสาม เพื่อนก็เเยกตัวออกไป โดยบอกเราว่าไม่ค่อยชอบเราเท่าไหร่
จนปีสุดท้ายเราก็ไม่เหลือเพื่อนอีก
เพื่อนที่ทิ้งเราไปบอกว่า"เราสัมผัสคำเพื่อนจากตัวเเกไม่เลย"
เราโกรธมากจนบล็อคเฟสทุกคน
เรารู้สึกว่าตัวเรานั้นไร้ค่า...
เเละในเวลาต่อมาเราได้คำตอบจากครูเเนะเเนวที่อาศัยในหมู่บ้านเดียวกันว่า "เราน่าจะโรคซึมเศร้าไม่ก็โลกส่วนตัวสูงเกินไป"
นั่นคืออาการโรคที่เราเข้าข่ายทุกข้อไม่ผิดเพี้ยน

เราไม่สามารถรักษาสัมพันธ์ในระยะยาว อีกทั้งยังเกลียดการเข้าสังคมทุกประเภท เมื่ออะไรสะกิดจิตใจนิดนึงก็พร้อมที่จะระเบิด จิตใจอ่อนเเอยิ่งกว่าเด็กสามขวบ ไม่กล้าที่จะออกจากห้อง งานการก็ไม่ค่อยออกไปหาไปทำ ได้งานก็กังวลจนไม่ทำ ตอนนี้พ่อเเม่ต่างกุมขมับ

อยากไปหาหมอนะ เเต่ในจังหวัดเราไม่มีจิตเเพทย์ ถึงมีบ้านเราก็ไม่ให้ไปหา....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่