"Love Doesn't Always End Well, Beasty."
เป็นภาคต่อที่ผมประทับใจมากกว่าภาคแรกอีกครับ ตอนดูภาคแรกผมก็คิดว่ามันก็สนุกและกินใจดี และผมค่อนข้างชื่นชอบแม่แอง(Angelina Jolie) อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้ดูการแสดงอันอบอวลไปด้วยพลังของเธอ ผมก็ชอบหนังไปแล้ว 50% ครับ แต่ด้วยองค์ประกอบที่เข้าท่าหลายอย่างในภาคแรก ผมเลยชอบมากกว่าที่คาดไว้ แต่ก็มีบางจุด(เช่นบทสรุปที่ค่อนข้างขัดใจ) ที่มีสะดุดไปบ้าง ผมเลยไม่ได้ชอบหนังแบบมากขนาดถึงกับต้องวนดูหลายรอบ
แต่พอมาดูภาคนี้ แน่นอนครับว่าบทหนังมันอาจจะมีขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง หรือว่าบทสรุปที่ค่อนข้างง่ายจนน่าแปลกใจ แต่ว่าองค์ประกอบอื่นๆ ของหนัง มันดีกว่าภาคแรกมากเลยครับ แค่พล็อตผมก็ชอบละ เมื่อออโรร่า (Elle Fanning) อยากจะมีผัว (Harris Dickinson) มีหรองานนี้แม่เลี้ยง (Angelina Jolie) จะยอมง่ายๆ เพราะราชินีอิงกริต (Michelle Pfeiffer) ดูท่าจะมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีเสียเท่าไหร่ งานนี้ขุ่นแม่มาลีก็เลยต้องออกโรงอีกครั้ง
ดูเผินๆ มันอาจจะน้ำเน่าครับ(ถ้าดูละครมาเยอะจะรู้ว่านี่คือ "basic of ละครน้ำเน่า" เลยอ่ะ) แต่ภายในความน้ำเน่านั้น คนเขียนบท(Micah Fitzerman-Blue, Noah Harpster และ Linda Woolverton มือเขียนบทจากภาคแรก) ได้ใส่ประเด็นการยึดครองบ้านเมือง การกดขี่ และเข่นฆ่าลงไปได้น่าสนใจและถ่ายทอดออกมาในรูปแบบเทพนิยายได้น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งความดีความชอบทั้งหมดต้องยกให้ Joachim Rønning ครับ ซึ่งผลงานแกที่ผ่านมา ผมชอบนะ อย่าง Pirates of the Caribbean: Dead Man Tell To Tell เนี่ยหลายคนบ่นว่าภาคนี้น่าเบื่อ แต่ผมดูแล้วกลับเป็นหนังในเฟรนไชส์สลัดที่ผมชอบมากที่สุด เพราะแกกำกับหนังออกมาอร่อยและพอเหมาะพอเจาะครับ ซึ่งเรื่องนี้แกก็ทำให้ผมไม่ผิดหวังเลย ผมชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรกพอสมควร ขนาดผมบ่นว่าบทมันดูอ่อน แต่แกดันกำกับทุกอย่างในหนังได้ลื่นไหลจนมันกลบข้อเสียไปซะมิดเลยครับ ฉะนั้นเลยไม่แปลกที่ผมจะปลื้มภาคนี้แบบเกินจริงไปหน่อย #ช่วยไม่ได้นี่หนังมันดันสนุกกว่าภาคแรก
เรื่องการแสดงไม่ต้องร่ายยาวหรอกนะครับ ตัวแม่ทั้งนั้นอ่ะที่มา มันจะธรรมดาได้เยี่ยงไร แม่แองก็ยังแผ่รังสีความสง่าได้ปังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนปล่อยผมสวยมากกกกก ส่วนน้องแอลก็ยังงามเช่นเคย และพ่อแซมของเราก็เป็นอีกาที่หล่อเหลาเช่นเดิม เพิ่มเติมคือฮาขึ้น #ไหนลองถอนสายบัวซิ555 ส่วนทีมนักแสดงใหม่ที่เพิ่มมา ก็ต่างมีเสน่ห์ราศีให้จับตามอง แม่ Pfeiffer ก็ร้ายได้น่าตบมาก(ฉากบนโต๊ะอาหารนี่กราบการแสดงของสองแม่ ฟาดกันมันส์มากแม่!) ส่วนพ่อ Dickinson ทีแรกตอนดูตัวอย่างเฉยๆ มาก แต่พอมาดูในเรื่องดันหล่อเฉยเลย555
ในด้าน Production ขอชื่นชมในการถ่ายทำ เรื่องมุมกล้องและ CG ในด้านมุมกล้องนั้นจัดได้ว่าน่าตื่นตามาก โดยเฉพาะ 5 นาทีแรกของหนังแทบจะตะโกนว่า "เหยดเข้!!!" ออกมาดังๆ ส่วนในเรื่อง CG ขอบอกว่าบริหารงบได้ดีมาก เพราะเนี๊ยบทุกจุดจริงๆ
สรุปแล้ว Maleficent: Mistress of Evil เป็นภาคต่อที่ทำหน้าที่สานต่อเรื่องราวได้น่าตื่นตาตื่นใจและสนุกกว่าภาคแรกค่อนข้างมาก ดูจบแล้วเทียบจะชวนทั้งสมาคมแม่บ้านมาดูจริงๆ #จริตหนังได้มากแม่ โดยรวมแล้วคุ้มกับเงินที่เสียไปมากถึงมากที่สุด เอาจริงๆ ไปดูแม่แองกระพือปีกแค่ 10 วิก็คุ้มแล้วป๊ะ!555
คะแนนเฉลี่ยรวม : 8.5/10
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู
[CR] [##REVIEW##] Maleficent: Mistress of Evil (2019) มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ | มนต์รัก "แม่เลี้ยง vs. แม่ผัว" [ไร้ส้มป่อย]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้