โค้ชนิชิโนะ ใช้เวลาแค่ 4 เกมส์ ก็สามารถเปลี่ยนทีมชาติไทยได้มากขนาดนี้เลยหรือ???

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 เดือนก่อน เกมส์ทีมชาตินัดสุดท้ายคือรายการไชน่าคัพ ที่เจอกับอุรุกวัย
และก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย ก็มีรายการ AFC Asian Cup ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่ม A
ผลงานคือ เสมอ UAE ชนะบาร์เรน แพ้อินเดีย...

จากวันนั้น จนถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบที่ 2
นักเตะที่โค้ช นิชิโนะเลือกในวันนี้ กับที่โค้ชราเยวัช และโค้ชโต่ยเลือกในรายการนั้น
มี 12 คนที่ยังคงอยู่ ทั้ง มุ้ย อุ้ม เจ นิว (ธิติพันธ์) โย่ง แชมป์ พี อดิษร ตั้ม โด อาร์ม และฉัตรชัย
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้เล่นหน้าใหม่ ที่ชุดรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบ 2 เรียกเข้ามาติดต่างจากชุด AFC Asian Cup เยอะมาก
ที่ดูจะแปลกหน่อยคือ หลายที่เรียกเข้ามาติด คือได้รับโอกาสลงเล่นในฐานะตัวจริงเสียด้วย

แน่นอนว่าการที่ตัวผู้เล่นแตกต่างกัน สไตล์ของฟุตบอลก็จะแตกต่างกันด้วย
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ สไตล์การเล่นเกมส์รับ ด้วยการบีบกดดันคู่แข่ง ซึ่งทีมชาติไทยโหยหามาตลอด
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เข้าใจกันมาตลอดว่า นักเตะไทยความฟิตไม่ถึงขั้น
แม้แต่ในทีมสโมสร ที่ขึ้นชื่อเรื่องการไล่บีบใส่คู่ต่อสู้อย่าง สมุทธปราการ หรือชัยนาท นักเตะก็ยังไม่สามารถยืนระยะได้จนจบเกมส์เลย
ส่วนอีกหลายทีม ก็เลือกที่จะเล่นบอลยาวบ้าง หรือยืนคุมพื้นที่ในเกมส์รับบ้าง จะเล่นวิ่งไล่บีบทั้งเกมส์ดูจะไม่มีให้เห็นเลย
ความฟิตนี้ดูจะเป็นอุปสรรคสำคัญของฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน

เมื่อก่อนไทย เน้นรับแล้วโต้ มานานพักหนึ่งเลย เพราะเราขาดศูนย์หน้าที่คมมากพอ ซึ่งมีมุ้ยคนเดียว ที่พึ่งพาได้
และในระดับสโมสร แทบจะทั้งลีกก็เลือกใช้บริการศูนย์หน้าต่างชาติกันหมด
จนมองไม่เห็นว่า นักเตะไทยใครจะมายิงประตูในทีมชาติได้บ้าง นี่ก็เป็นอีกปัญหาใหญ่พอๆกับสไตล์บอลของสโมสรไทย

แต่การเข้ามาของ โค้ชนิชิโนะ นี้ เขาแสดงให้เราได้เห็นอะไรมากมายจริงๆ
เพราะโค้ชนิชิโนะ มีเวลาเตรียมทีม และรู้จักนักเตะน้อยมาก ก่อนจะต้องเริ่มเกมส์แรกด้วยการรับการมาเยือนของทีมชาติเวียดนาม
และในอีกเพียง 5 วันถัดมา จะต้องออกไปเยือนทีมชาติอินโดนิเซีย ในรายการฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบที่ 2
และสามารถจบผลของทั้งสองเกมส์การ เสมอเวียดนาม และชนะอินโดนิเซีย แต่นั่นไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับ
การได้เห็น "ทีมชาติไทย โฉมใหม่ แกะกล่อง"

ทีมชาติไทยโฉมใหม่ นี้คือ ทีมที่สามารถบดใส่คู่แข่งได้ตั้งแต่เริ่มเกมส์ เล่นไล่บีบคู่แข่งได้ทั้งเกมส์ไม่มีหมด
เป็นทีมที่มีความฟิต และทักษะส่วนตัวที่ดี ไม่ใช่ทีมที่จะแพ๊คเกมส์รับ แล้วรอโต้ เหมือนในรายการ AFC Asian Cup แล้ว
และยิ่งมาเห็นชัดเจนมากขึ้นในเกมส์ที่ต้อนรับการมาเยือน ทีมวางจากโถ 1 อย่าง UAE 
ซึ่งไม่แค่การชนะในบ้านเท่านั้น แต่เป็นการชนะ ที่เรียกว่า "ชนะ" ได้จริงๆ

ความน่าสนใจคือ เกิดอะไรขึ้นกับทีมชาติไทย...
แค่เปลี่ยนโค้ช ใน 5วัน นักเตะก็ฟิตขึ้นมาทันตา วิ่งได้ 90นาที ตะคริวไม่ขึ้นแล้วหรอ
หรือแค่ 6เดือน นับจากรายการไชน่าคัพ นักเตะไทยไปซุ่มฟิตซ้อมมาหรือ
แต่ในลีกก็ยังถูกวิจารย์ว่าเล่นช้า แถมยังมีต่างชาติคอยแบกทีมกันอยู่นะ
ทีมที่ขึ้นชื่อว่า ไล่บี้ไล่บดได้ดี ทีมหนึ่งก็ลุ้นตกชั้น อีกทีมก็หมดลุ้นแชมป์ไปแล้วด้วย

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดมากจริงๆคือ มุ้ย เกมส์กับ UAE ที่เล่นยาว 90นาที ได้เฉยเลย
และทักษะของนักเตะที่นักเตะตะวันออกกลางซึ่งขึ้นชื่อเรื่องทักษะส่วนตัว ยังเหนื่อยที่จะต้องตามประกบ หรือต้องหนีให้พ้น
แม้แต่ ทอม เบียห์ ที่กลายเป็นเซนเตอร์ที่นิ่งขึ้นมาทันตา

นึกเหตุผลไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอะไรทำให้ทีมชาติไทยเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ในเวลาอันสั้น ซึ่งสั้นมาก โดยเฉพาะเรื่องความฟิต
คือถ้านักเตะไม่ได้ฟิตจากสโมสรมาก่อนอยู่แล้ว หรือมีทักษะที่ดีมาก่อนอยู่แล้ว แต่โค้ชคนก่อนใช้งานไม่เป็น 
ผมว่านิชิโนะ น่าจะพกห้องกาลเวลามาจากญี่ปุ่นด้วยแน่ๆ แล้วจับนักเตะไทยเข้าไปฝึกในนั้น สัก 3 วัน เพื่อเพิ่มความฟิต
ท่านคิดว่า "ความฟิต" ของนักเตะไทยนั้น มาจากไหน... 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่