ผมคิดว่าคนไทยคงได้ดู J League มากขึ้นกว่าแต่ก่อน หลังจากที่มีนักเตะไทยไปเล่นใน เจลีก
สมัยก่อนคงมีเพียงไม่กี่คนที่ติดตาม เจ-ลีก

แต่หลังจากมนักเตะไทยไปค้าแข้งใน เจ-ลีก เราก็มีช่องทางในการรับชมมากขึ้น

แฟนบอลไทยอาจจะไม่ได้ดูทุกทีมทุกลีกเหมือนบอลไทย
แต่ที่แฟนบอลไม่ค่อยเห็นใน J League คือการแกล้งเจ็บเพื่อถ่วงเวลา แทบจะไม่ค่อยมี

แต่ในไทยลีก เรายังเห็นการแกล้งเจ็บเพื่อถ่วงเวลากันอยู่
ซึ่งดูจากภาพช้าเราก็เห็นว่ามันไม่น่าจะเจ็บถึงกับนอนนาน ....

Dirty Tactic ด้วยการนอนนาน เมื่อทีมตัวเอง เสียบอล
คู่ต่อสุ้ได้เปรียบและกำลังรุก ก็นอนนานเพื่อให้หยุดการรุกของฝ่าตรงข้าม

โค้ชธง ได้เสนอแนะผ่านช่องยูทูป ว่าการใช้ Dirty tactic ด้วยการแกล้งเจ็บ แกจะไม่สอนให้ลูกทีมทำ 
ต้องขอชื่นชมโค้ชธงที่มีแนวความคิดเช่นนี้ ฟุตบอลมันควรจะเป็นกีฬาของสุภาพบุรุษ
ที่ไม่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามด้วยแทคติกสกปรก

ต่อมา อาจารย์ อากิระ นิชิโนะ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ กรณี ก้มลงไปบอกนักเตะเวียตนามให้รีบลุกขึ้น

อาจารย์ นิชิโน๊ะ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ภายหลัง 

การเล่นฟุตบอลมีเวลาเพียง 90 นาที แต่การเล่นจริงๆ มีเพียง 50-60 นาทีเท่านั้น 
ถ้ายากจะยกระดับตัวเอง นักเตะไทยไม่ควรที่จะใช้แทคติกถ่วงเวลา แบบนี้

ความจริง โค้ชธงได้พูดถึงเรื่องนี้ในคลิป ก่อนที่อาจารย์นิชิโน๊ะ จะได้ให้สัมภาษณ์ กรณีนี้



ผมเห็นด้วยกับ โค้ชธง ที่จะเสนอไปยังนายกสมาคม
นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ทีมชาติ - สโมสร ก่อนที่ ไทยลีก 2020 จะเปิดเทอม เป็นนโยบาย ให้โค้ชไทย สโมสร
นำไปเป็นนโยบาย ไปปฏิบัติ 

ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวของอาจารย์ นิชิโน๊ะ 

ถ้าอยากยกระดับฟุตบอลไทย ควรเลิกแท็คติก นอนถ่วงเวลา นี้ ครับ

ขอบคุณ : โค้ชธง ธงชัย สุขโกกีย์ ที่ให้ความรู้ในเรื่องนี้ และเป็นแบบอย่างโค้ชที่ดีที่ไม่ใช้แทคติกนี้
ขอบคุณ : โค้ช นิชิโน๊ะ อากีระ ที่ได้ได้มาย้ำเรื่องนี้ และปลูกฝังให้กับทีมชาติ เป็นแบบอย่างให้กับชาติอื่นๆในอาเซี่ยน

หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ บอลไทยจะเลิกพฤติกรรมแกล้งเจ็บเพื่อถ่วงเวลา เพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบ 
และแฟนบอลจะได้ดูฟุตบอลที่มีอรรถรส เพิ่มขึ้น