สวัสดีครับหลังจากที่ห่างหายจากการเขียนรีวิวไปนานมากๆ วันนี้พึ่งมีเวลาว่างเลยทำให้นึกที่อยากจะทำการเขียนรีวิวที่ไปญี่ปุ่นมาเมื่อต้นเดือนมิถุนายน เราไปกันทั้งหมด 7 วัน 6 คืน โดยที่การไปโตเกียวครั้งนี้เป็นครั้งเเรกของผมครับ เนื่องจากเดินทางมาหลายเดือนเเล้วเเผนการเดินทางที่ได้เตรียมไว้ก็หายไปตามกาลเวลาเช่นกันครับ โอเครงั้นขออนุญาติเริ่มเเบบดิบๆ ตามรูปที่ได้ถ่ายมาเลยนะครับว่าไปที่ไหนมาบ้าง

เราได้ไฟล์เดินทางตอนเช้าครับ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองมุ่งหน้าสู่สนามบินโตเกียว (นาริตะ) มาถึงญี่ปุ่นก็ประมาน 11 โมงเช้าโดยประมาน จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปภูเขาไฟฟูจิหรือฟูจิซันนั้นเอง

หลังจากเรานั่งรถไฟออกมาจากสนามบินมาที่ชินจุกุ เพื่อมาซื้อตั๋วรถไฟไปภูเขาไฟฟูจิ เเต่ตรงนี้เราพลาดที่กะเวลาผิดนะครับ จริงๆ จากจุดนี้ไปภูเขาไฟฟูจิถ้าเรามาถึงเร็ว เราก็จะสามารถนั่งรถทัวร์เพื่อฟูจิซันได้ เเต่เรามาถึงช้า เราก็เลยต้องซื้อตั๋วรถไฟเพื่อไปที่พักที่ฟูจิซันครับ ระหว่างนั้นก็เดินเล่นชมเมืองตอนกลางวันไปก่อนครับ อากาศที่นี่ตอนช่วงบ่ายโมงก็เย็นๆ ประมาน 25 องศาได้ เเต่ถ้ายืนตากเเดดก็จะร้อนครับ


ร้านนี้ชื่อร้านอะไรไม่ทราบ เเต่ยังนึกถึงข้าวปั้นร้านนี้อยู่เลย ยังอยากกลับไปกินอีก

ระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกสถาณที่เที่ยวนั่นก็คือเมาเท่นฟูจิตลอดทาง บางป้ายมีภาษาไทยบอกด้วยนะ

เเละเเล้วเราก็มาถึงที่สถานี Kawagushiko สถานีนี้มีความพิเศษมากๆ เกี่ยวกับรถไฟครับ เดี๋ยวจะมาเล่าต่อให้ฟัง

เเละเราก็พลาดต่อครับ เนื่องจากเรามาถึงประมานสามทุ่มเนื่องจากใช้เวลาเดินทางนาน เราเลยมีเวลาเเช่ออนเซนน้อย เเละเราก็พลาดอาหารเย็นจากทางที่พักด้วยครับ น่าเสียดายจริงๆ มาดูบรรยากาศตอนเช้ากันต่อเลยครับ โอ้โห นี่มันคนละอย่างกันกับตอนกลางคืนเลยนะเนี่ย กลางคืนมองไม่เห็นอะไรเลยอ่ะ พอตอนเช้า Oh my godddd มองออกไปจากหน้าต่างที่พักคือเห็นฟูจิซันเลย อ่อลืมบอกไป อุณหภูมิที่นี่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ไกล้ๆ กับฟูจิเนี่ยจะอยู่ประมาน 14-18 องศาครับ ก็ถือว่าเย็นๆ ครับไม่ได้หนาวมาก เเต่ตอนเจอลมก็เอาเรื่องครับ

ตบท้ายด้วยอาหารเช้าจากที่พักครับ ปล.เจ้าของที่พักเค้าดีมาก เค้าออกมาส่งเเละพาเราเเวะถ่ายรูปที่ทะเลสาบด้วย

เเอบถ่ายรูปคุณเจ้าของบ้านไว้ด้วย เเกยังเป็นห่วงเราว่าเราจะไปต่อถูกมั้ย น่ารักจริงๆ

เอาล่ะครับ ที่ติดค้างกันไว้สำหรับสถานี Kawagushiko มีอะไรดี ไปดูกันครับ

มันมีกาเเฟ Starbuck เเบบเเก้วเเค่เนี้ยะนะ โถ่ๆๆๆ ไม่ใช่ครับ

นี่ต่างหากละครับมันคือขบวนรถไฟที่มีเพ้นท์รูป Thomas ไว้ไงครับกับพื้นหลังภูเขาไฟฟูจิ เป็นไงล่ะครับสวยล่ะสิ

จากสถานี Kawagushiko เราก็ไปต่อกันที่จุด Landmark อีกที่นึงที่ใครมาโตเกียวเเล้วต้องห้ามพลาด นั้นก็คือเจดีย์สีเเดงหรือ Chureito Pagoda นั้นเองล่ะครับ ฮิตไม่ฮิต รูปนี้น่าจะเห็นจากคนไทยที่ริวิวกันทุกกระทู้เเน่นอนครับ

หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่ชินจูกุอกีรอบนึงเพื่อเดินทางต่อกลับไปยังที่พักเเถวย่านอาซากุสะ


อรุณสวัสดิ์อาซากุสะ

จากวัดอาซากุสะเราก็นั่งรถไฟต่อเพื่อไปที่ตลาดปลาสึกิจิ

หลังจากที่อิ่มท้องจากที่ตลาดปลา เราก็เดินทางต่อมาที่ศาลเจ้าเมจิ ที่ย่านฮาราจูกุซึ่งก่อนที่เราจะเที่ยวที่ย่านวัยสะรุ่นสุดๆ อย่างฮาราจูกุ เราก็มาไหว้ขอพรกันที่ศาลเจ้าเมจิกันก่อนนี่เเหละครับ

จากศาลเจ้าเมจิเดินมาอีกไม่ไกลมากก็จะพบเจอกับย่านเด็กเเนวญี่ปุ่น นั่นก็คือย่านฮาราจูกุ ซึ่งเราจะเดินเข้าไปเที่ยวใน Takeshita Street กันครับ พยายามใจเเข็งๆ ไว้นะครับ เพราะมีสิ่งยั่วตายั่วใจเยอะเลยล่ะครับ


เราเดินกันมาจนเหนื่อยมากๆ สุดท้ายเราก็ขอปิดท้ายด้วยรูป Tokyo Sky Tree ระหว่างทางกลับทีพักของเรานะครับ

ไปกันต่ออีกหนึ่งวันครับ วันนี้เราจะไปห้าเเยกชิบูย่าแต่ว่า...........ฝนตก ซะงั้น ทริบนี้ยังไงกันเนี่ย ตูจะรอดมั้ย
ก็นั่นล่ะครับ ฝนตกทั้งวัน อาการวันนี้มันก็จะซึมๆ เศร้า เหงาๆ เฮ้ย....เว่อร์ไปเเก เราก็เลยเปลี่ยนเป็น Shopping กันเลยครับสำหรับวันนี้เพื่อฆ่าเวลาขณะที่ฝนตก

เดี๋ยวเรากลับมาต่อกับที่เที่ยวในโตเกียววันที่เหือกันนะครับ