นักลงทุนรายย่อย มักประสบปัญหา ว่าหุ้นพื้นฐานดีที่เราเลือกถือหุ้นอยู่. ทั้งที่บริษัท มีรายได้ยอดขายสม่ำเสมอ รายได้ มากกว่า 500,000 ล้านบาทต่อปี กำไรสม่ำเสมอมากกว่า 20,000 - 40,000 ล้านบาทต่อปี ราคาหุ้น Pe ต่ำกว่า 10 เท่า Pe/Bv ต่ำกว่า 1 หุ้นมีการจ่ายเงินปันผล 5-7%ต่อปี
ราคาหุ้นที่ถือมีราคาหุ้นต่ำกว่า. ราคามูลค่าพื้นฐาทางบัญชี ปัจจุบัน อยู่ที่ 64 บาทต่อหุ้น
นักลงทุนรายย่อย จะต้องสร้างและปรับเปลี่ยนจิตวิทยาในเล่นหุ้น เพื่อที่จะสร้างกำไร ในการถือครองหุ้นพื้นฐานดี ให้ได้กำไร
1. นักลงทุน รายย่อย จะต้องดูข้อมูลจริง รายได้ กำไร ต้นทุน หนี้สินการขยายงาน การลงทุน ของหุ้นที่เราถืออยู่ เพื่อสร้างเชื่อมั่นในกาลงทุนหุ้นที่เราถืออยู่ วิเคราะห์หุ้นตามปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยอาศัยข้อมูลจริงในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
2. นักลงทุนรายย่อย จะไม่อ่อนไหว ตามกระแสข่าวลวง เพื่อสร้างความตกใจในการขายหุ้นที่ถืออยู่ ตามแรงเทขายของนักเก็งกำไร ขา short sell เพื่อไล่ราคาลงต่ำ. และความตกใจนักลงรายย่อย จะเทขายตาม ทำให้ราคาหุ้นลงต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี
3. นักลงทุน จะต้องทราบ ราคามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี แสดงถึงความมั่นคง ปลอดภัย ของนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่. ปัจจุบัน Pttgc ราคามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี 64 บาทต่อหุ้น ( คิดจากมูลค่าสินทรัพย์หุ้น - หนี้สินของบริษัท ÷ จำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ) มูลค่าพื้นฐานทางบัญชียิ่งมีราคาสูงยิ่งดี แสดงถึงความมั่นคง ปลอดภัย ได้เป็นอย่างดี
4.นักลงทุนรายย่อย จะต้องทนถือหุ้นพื้นฐานดี และจะขายหุ้นที่เราถือ
ถ้าราคาหุ้นเกินมูลค่าพื้นฐาน ทางตลาดหุ้น ปัจจุบัน Pe ตลาดอยู่ที่ 14-15 เท่า Pttgc ปัจจุบัน ไม่เกิน 10 เท่า หรือจะขายออก เพื่อทำกำไร ถ้าซื้อมาในราคาต่ำกว่าที่ซื้อมา
นักลงทุนรายย่อย ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ที่จะขายในราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี.
5.นักลงทุนรายย่อย. จะต้องดูข้อมูล ถ้าบริษัทมีนโยบายซื้อหุ้นคืนจากในตลาด. เพื่อรักษาเสถียรของราคาหุ้น
Pttgc ปัจจุบันมีนโยบายซื้อหุ้นคืนจากตลาด 50,000,000 หุ้น ราคาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 60 บาทต่อหุ้น ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยก็ไม่ควรที่จะขายต่ำกว่าราคาที่ซื้อหุ้นจากตลาด
6.นักลงทุนรายย่อย จะต้องฝึกจิตใจ และจะขายหุ้น ในราคาที่กำไรเท่านั้น และในช่วงมนตลากผลันผวน จะมีรายเทขาย ของนักเก็งกำไร เพื่อเขย่าจิตใจรายย่อยให้เทขาย เทขายหุ้นตามนักเก็งกำไร เพื่อไล่ราคาให้ลงต่ำ
6.นักลงทุนรายย่อย จะต้องมีความรู้ในเครื่องมือทางการตลาด เพื่อสร้างการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น และทำให้นักลงทุนรายย่อยตกใจ เพื่อสร้างกำไร ในช่วงตลาดผลันผวน ทั้งเก็งกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง โดยเครื่องมือ Tflex Blox, trade ,Dw warrant ,Short sell ทั้งนักเก็งกำไรในประเทศ และต่างประเทศ ผ่าน NVDR ซึ่งถ้านักลงมีความรู้ก็จะเข้าใจ ในเคลื่อนไหวของราคาในตลาด และจิตใจจะมั่งคงและไม่ขายหมูออกไป
และถ้านักลงทุน มีความรู้เข้าใจการลงทุนที่ต้อง ก็จะสร้างกำไรและการลงทุนในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี
การควบคุมจิตวิทยาในเล่นหุ้นสำหรับรายย่อยที่ถือหุ้น ให้ได้กำไรจากการถือหุ้นพื้นฐานดี ต้องมีอะไรบ้าง?
ราคาหุ้นที่ถือมีราคาหุ้นต่ำกว่า. ราคามูลค่าพื้นฐาทางบัญชี ปัจจุบัน อยู่ที่ 64 บาทต่อหุ้น
นักลงทุนรายย่อย จะต้องสร้างและปรับเปลี่ยนจิตวิทยาในเล่นหุ้น เพื่อที่จะสร้างกำไร ในการถือครองหุ้นพื้นฐานดี ให้ได้กำไร
1. นักลงทุน รายย่อย จะต้องดูข้อมูลจริง รายได้ กำไร ต้นทุน หนี้สินการขยายงาน การลงทุน ของหุ้นที่เราถืออยู่ เพื่อสร้างเชื่อมั่นในกาลงทุนหุ้นที่เราถืออยู่ วิเคราะห์หุ้นตามปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยอาศัยข้อมูลจริงในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
2. นักลงทุนรายย่อย จะไม่อ่อนไหว ตามกระแสข่าวลวง เพื่อสร้างความตกใจในการขายหุ้นที่ถืออยู่ ตามแรงเทขายของนักเก็งกำไร ขา short sell เพื่อไล่ราคาลงต่ำ. และความตกใจนักลงรายย่อย จะเทขายตาม ทำให้ราคาหุ้นลงต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี
3. นักลงทุน จะต้องทราบ ราคามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี แสดงถึงความมั่นคง ปลอดภัย ของนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่. ปัจจุบัน Pttgc ราคามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี 64 บาทต่อหุ้น ( คิดจากมูลค่าสินทรัพย์หุ้น - หนี้สินของบริษัท ÷ จำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ) มูลค่าพื้นฐานทางบัญชียิ่งมีราคาสูงยิ่งดี แสดงถึงความมั่นคง ปลอดภัย ได้เป็นอย่างดี
4.นักลงทุนรายย่อย จะต้องทนถือหุ้นพื้นฐานดี และจะขายหุ้นที่เราถือ
ถ้าราคาหุ้นเกินมูลค่าพื้นฐาน ทางตลาดหุ้น ปัจจุบัน Pe ตลาดอยู่ที่ 14-15 เท่า Pttgc ปัจจุบัน ไม่เกิน 10 เท่า หรือจะขายออก เพื่อทำกำไร ถ้าซื้อมาในราคาต่ำกว่าที่ซื้อมา
นักลงทุนรายย่อย ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ที่จะขายในราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานทางบัญชี.
5.นักลงทุนรายย่อย. จะต้องดูข้อมูล ถ้าบริษัทมีนโยบายซื้อหุ้นคืนจากในตลาด. เพื่อรักษาเสถียรของราคาหุ้น
Pttgc ปัจจุบันมีนโยบายซื้อหุ้นคืนจากตลาด 50,000,000 หุ้น ราคาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 60 บาทต่อหุ้น ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยก็ไม่ควรที่จะขายต่ำกว่าราคาที่ซื้อหุ้นจากตลาด
6.นักลงทุนรายย่อย จะต้องฝึกจิตใจ และจะขายหุ้น ในราคาที่กำไรเท่านั้น และในช่วงมนตลากผลันผวน จะมีรายเทขาย ของนักเก็งกำไร เพื่อเขย่าจิตใจรายย่อยให้เทขาย เทขายหุ้นตามนักเก็งกำไร เพื่อไล่ราคาให้ลงต่ำ
6.นักลงทุนรายย่อย จะต้องมีความรู้ในเครื่องมือทางการตลาด เพื่อสร้างการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น และทำให้นักลงทุนรายย่อยตกใจ เพื่อสร้างกำไร ในช่วงตลาดผลันผวน ทั้งเก็งกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง โดยเครื่องมือ Tflex Blox, trade ,Dw warrant ,Short sell ทั้งนักเก็งกำไรในประเทศ และต่างประเทศ ผ่าน NVDR ซึ่งถ้านักลงมีความรู้ก็จะเข้าใจ ในเคลื่อนไหวของราคาในตลาด และจิตใจจะมั่งคงและไม่ขายหมูออกไป
และถ้านักลงทุน มีความรู้เข้าใจการลงทุนที่ต้อง ก็จะสร้างกำไรและการลงทุนในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี